ข้อคิดที่เก็บมาฝากจ้า



อ่านพบแล้วเห็นว่าน่าจะมีประโยชน์นะคะ เลยหิ้วมาฝากจ้า
ส่วนอ่านแล้วจะคิดเห็นอย่างไร แล้วแต่สิทธิส่วนบุคคลนะคะ



ผมขอเล่าถึงร่างทรงตนหนึ่ง
อ้างว่าเป็นร่างทรงของเสด็จพ่อ ร.5


ญาติๆชวนกันไปหาร่างทรงตนนี้
พวกเขาไม่ได้ชวนผมเพราะรู้ว่าผมไม่เชื่อเรื่องพวกนี้
ผมรู้ว่าเขาจะไปกันก็ฝากคำถามไปถามเสด็จพ่อ ร.5
คำถามที่ฝากไปคือ
"คือคะรึ"คืออะไร?

พอญาติๆกลับมาจากเฝ้าเสด็จพ่อ ร.5
ก็มาบอกผมว่า
เสด็จพ่อ ร.5ตอบว่า"คือคะรึ"คือหนังสือแบบเรียนภาษาไทย
ใช้กันในสมัย ร.5

ผมก็เลยบอกกับญาติๆว่าทีหลังอย่าไปหาร่างทรงตนนี้อีก
เพราะไอ้ผีตนที่มาเข้าร่างทรงนั้นน่ะเป็นผีที่ไหนก็ไม่รู้
ดันมาแอบอ้างเป็นเสด็จพ่อ ร.5
น่าจะจับมาตัดหัวเจ็ดชั่วโคตร
ถ้าเป็นเสด็จพ่อ ร.5จริงต้องรู้จัก"คือคะรึ"
แล้วผมก็เล่าให้ญาติๆฟังว่า"คือคะรึ"คืออะไร




สมัยต้นรัชกาล
ขณะทรงต้อนรับอาคันตุกะชาวต่างชาติ
ก็มีพระประสงค์จะใช้หนังสือ"เซอร์เจมส์ บรูค"เพื่อใช้ประกอบการสนทนา
จึงเรียกนางเจ้าพนักงานประจำห้องมาให้ไปบอกท่านเจ้าคุณแพ
(ท่านเจ้าคุณแพเป็นพระภรรยาเอกของล้นเกล้า ร.5
เป็นพระภรรยาที่ล้นเกล้า ร.4พระราชทานพิธีสมรสให้
รับเข้าเป็นสะใภ้หลวงอย่างเป็นทางการ)
ว่าให้หยิบหนังสือ"เซอร์เจมส์ บรูค"ในห้องทรงพระอักษรให้ที
สักพักนางพนักงานประจำตัวของท่านเจ้าคุณแพก็ออกมาทูล ร.5ว่า
ในห้องทรงพระอักษรไม่มีหนังสือชื่อ"คือคะรึ"
ก็ไม่ได้ทรงตรัสอะไรอีก
ทรงสนทนาต่อจนแขกกลับ

หลังจากนั้นพระองค์ก็เข้าไปตรัสถามท่านเจ้าคุณแพด้วยพระองค์เอง
ว่าใช้ให้คนเข้ามาถามหาหนังสือ"เซอร์เจมส์ บรูค"
ทำไมถึงหาหนังสือ"คือคะรึ"ให้
แล้วจะหาเจอได้อย่างไร
เพราะไม่เคยมีหนังสือชื่อ"คือคะรึ"มาก่อน
ท่านเจ้าคุณแพทูลตอบว่า
นางพนักงานเข้ามาถามหาหนังสือ"ซีจำปรุ๊ก"
หาไม่เจอก็เลยให้คนออกไปทูลให้ทรงทราบ
ล้นเกล้า ร.5ก็ทรงพระสรวล


จาก"เซอร์เจมส์ บรูค"
ถ่ายทอดครั้งแรกกลายเป็น"ซีจำปรุ๊ก"
ถ่ายทอดกลับมาอีกทีเลยกลายเป็น"คือคะรึ"