การสังคายนาพระไตรปิฏกครั้งใหญ่ ๔ ครั้ง ในอินเดีย




I. สังคายนาพระไตรปิฏก ครั้งที่ ๑ (ปฐมสังคายนา)
(The First Buddhist Synod)

- กระทำภายหลังที่พระพุทธองค์ปรินิพพานแล้วราว ๓ เดือน
- ณ ถ้ำสัตตบรรณคูหา เขาเวภาระ เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ(ราชคฤห์ ล้อมรอบด้วยภูเขาทั้ง ๕ คือ ๑.เวภาระ ๒.ปัณฑวะ ๓.เวปุลละ ๔.อิสิคิริ ๕.คิชฌกูฏ)
- พระเจ้าอชาตศัตรู เป็นองค์ศาสนูปถัมภ์
- มีเหตุมาจากภิกษุสุภัททะ จ้วงจาบพระธรรมวินัยและแสดงอาการปิติ หลังจากพุทธปรินิพพานได้ ๗ วัน
- ๗ เดือนจึงสำเร็จ ทำให้การร้อยกรองพระไตรปิฎกเป็นหมวดหมู่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก
- พระมหากัสปเป็นประธาน เป็นผู้สอบถาม
- พระอุบาลีเป็นผู้ตอบข้อซักถามทางวินัย
- พระอานนท์เป็นผู้ตอบข้อซักถามทางธรรม
- มีพระอรหันต์ประชุมกัน ๕๐๐ รูป ร่วมประชุม
- ร้อยกรองพระธรรมและพระวินัย
- เริ่มปรากฏความไม่ลงรอยในหมู่ภิกษุสงฆ์เกี่ยวกับพระธรรมและพระวินัย
**********************



II. สังคายนาพระไตรปิฏก ครั้งที่ ๒ (ทุติยสังคายนา)
(The Second Buddhist Synod)

- กระทำภายหลังที่พระพุทธองค์ปรินิพพานแล้ว ๑๐๐ ปี
- ณ วาลิการาม (อารามดินทราย) เมืองเวศาลี แคว้นวัชชี
- พระเจ้ากาฬาโศก เป็นองค์ศาสนูปถัมภ์
- มีเหตุมาจากเหล่าภิกษุวัชชีบุตร ผู้ถือวินัยผิดเป็นเหตุ
- พระสัพพกามีมหาเถระเป็นประธาน
- พระอชิตะเป็นผู้จัดสถานที่การประชุม
- มีสงฆ์ร่วมประชุม ๗๐๐ รูป
- ๘ เดือนจึงแล้วเสร็จ
- คณะสงฆ์วัชชีบุตรแห่งเวศาลี แก้ไขพระวินัยบัญญัติ ๑๐ ประการ (วัตถุ ๑๐ ประการ)
- มีทั้งสงฆ์ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เมื่อยึดถือวินัยที่แตกต่าง จึงแยกออกมาเป็น ๒ นิกาย
- คณะสงฆ์ที่โต้แย้งได้รับชื่อว่า "เถรวาท" (นิกายฝ่ายใต้) เพราะถือตามพระเถรพุทธสาวกที่ทำปฐมสังคายนา
- สงฆ์ที่ถือพระธรรมวินัยตาม "เถรวาท" ได้ชื่อว่า "สถวีระ"
- เถรวาทได้แบ่งออกเป็น ๑๒ นิกาย หลังจากพุทธปรินิพพานราว ๒๐๐ ปี
- คณะสงฆ์วัชชีบุตรได้ชื่อว่า "อาจาริยวาท" (นิกายฝ่ายเหนือ) เพราะถือตามที่อาจารย์แก้ไขไว้ภายหลัง
- สงฆ์ที่ถือตาม "อาจาริยวาท" ได้ชื่อว่า "มหาสังฆิกะ" (สงฆ์หมู่ใหญ่) และได้แยกไปสังคายนาต่างหากที่เมืองปาฏลีบุตรมีสงฆ์เข้าร่วมถึง ๑๐,๐๐๐ รูป เปลี่ยนแปลงแต่งเติมพระสูตร และพระวินัยขึ้นมากมาย แตกแยกออกเป็นหลายนิกาย ที่สำคัญได้แก่ นิกายโลกุตรวาท นิกายไจตยิกะ และ นิกายไศละ ซึ่งแม้จะยังไม่ถือเป็นมหายานโดยตรง แต่ก็จัดได้ว่าเป็นเบื้องต้นแห่งการแตกแยก จากฝ่ายเถรวาทมาเป็นมหายานในเวลาต่อมา
- มหาสังฆิกะเริ่มแบ่งแยกออกเป็นนิกายย่อยราวพุทธปรินิพพาน ๑๐๐ปี
- ความแตกต่างของ ๒ นิกายส่วนใหญ่ เกี่ยวกับเรื่องพุทธลักษณะมากกว่าข้อพระธรรม (พระพุทธองค์ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา แต่เป็นโลกุตตระ ในที่สุดก็กลายเป็นพระโพธิสัตว์)

***************************



III. สังคายนาพระไตรปิฏก ครั้งที่ ๓ (ตติยสังคายนา)
(The third Buddhist Synod)

- สังคายนาครั้งนี้กระทำหลังจากที่พระพุทธองค์ปรินิพพานแล้ว ๒๓๔ ปี
- ณ อโศการาม เมืองปาฏลีบุตร แคว้นมคธ
- มีเหตุมาจากพวกเดียรถีร์มาปลอมบวชเป็นเหตุ
- พระเจ้าอโศกมหาราช กษัตริย์องค์ที่ ๓ แห่งราชวงศ์โมริยะ เป็นองค์ศาสนูปถัมภ์
- พระโมคคลีบุตรเป็นประธาน
- มีสงฆ์ร่วมประชุมราว ๑,๐๐๐ รูป
- ๙ เดือนจึงแล้วเสร็จ
- เป็นเพียงการประชุมของฝ่ายเถรวาท หรือ สถวีระ เท่านั้น (สถวีรวาทิน หรือ วิภาชยวาทิน)
- สะสางพระธรรมวินัยที่แตกแยก ตามที่นิกายต่างๆ อวดอ้างและสั่งสอนแข่งกัน
- ส่งพระสมณฑูตไปเผยแพร่พระพุทธศาสนา
- รวมพระบรมสารีริกธาตุจากสถูปทั้ง ๘ แห่ง และแบ่งปันไป
- พระมหินทเถระ โอรสพระเจ้าอโศกมหาราช ได้นำพระพุทธศาสนาไปประดิษฐานในลังกาและทำการสังคายนาพระไตรปิฏกครั้งแรก ณ ถูปาราม เมืองอนุราช

**********



IV. สังคายนาพระไตรปิฏก ครั้งที่ ๔ (การสังคายนาของฝ่ายเหนือ)
(The Fourth Buddhist Synod)

- สังคายนาครั้งนี้กระทำหลังจากที่พระพุทธองค์ปรินิพพานแล้ว ๖๔๓ ปี
- ณ อินเดียเหนือ แคชเมียร์ (เมืองชาลันธะ หรือ เมืองกัสมิระ? เรื่องสถานที่ และรายละเอียดอื่นๆ นั้น ปรากฏหลักฐานในที่ต่างๆ ไม่ตรงกัน)
- พระเจ้ากนิษกะแห่งราชวงษ์กุษาณะ เป็นองค์ศาสนูปถัมภ์
- เนื่องจากพระองค์ทรงสับสนกับคำสอนที่บริสุทธิ์แท้จริง
- นิกายสรวาสติวาท (มหายาน) มีอิทธิพลเหนือนิกายอื่นๆ
- สะสางปัญหาความแตกแยกของหมู่สงฆ์ ๑๘ นิกายสำคัญ (The eighteen sects) แต่ก็ป้องกันการเกิดนิกายใหม่ไม่ได้ จึงเกิดนิกายใหม่ขึ้นอีกรวม ๒๒ นิกาย
- เป็นการสังคายนาผสมระหว่างนิกายสัพพัตถิกวาทกับฝ่ายมหายาน
- ประชุมและร้อยกรองอรรถกถา
- พุทธศาสนิกชนฝ่ายใต้ไม่ยอมรับการสังคายนาในครั้งนี้
- พระพุทธศาสนา (มหายาน) เผยแพร่ไปยังเอเซียกลาง เอเซียตะวันตก และ ราชสำนักจีน




คัดลอกจากกระทู้: หินยานกับมหายาน โดยคุณ: โพธิ์ประทับช้าง ที่ 11 ก.ค. 06

reurnthai.com