กำลังแสดงผล 1 ถึง 5 จากทั้งหมด 5

หัวข้อ: ประโยชน์ของการสวดมนต์

  1. #1
    ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านมหา สัญลักษณ์ของ sompoi
    วันที่สมัคร
    Mar 2007
    ที่อยู่
    japan
    กระทู้
    5,708
    บล็อก
    23

    เกาทัณฑ์ ประโยชน์ของการสวดมนต์

    *ประโยชน์ของการสวดมนต์** (ทางการแพทย์)*

    จาก นิตรสารชีวจิต ฉบับแรกของเดือนมกราคม 2551

    เรื่องVibrational Therapy : สวดมนต์บำบัด โดย: ชมนาด



    เชื่อหรือไม่ ว่าหากเราสวดมนต์(ไม่ว่าศาสนาใดก็ตาม) เพื่อให้ใครสักคนหายป่วย
    แม้จะอยู่ห่างกันคนละซีกโลก
    แต่พลังแห่งบทสวดนั้นจะเดินทางไปเยียวยาความเจ็บป่วยของเขาได้ ประโยชน์ของการสวดมนต์
    เพราะการสวดมนต์บำบัดทำให้เกิดทั้งคลื่นเสียงที่สามารถเดินทางลึกเข้าไปในสมอง
    และคลื่นไฟฟ้าที่ส่งกระจายไปในชั้นบรรยากาศไกลๆได้

    การสวดมนต์บำบัด คือหลักการหนึ่งของ Vibrational Therapy หรือ Vibrational
    Medicine คือการใช้คุณสมบัติของคลื่นบางคลื่นมาบำบัดความเจ็บป่วย
    ซึ่งมีหลากหลายวิธี อาทิ เก้าอี้ไฟฟ้า เครื่องนวดต่างๆ ก็เป็นVibrational
    Therapy เช่นกัน แต่เป็นคลื่นไฟฟ้าเชิงฟิสิกส์ ที่เกิดจากสิ่งไม่มีชีวิต
    ต่างจาก สวดมนต์บำบัดซึ่งเป็นคลื่นที่เกิดจากสิ่งมีชีวิต


    ดังนั้นมาดูพลังแห่งการสวดมนต์บำบัดกัน ว่าคืออะไรและมีประโยชน์อย่างไร ประโยชน์ของการสวดมนต์

    * *

    *คลื่นแห่งการเยียวยา*

    การสวดมนต์ใช้หลักการทำให้เกิดคลื่นเสียงที่มีความสม่ำเสมอ
    เพื่อเข้าไปกระตุ้นร่างกายให้เกิดการเยียวยา
    ซึ่งหากคลื่นเสียงที่มากระทบดังแบบไร้ระเบียบ
    คือประกอบด้วยเสียงที่มีความถี่ต่างๆกัน
    ก็ไม่เกิดประโยชน์ต่อการบำบัดกลไกดังกล่าวเริ่มต้นเมื่อหูของเราได้ยินเสียงบทสวด
    ก็จะส่งสัญญาณต่อไปยังศูนย์การได้ยินที่อยู่บริเวณสมองกลีบขมับ
    ก่อนส่งไปบริเวณก้านสมอง ซึ่งเมื่อได้รับคลื่นเสียงช้าๆ สม่ำเสมอประมาณ 15 นาที
    ก็จะหลั่งสารสื่อประสาทที่มีประโยชน์มากมาย



    เสียงสวดมนต์ด้วยสมาธิเป็นยา :ให้ผลกับร่างกายเอนกอนันต์

    รองศาสตราจารย์ ดร. สมพร กันทรดุษฎี เตรียมชัยศรี
    หัวหน้าภาควิชาการพยาบาลสาธารณสุข คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
    อธิบายเพิ่มเติมดังนี้

    “สมองของเราเมื่อได้รับการกระตุ้นด้วยคลื่นเสียงช้าๆ สม่ำเสมอประมาณ 15นาทีขึ้นไป
    จะทำให้เซลล์ประสาทของระบบประสาทสมองสังเคราะห์สารสื่อประสาทหลายๆชนิด
    บริเวณก้านสมองจะหลั่งสารสื่อประสาทชื่อ ซีโรโทนิน (serotonin)
    เพิ่มขึ้นซึ่งมีฤทธิ์คล้ายยานอนหลับ
    ช่วยการเรียนรู้ ลดความเครียด ลดอาการซึมเศร้า ลดระดับน้ำตาลในเลือด
    และเป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์สารสื่อประสาทอื่นๆ เช่น เมลาโทนิน
    ซึ่งเปรียบคล้ายกับยาอายุวัฒนะ เพราะจะช่วยยึดอายุการทำงานของเซลล์ประสาท
    เซลล์ร่างกาย ให้ชีวิตยืนยาวขึ้น และยังมีคุณสมบัติช่วยให้นอนหลับ
    เพิ่มภูมิต้านทาน ทำให้เซลล์สดชื่นขึ้น รวมถึง โดปามีน
    มีฤทธิ์ลดความก้าวร้าวและอาการพาร์กินสัน
    นอกจากนี้ปริมาณของซีโรโทนินมีความสัมพันธ์ต่อการกระตุ้นการหลั่งสารสื่อประสาทอื่นๆ
    เช่น อะเซทิลโคลีน ช่วยในกระบวนการเรียนรู้และความจำ ช่วยขยายเส้นเลือด
    ทำให้ความดันลดลง และยังช่วยลดปริมาณ อาร์กินิน วาโซเปรสซิน
    ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมความก้าวร้าว ความสมดุลของน้ำ
    และซีโรโทนินยังเข้าไปลดปริมาณของสารเคมีชนิดหนึ่งที่เป็นตัวกระตุ้นของการทำงานของต่อมหมวกไตให้ลดลง
    ส่งผลให้ระบบประสาทส่วนกลางทำงานน้อยลง ร่างกายจึงรู้สึกผ่อนคลาย ปลอดโปร่ง
    และไม่เครียด ภูมิต้านทานเพิ่มขึ้น”



    ดังนั้น
    จุดสำคัญจึงอยู่ที่ร่างกายจะสามารถสร้างสารสื่อประสาทได้หรือไม่
    อาจารย์สมพรเสริมว่า

    “หลักการสำคัญอยู่ที่หากมีสิ่งเร้า
    หลายๆประเภทเข้ามารบกวนกระบวนการทำงานของคลื่นสมองพร้อม ๆ กัน
    ทำให้สัญญาณคลื่นสมองเปลี่ยนไป การหลั่งสารสื่อประสาทจะสับสน
    ไม่มีผลในการเยียวยา สิ่งเร้านี้มาจากหลายส่วน ทั้งตัวเอง เช่น บางคนปากสวดมนต์
    แต่คิดฟุ้งซ่านไปเรื่องอื่น ก็ไม่ได้ประโยชน์ และการเกิดเสียงดังอื่นๆ
    เข้ามารบกวนขณะสวดมนต์ เพราะประสาทสัมผัสของมนุษย์รับรู้ได้ไวและอ่อนไหวมาก
    เรามีตัวประสาทรับสัญญาณมากมาย เรารับสิ่งเร้าได้ทั้งจากทางปาก ตา หู จมูก
    การเคลื่อนไหว และใจ เหล่านี้ทำให้สัญญาณคลื่นสมองสับสนและเปลี่ยนไป
    ร่างกายก็จะสร้างซีโรโทนินได้ไม่มากพอ”



    และไม่ใช่เฉพาะสารสื่อประสาทที่มีประโยชน์เท่านั้นที่เราจะได้จากการสวดมนต์
    แต่การสวดมนต์ยังทำให้อวัยวะต่างๆได้รับการกระตุ้น
    คล้ายกับการนวดตัวเองจากการเปล่งเสียงสวดมนต์

    * *

    *สวดมนต์กระตุ้นอวัยวะ*

    อาจารย์ เสถียรพงษ์ วรรณปก ราชบัณฑิต อธิบายหลักการนี้ว่า

    “เวลาเราสวดมนต์นานๆ
    คำแต่ละคำจะสร้างความสั่นสะเทือนไม่เท่ากันตามฐานที่เกิดของเสียงหรือตามวิธีเปล่งเสียง
    แม้ว่าเสียงจะออกมาจากปากเหมือนกัน แต่ว่าเสียงบางเสียงออกมาจากริมฝีปาก
    บางเสียงออกมาจากปุ่มเหงือก บางเสียงออกมาจากไรฟัน บางเสียงออกมาจากคอ ดังนั้น
    ถ้าเราสวดมนต์ถูกต้องตามฐานกรณ์จึงเกิดพลังของการสั่น”

    และเมื่อเกิดพลังของการสั่น การสั่นนี้จะเข้าไปเยียวยาอาการป่วยได้อย่างไร
    อาจารย์เสถียรพงษ์อธิบายต่อว่า

    “เวลาเราสวดมนต์ เสียงสวดจะไปช่วยกระตุ้นต่อมต่างๆ
    ซึ่งจะช่วยปราบเชื้อโรคบางชนิด เช่นการวิจัยของฝรั่ง พบว่า อักษร เอ บี ซี ดี
    จะช่วยกระตุ้นระบบน้ำย่อย ส่วนบทสวดมนต์ในพระพุทธศาสนา
    เสียงอักขระแต่ละตัวมีคำหนักเบาไม่เท่ากัน บางตัวสั่นสะเทือนมาก
    บางตัวสั่นสะเทือนน้อย ทำให้ต่อมต่างๆในร่างกายถูกกระตุ้น
    เมื่อต่อมที่ฝ่อถูกกระตุ้นบ่อยๆเข้า ก็คงคืนสภาพ อาการป่วยก็จะดีขึ้น”

    นอกจากนี้ยังมีบทความที่อธิบายเกี่ยวกับการฝึกเปล่งเสียงเพื่อรักษาโรคจากเสียงต่างๆ
    เช่น

    โอม ...... กระตุ้นหน้าผาก ฮัม ....... กระตุ้นคอ

    ยัม ....... กระตุ้นหัวใจ ราม
    .......กระตุ้นลิ่นปี่

    วัม ....... กระตุ้นสะดือ ลัม .......
    กระตุ้นก้นกบ เป็นต้น



    แต่ที่สำคัญมากไปกว่านั้น
    การสวดมนต์ให้ประโยชน์ทางใจที่มีคุณค่ากับผู้สวด

    รองศาสตราจารย์จุฑาทิพย์ อุมะวิชนี ภาควิชาปรัชญาและศาสนา คณะศิลปะศาสตร์
    มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สรุปว่ามี 2 ข้อคือ

    1. การสวดมนต์เป็นเครื่องช่วยให้เกิดสมาธิ โดยต้องสวดเสียงดัง
    ให้หูได้ยินเสียงตัวเอง และจิตใจต้องจดจ่ออยู่กับเสียงสวด
    เมื่อใจไม่ฟุ้งไปที่อื่น ใจอยู่กับเสียงเดียว จึงเกิดสมาธิ

    2. ถ้าเข้าใจความหมายของบทสวดนั้นๆ จะทำให้เรามีความเลื่อมใสศรัทธา
    เพราะบทสวดของทุกศาสนาเป็นเรื่องของความดีงาม จิตใจก็จะสะอาดขึ้น บริสุทธิ์ขึ้น
    เป็นการยกระดับจิตใจของผู้สวด



    เมื่อร่างกายที่รับสารสื่อประสาทที่มีประโยชน์และการกระตุ้นระบบอวัยวะต่างๆให้ทำงานเป็นปกติ
    เท่ากับว่าเราได้ผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ
    ย่อมทำให้ภูมิชีวิตดีขึ้นเป็นลำดับ ความป่วยก็จะดีขึ้นเป็นลำดับ
    ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยในต่างประเทศที่อาจารย์ สมพร สรุปให้ฟังว่า
    การสวดมนต์ช่วยบำบัดอาการป่วยและโรคร้ายดังต่อไปนี้

    1. หัวใจ 2. ความดันโลหิตสูง 3.เบาหวาน


    4. มะเร็ง 5. อัลไซเมอร์ 6. ซึมเศร้า


    7. ไมเกรน 8. ออทิสติก 9. ย้ำคิดย้ำทำ


    10. โรคอ้วน 11. นอนไม่หลับ


    ที่มา..ธรรมะสวัสดีดอทคอม
    มองต่าง..อย่างปลง

  2. #2
    ร่วมถ่ายทอดความรู้สู่สังคม สัญลักษณ์ของ ไผ่หวาน
    วันที่สมัคร
    Jun 2009
    ที่อยู่
    PATTAYA CITY
    กระทู้
    729
    บล็อก
    14
    ดีจังเนาะ ไปหาหมอ เพราะมีอาการจุกแน่นที่หน้าอก หมอให้ยารักษากรดไหลย้อนมา
    1 เดือนแล้ว ยังบ่ทันหายเลย อาการกะบ่ดีขึ้น จักว่าเป็นโรคหัวใจหือบ่ สิได้สวดมนต์รักษา
    กะของกะน้า.....
    ขอบคุณนะคะ

  3. #3
    ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านมหา สัญลักษณ์ของ sompoi
    วันที่สมัคร
    Mar 2007
    ที่อยู่
    japan
    กระทู้
    5,708
    บล็อก
    23
    ยินดีค่ะไผ่หวาน ลองดูนะคะ ..ฝึกจิตเฮานำค่ะ .. ขอให้หายไวๆนะคะ เอาใจส่อยเด้อค่ะ
    มองต่าง..อย่างปลง

  4. #4
    ศิลปิน นักร้อง นักแสดง
    มิสบ้านมหา 2011
    สัญลักษณ์ของ ผู้ก่อการรัก
    วันที่สมัคร
    Feb 2006
    ที่อยู่
    HappyLand ดินแดนแห่งความสุข, Thailand
    กระทู้
    3,161
    สวดมนต์ทุกวัน ก็รู้สึกว่าชีวิตดีขึ้นจริงๆ นะเพื่อน
    เวลาจะเกิดอะไรกับเรา เหมือนมีอะไรมาช่วย มารองรับทุกที
    เลยไม่ค่อยเจอปัญหาอะไรหนักๆ เหมือนคนอื่นเค้า
    ล้มแล้วฟื้นยืนสู้ชูช่อใหม่ เพราะต้นยังสดใสผลิใบเขียว
    ลุกขึ้นต้านลมฝนต้นเป็นเกลียว รากยึดเหนี่ยวซับซ้อนกับพื้นดิน



  5. #5
    สมาชิกที่ยังไม่ยืนยันอีเมล์
    วันที่สมัคร
    May 2009
    กระทู้
    105
    มีประโยชน์มากค่ะ
    จะนำไปปฏิบัติค่ะ

Tags for this Thread

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •