*1. การอนุญาตให้แชร์ข้อมูลส่วนตัว*
แนะนำให้ลงทะเบียนในเว็บไซต์เฉพาะช่องที่ทางเว็บไซต์ต้องการข้อมูลจริงๆ
ส่วนช่องอื่นๆ พิจารณาดูตามความเหมาะสม
จากนั้นกวาดสายตาหาเช็คบ๊อกซ์ที่ระบุว่า มีการแชร์ข้อมูลส่วนตัวของคุณ
ทางดีควรปฏิเสธการแชร์ข้อมูลจะดีกว่า ด้วยการเลือก หรือไม่เลือกเช็คบ๊อกซ์นั้น
(อ่านเงื่อนไขก่อนนะครับว่า การเลือก หรือไม่เลือกนั้นหมายความว่าอย่างไร?)
*2. ธุรกรรมออนไลน์ต้องมีกุญแจล็อค *ทุก ครั้งทีทำธุรกรรมออนไลน์
ให้สังเกตสัญลักษณ์ที่เป็นรูปแม่กุญแจล็อค (Lock) ทีบริเวณแถบสถานะ (Status
bar) ที่อยู่ด้านล่างของบราวเซอร์ และ
https://ที่ปรากฎเป็นคำแรกในช่องแอดเดรสบาร์ (Address Bar)
ซึ่งการปรากฎของข้อมูลทั้งสองอย่างนี้จะทำให้คุณมั่นใจได้ว่า
ข้อมูลของคุณได้รับการคุ้มครองให้ปลอดภัย
*3. ระวังฟิชชิ่ง (Phising Scam) *หาก ได้รับอีเมล์แจ้งปัญหาเกียวกับบัญชี
(username, password หรือหมายเลขบัญขีธนาคาร) การใช้บริการของธนาคารออนไลน์
หรือสถาบันการเงินออนไลน์ต่างๆ อย่าคลิกลิงค์ที่ปรากฎในอีเมล์
หรือให้ข้อมูลกลับไป (เช่นกรณีทีเกิดกับคุณ "เชอรี่ ผุงประเสิร์ฐ"
ซึ่งหากอีเมล์นั้นใช้ทำธุรกรรมออนไลน์ด้วยอาจจะยิ่งอันตราย
เพราะผู้ไม่หวังดีอาจใช้อีเมล์นี้ในการร้องขอพาสเวิร์ดอัตโนมัติ
หรืออ้างว่าลืมจากทางธนาคารได้) ควรจะคลิกเข้าไปในเว็บไซต์ธนาคาร
เพื่อตรวจสอบว่า แอคเคาต์ของคุณมีปัญหาจริง หรือไม่? ซึงหากพบว่า ปกติดี
ให้คุณรีบแจ้งทางธนาคารให้ทราบว่า มีการโกงในลักษณะนี้
เพื่อจะได้ไม่เกิดความเสียหายกับผู้อื่นด้วย อ้อ...อย่าตกม้าตายด้วยการลืม Log
out (Sign out) ทุกครั้งที่ใช้อีเมล์ หรือบริการเหล่านี้ด้วยนะครับ
*4. ใช้บราวเซอร์ทีมีระบบการป้องกันฟิชชิ่ง *บราว เซอร์ IE,
Firefox จะมีระบบตรวจจับเว็บไซต์ปลอม
โดยจะแสดงผลเน้นชื่อโดเมนของเว็บไซต์ให้เห็นเด่นชัด
ดังนั้นทุกครั้งก่อนกรอกข้อมูลในแบบฟอร์มออนไลน์ใดๆ
โดยเฉพาะบนเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ หรือสถาบันการเงินต่างๆ
ควรสังเกตชื่อโดเมนในช่อง Address Bar ทุกครั้ง
*5. เสิร์ชอย่างปลอดภัย *เพื่อ ความปลอดภัยในการค้นหาข้อมูลบนเว็บไซต์ต่างๆ
แนะนำให้ติดตั้งโปรแกรมแอนตี้ไวรัส
หรือโปรแกรมเสริมการทำงานที่มีระบบตรวจสอบความปลอดภยของลิงค์ต่างๆ
ในหน้าผลลัพธ์การค้นของเสิร์ชเอ็นจิ้นด้วย โดยหากโปรแกรมเหล่านี้พบว่า
ลิงค์ที่ค้นไม่ได้ไม่ปลอดภัยก็จะแสดงไอคอนเตือนให้ทราบทันที ซึ่งหากไม่มี
คุณผู้อ่านก็อาจจะคลิกเข้าไปยังเว็บไซต์อันตรายที่หลอกขอข้อมูลไปจนถึงแฮ
คเข้าไปในระบบผ่านช่องโหว่ของบราวเซอร์
*6. ดูแลระบบคอมพิวเตอร์ให้ปลอดภัยอยู่เสมอ *โน้ต
บุ๊กคอมพิวเตอร์ของคุณควรได้รับการตั้งพาสเวิร์ดทีแข็งแรง
เพื่อป้องกันการแอบใช้ หรือเจาะเข้าไปนำข้อมูลของคุณออกมาโดยง่าย
ตลอดจนอัพเดตโปรแกรมระบบรักษาความปลอดภัย รวมถึงระบบปฏิบัติการอย่างสม่ำเสมอ
การดูแลระบบให้แข็งแรงจะช่วยป้องกันการบุกรุกเข้าไปควบคุม
หรือขโมยข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ของคุณขณะออนไลน์ได้เป็นอย่างดี หากเป็นไปได้
ไม่ควรให้ยืมคอมพิวเตอร์กับคนแปลกหน้า และหากส่งซ่อมควรถอดฮาร์ดดิสก์ออกก่อน
(หากฮาร์ดดิสก์ไม่เสีย) หรือสำรองข้อมูลสำคัญออกมา
แล้วลบข้อมูลในฮาร์ดดิสก์ออกไป
*7. คิดก่อนตัดสินใจ* โดยเฉพาะเรื่องทีเกียวข้องกับข้อมูลส่วนตัว
ดังนั้นกฎเหล็กข้อหนึงในการป้องกันการขโมย
และแอบอ้างข้อมูลส่วนตัวบนออนไลน์ไปใช้ก็คือ อย่าเชื่อทุกสิ่งที่เข้ามาในอีเมล์
ลบข้อมูลสำคัญๆ ออกไปจากเครื่องก่อนซ่อม หรือขายออกไป
เพราะขโมยไม่ได้มีแค่ในโลกออนไลน์เท่านั้น
ความ จริงยังมีวิธีป้องกันตัวเองอีกมากมาย แต่เชื่อว่า 7
ข้อที่นำเสนอในข่าวนี้ น่าจะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านหลายๆ ท่านพอสมควร
สำหรับคุณผู้อ่านท่านใด ทีมีวิธีการป้องกันดีๆ และอยากแชร์ให้ผู้อ่านท่านอื่นๆ
ก็คอมเมนต์กันเข้ามาได้เลยนะครับ สังคมออนไลน์จะได้น่าอยู่ยิ่งขึ้น
ด้วยความปรารถนาดีที่มีต่อผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน
ที่มา..ธรรมมะสวัสดีดอมคอม
Bookmarks