การทำน้ำลูกยอ ( บ่าตาเสือต่อ)




การที่เราจะทำน้ำลูกยอไว้กินเองนั้น
มีวิธีทำดังนี้



เก็บลูกยอที่สุกแล้ว นำมาทำความสะอาด แล้วบรรจุลงในขวดแก้ว ปิดฝาสนิท แล้วนำไปตากแดด


ทุก ๆ วันจะมีน้ำไหลออกจากลูกยอ ให้รินออกมาเก็บไว้ทุกวัน


เมื่อได้จำนวนที่ต้องการแล้ว หรือลูกยอแห้งดำ ไม่มีน้ำไหลออกมาอีกแล้ว


นำน้ำผึ้ง ปริมาณ ๑/๓ ส่วนของน้ำลูกยอ ผสมกัน แล้วเติมเกลือนิดหน่อยเพื่อให้มีรสเค็ม กลมกล่อม ไม่จำเป็นต้องเก็บในตู้เย็น


น้ำลูกยอจะมีกลิ่นนิดหน่อย สำหรับคนที่ไม่ชอบกลิ่น เวลาจะดื่มในแต่ละครั้ง ก็ อาจผสมน้ำส้มหรือน้ำองุ่นที่เราชอบลงไปด้วยก็ได้ แต่ไม่ควรผสมทีละมาก ๆ เพราะจะเก็บลำบาก

สรรพคุณลูกยอมีมากมาย บำรุงข้อ บำรุงธาตุ ลดความดัน ลดน้ำตาลในเลือด ฯลฯ
แต่ถ้าคุณเป็นเบาหวานก็ให้ระวัง อย่าเติมน้ำที่มีรสหวานลงไปก็แล้วกัน



วิธีใช้ ดื่มครั้งละ ๑-๒ ช้อนโต๊ะทุกวัน ก่อนอาหารเช้า-เย็น มีผู้ใช้บอกว่า ต้องกินไปประมาณสามเดือนถึงจะรู้ผล มีความแข็งแรง สดชื่น นอนหลับสบาย


ข้อควรระวัง

น้ำลูกยอมีธาตุโปแตสเซียมสูงมากประมาณ 56 meq/L พอๆกับน้ำส้ม และน้ำมะเขือเทศ และมีรายงานว่าผู้ที่เป็นโรคไตวายเรื้อรังทานน้ำลูกยอแล้วมีโปตัสเซียมสูงมากจนเป็นอันตราย จึงไม่ควรทานในโรคไต


ในประเทศไทย มีรายงานผลการรักษาคนไข้ที่มีอาการและอาเจียน หลังจากฟื้นจากโรคมาลาเรีย โดยเทียบกับ metoclopamide และชาจีน พบว่าต้านการอาเจียนไม่ดีเท่า metoclopamide แต่ให้ผลดีกว่าในกลุ่มควบคุม แต่เป็นการตากแห้งชงน้ำไม่ใช่ทานน้ำคั้นสด



สรุป

โดยสรุป ลูกยอ เป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ มีวิตามินซี โปตัสเซียม วิตามิน เอ สูง มีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ช่วยชะลอการแก่และต้านมะเร็ง โดยหลักการแล้วน่าจะป้องกันมะเร็งได้บ้าง เหมือนกับการทานผักผลไม้สดทั้งหลาย ตัวน้ำลูกยอมีผลยับยั้งเซลล์มะเร็งชนิด Lewis lung carcinoma แต่มะเร็งชนิดนี้พบได้น้อยมาก การทานน้ำลูกยอไม่มีอันตรายเว้นผู้ป่วยโรคไต และเป็นไปได้ว่าลูกยอไทย อาจจะไม่ต่างหรืออาจะดีกว่าหรือด้อยกว่าของต่างประเทศก็ได้ แต่เป็นพันธ์เดียวกัน