กรุงศรีอยุธยา
ชื่อและที่ตั้งของกรุงศรีอยุธยา
"จากพระราชพงศาวดารกรุงเก่า ฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์"
จุลศักราช ๖๘๖ ชวดศก (พ.ศ. ๑๘๖๗) แรกสถาปนาพระพุทธเจ้า เจ้าพแนงเชิง
ศักราช ๗๑๒ ขาลศก (พ.ศ. ๑๘๙๓) วัน (๖ ฯ ๕) ค่ำ เพลารุ่งแล้ว ๓ นาฬิกา ๙ บาท แรกสถาปนากรุงพระนครศรีอยุธยา
ศักราช ๗๓๑ ระกาศก (พ.ศ. ๑๙๑๒) แรกสร้างวัดพระราม ครั้งนั้นสมเด็จพระรามาธิบดีเจ้าเสด็จนฤพาน จึงพระราชกุมารท่านสมเด็จพระ (ราเม) ศวรเจ้าเสวยราชสมบัติ
เรื่องสร้างกรุงศรีอยุธยา มีในจดหมายเหตุของโหรว่า พระเจ้าอู่ทองสร้าง ๒ ครั้ง ครั้งหนึ่งเมื่อปีขาล จุลศักราช ๗๑๒ อีกครั้งหนึ่งเมื่อปีกุน จุลศักราช ๗๒๑ สร้างทีหลังนี้ดูไม่มีมูลในเรื่องพงศาวดารทีเดียว ข้าพเจ้าเข้าใจว่าโหรวางศักราชปีกุนนั้นผิด ถ้าปีกุนจุลศักราช ๗๐๙ จึงจะได้ความ คือพระเจ้าอู่ทองย้ายมาจากเมืองอู่ทองมาสร้างเวียงเหล็กในแขวงเมืองอโยธยา เมื่อปีกุน จุลศักราช ๗๐๙ พ.ศ. ๑๘๙๐ อยู่ ๓ ปีจึงสร้างกรุงศรีอยุธยา ซึ่งหนังสือพงศาวดารทุฉบับ และจดหมายเหตุของโหรยุติต้องกันว่า ฝังหลักเมืองเมื่อ ณ วันศุกร์ ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๕ เพลาเช้า ๓ นาฬิกา ๙ บาท ปีขาล (น่าจะเป็นปีเถาะยังเป็นโทศก) จุลศักราช ๗๑๒ พ.ศ. ๑๘๙๒ นับอายุกรุงศรีอยุธยาแต่นั้นเป็นต้นมา เมื่อสมเด็จพระรามาธิบดีสร้างกรุงศรีอยุธยา พระชันษาได้ ๓๖ พรรษา สมเด็จพระรามาธิบดีเสวยราชสมบัติอยู่กรุงศรีอยุธยา ๑๙ ปี สวรรคตเมื่อปีระกา จุลศักราช ๗๑๓ พ.ศ. ๑๙๑๒ พระชันษาได้ ๕๕ ปี
ชื่อกรุงศรีอยุธยา
กรุงศรีอยุธยาที่สมเด็จพระรามาธิบดีสร้าง ขนานนามโดยพิสดารว่า กรุงเทพมหานคร (บวร) ทวาราวดีศรีอยุธยา
หนังสือพระราชพงศาวดารอธิบายนามทั้งปวงนี้ว่า ที่เรียกว่า กรุงเทพมหานคร เพราะเอาชื่อเมืองเทพนครเดิมของพระเจ้าอู่ทองมาใช้ ข้อนี้ข้าพเจ้าเข้าใจว่ายังไม่ตรงดี ที่จริงชื่อกรุงเทพมหานครนั้น เห็นจะหมายความว่าเป็นราชธานี เมืองใดเป็นราชธานีเมืองนั้นก็มีชื่อว่ากรุงเทพมหานคร ชื่อนี้ยังได้เอาลงใช้จนกรุงเทพฯมหานครอมรรัตนโกสินทร์นี้ ชื่อ ทวาราวดี ที่อธิบายว่าเพราะมีลำแม่น้ำล้อมรอบนั้นถูกต้อง กรุงศรีอยุธยาที่พระเจ้าอู่ทองสร้างมีลำแม่น้ำล้อมรอบจริง ด้านเหนือซึ่งเรียกว่าคลองเมืองเดี๋ยวนี้ เวลานั้นสายน้ำลำแม่น้ำลพบุรียังไหลลงมาทางนั้นเป็นลำน้ำใหญ่ ด้านตะวันออกมีลำแม่น้ำสัก แต่เวลานั้นสายน้ำยังลงมาทางบ้านม้า ด้านใต้ ด้านตะวันตก ลำแม่น้ำเจ้าพระยาลงมาทางหัวแหลม ออกบางกระจะวัดพระเจ้าพนัญเชิงอย่างทุกวันนี้ ที่เรียกนามว่า ศรีอยุธยานั้น เอาชื่อเมืองอโยธยาเดิมมาใช้มิใช่คิดขึ้นใหม่
ที่ตั้งกรุงศรีอยุธยา
ตัวเมืองที่สมเด็จพระรามาธิบดีสร้าง เข้าใจว่ากำแพงเมืองยังใช้เพียงหลักไม่ระเนียดปักบนเชิงเทินดิน เพราะได้ความในพระราชพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐว่า พึ่งมาก่อกำแพงด้วยอิฐเมืองแผ่นดินสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ แนวกำแพงเมืองสร้างครั้งสมเด็จพระรามาธิบดีนั้น ด้านเหนือ ด้านตะวันตก ด้านใต้ ตั้งลงมาถึงริมลำน้ำทั้ง ๓ ด้าน แต่ด้านตะวันออกลำน้ำสักยังอยู่ห่างมาก แนวกำแพงเมืองอยู่หลังวัดจันทรเกษมเข้าไป ลำน้ำแต่หัวรอลงมาจนวัดพระเจ้าพนัญเชิง ในเวลานั้นขุดเป็นแต่คูเมืองเรียกว่า ขื่อหน้า พึ่งมาขุดขยายเป็นลำน้ำใหญ่เมื่อแผ่นดินสมเด็จพระธรรมราชาธิราช พระราชวังที่สร้างครั้งสมเด็จพระรามาธิบดี สร้างริมหนองโสนคือ บึงพระราม ห่างแม่น้ำ อยู่ที่วัดพระศรีสรรเพชญเดี๋ยวนี้ ปราสาทราชมณเฑียรสร้างด้วยไม้ทั้งนั้น พระราชมณเฑียรย้ายลงมาตั้งริมน้ำ เมื่อแผ่นดินสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ปราสาทก็เห็นจะพึ่งมาก่อเป็นตึกเมื่อย้ายพระราชมณเฑียรคราวนั้น
เขตแดนกรุงศรีอยุธยา
ในหนังสือพระราชพงศาวดารว่า ครั้งสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ มีพระยาประเทศราชขึ้นกรุงศรีอยุธยา ๑๖ เมือง พิเคราะห์เห็นว่าเมืองเหล่านั้นไม่ได้ขึ้นกรุงศรีอยุธยาอย่างเดียว เมืองพิษณุโลก (คือเมืองสระหลวงสองแคว) เมืองสุโขทัย เมืองพิชัย เมืองสวรรคโลก (คือเมืองศรีสัชนาลัย) เมืองพิจิตร เมืองกำแพงเพชร เมืองนครสวรรค์ ๗ เมืองนี้ยังอยู่ในอาณาเขตของพระมหาธรรมราชาลิไทย จะเป็นเหตุด้วยพระมหาธรรมราชายอมถวายบรรณาการขอเป็นไมตรีดังกล่าวมาแล้ว ผู้แต่งหนังสือพระราชพงศาวดารภายหลังจึงถือว่า เมื่อเหล่านี้ขึ้นกรุงศรีอยุธยา เมืองเมาะตะมะ เมืองเมาะลำเลิ่ง ๒ เมืองนี้ แต่เดิมเคยขึ้นกรุงสุโขทัยจริง แต่เวลานั้นอยู่ในอาณาเขตของพระยาอู่ เมืองหงสาวดีเป็นอิสระมาแต่ครั้งสุโขทัย เมืองจันทบุรี เมืองนครศรีธรรมราช เมืองตะนาวศรี เมืองทวาย เมืองมะละกา เมืองชวา (ได้ความตามหนังสือเรื่องเมืองไทยของมองสิเออร์ลาลูแบร์ เข้าใจว่าเมืองยะโฮนั้นเอง) ๕ เมืองนี้มีหลักฐานเชื่อได้ว่า ครั้งนั้นขึ้นกรุงศรีอยุธยาอาณาเขตของสมเด็จพระรามาธิบดี ข้างเหนือน่าจะอยู่เพียงเมืองชัยนาท ข้อนี้มีพยานที่ให้พระราเมศวรไปครองเมืองลพบุรี ครั้งนั้นคงจะเป็นเมืองหน้าด่านอยู่ต่อแดนขอมและแดนนคร
คัดจากบางส่วนของ พระอธิบายท้ายพระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา พระนิพนธ์ในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
และ ขอบคุณ student.chula.ac.th/
Bookmarks