พอดีบ่าวจัยมีโอกาศไปแถวอิสานใต้ สุรินทร์ถิ่นเมืองช้างครับผม
ไปเห็นเพิ่นกำลังเฮ็ดยุพอดี บ่รู้จักว่าเพิ่นเฮ็ดหยังกันคือควันกุ๊บถีบแท้น้อ
ไปถามเบิ่งก่อนน๊า ตามบ่าวจัยมาเลยครับ มันคืออิหยัง
มีกองดิน มีถังน้ำ มีโอ่งดิน มีน้ำ มีแนวต้ม(เขาเอิ้นว่าหยังบ่รู้คือกัน
ไผ๋รู้มาบอกบ่าวจัยแนเด้อครับ
มีโอ่งดินบ่แม่นเพิ่นสิเล่นดีดไหติครับฮ่าๆๆๆๆๆๆโอ่งดินนี้เขาสิเจาะก้นโอ่งให้เป็นรูแล้วเอาไม้เสียบให้ปลายไม้ลงข้างล่าง
ส่วนในโอ่งกะสิมีกะลามะพร้าวคลอบไว้แล้วเอาแกลบมาทับอีกชั้นนึง
เพื่อเป็นตัวกรองน้ำนั้นเองคาวมคิดเพิ่นสุดยอดอิหลีครับคนสมัยเก่าคิดได้ไงน่ะ
นี้คือวิธีทำของเพิ่นครับ เอาน้ำมาเทลงไปในโอ่งดินแล้วปล่อยให้น้ำมันไหลลงไปในถังน้ำข้างล่าง
กำลังทำงานกันอย่างขมักขเม่น
มาเบิ่งใกล้ๆครับ ระวังน้ำฮ้อนโฟ้งใส่เด้อ อย่าไปเหยียบด้นฟื้นขเจ้าเด้อหม้อคว่ำเด้ฮ่าๆๆๆ
ต้มไปเรือยๆจนน้ำมันแห้งเบิ่ดเลย แล้วสิได้พงขาวๆแล้วเพิ่นกะขูดเอามารวมกัน
มันคือเกลือครับ คนแถวนั้นเพิ่นว่าบ่ได้ซื้อเกลือกินดอกครับ ท้องทุ้งกุลาร้องไห้
เต็มไปด้วยดินเค็ม เลยเป็นที่มาของอาชีพต้มเกลือของชาวบ้าน อซท่าตูม จ.สุรินทร์เนาะครับ
ซึ้งมื้อหนึ่งถ้าเจดินเค็มจริงๆสิได้มื้อละกระสอบเลย ถ้าบ่เจอดินเค็มมากกะสิได้มื้อละสองปีบ(กะปีบที่พวกผุเฒ่าเตะนั่นละครับ)
ซึ้งปีบหนึ่งขายได้150บาทกะสอบหนึ่งได้สามปีบ รวมแล้วสอบละ450ถ้าได้มื้อละสอบอยู่ได้แล้วครับสำหรับแถวบ้านเฮา
ขอบคุณนางแบบเจ้าของเกลือครับ ขอบคุณบ้านมหาสำหรับพื้นที่ ขอบคุณพี่่น้องทุกคนที่มาให้ความคิดเห็นครับ
พ้อกันใหม่โอกาศหน้าครับผม
Bookmarks