ผีถ้วยแก้ว



การเล่นผีถ้วยแก้ว เราจะพบว่า


1. ก่อนเล่นผีถ้วยแก้วมักจะมีพิธีกรรม เช่นการท่องมนต์คาถา ซึ่งเป็นวิธีการตั้งสมาธิวิธีหนึ่ง เพื่อให้สมองทั้งซีกซ้ายและขวาทำงานประสานสอดคล้องกัน ให้จิตสำนึกรับรู้ข้อมูลจากจิตใต้สำนึก (คล้ายการสะกดจิต)


2. ในวงผู้เล่นผีถ้วยแก้ว หรือในคนที่สังเกตการณ์ใกล้ๆ จะมีคนที่เก็บคำตอบไว้ในจิตใต้สำนึก (ในสมองซีกขวา) โดยที่เจ้าตัวอาจจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว


3. จิตใต้สำนึกของผู้มีคำตอบจะส่งคลื่นสมองออกมาสู่ภายนอก


4. ประสาทสัมผัสภายในของผู้เล่นคนอื่นๆ จะรับคลื่นสมอง และสมองซีกขวาจะสังเคราะห์ออกมาเป็น ความคิด คำพูด และการกระทำ


5. การกระทำสังเคราะห์จะแสดงออกมาผ่านร่างกายของผู้เล่นผีถ้วยแก้ว โดยระบบประสาทสัมผัสอัตโนมัติ และผลักดันถ้วยแก้วไปตามจิตใต้สำนึก



ส่วนกรณี อุปาทานหมู่ ก็มีกระบวนการคล้ายๆ กัน


การรู้ความคิดของผู้อื่น ซึ่งแท้จริงแล้ว "ความคิด" หรือ "จิตสำนึก" เป็นกระบวนการวิเคราะห์ด้วยสมองซีกซ้าย แต่มนุษย์ยังมีความสามารถรับรู้ได้มากยิ่งกว่านั้น คือสามารถล่วงรู้ได้ทั้ง จิตสำนึกและจิตใต้สำนึกของผู้อื่น


เรื่องราวลี้ลับทั้งหมดมาจากจิตใต้สำนึกที่สามารถส่งผ่านจากคนหนึ่งสู่อีกคนหนึ่ง
หลายเหตุการณ์ที่เราพบเห็นเช่น ความฝัน วาบความคิด เข้าผีทรงจ้าว อุปทานหมู่ ผีถ้วยแก้ว ผีตะกร้า ผีเหรียญ ล้วนเกิดจากความทรงจำในจิตใต้สำนึก ที่มีกันทุกๆ คน ค่ะ



แรงที่ทำให้ถ้วยแก้ว หรือตะกร้าเคลื่อนที่ไปมาคงไม่ใช่พลังงานลึกลับอะไร


ใช่หรือไม่ว่าเป็นแรงผลักจากจิตใต้สำนึกของผู้เล่นบางคนโดยที่เจ้าตัวก็ไม่รู้



การเข้าทรง (เฉพาะผู้ที่ไม่มีเจตนาล่อลวง) ร่างทรงเข้าใจว่ามีบางอย่างมาสิงร่างของเขา ก็เป็นแรงผลักจากจิตใต้สำนึกใช่หรือไม่


จึงขอเล่าเรื่องหนึ่งก็คือซึ่งเป็นอุทาหรณ์

เรื่องมีอยู่ว่า


ร่างทรงตนหนึ่ง อ้างว่าเป็นร่างทรงของเสด็จพ่อ ร.5

ญาติๆชวนกันไปหาร่างทรงตนนี้ แต่เขาไม่กล้าชวนไปเพราะรู้ว่าไม่ชอบเรื่องแบบนี้
จึงฝากคำถามไปกับญาติถึงร่างทรงของ เสด็จพ่อ ร.5


คำถามที่ฝากไปคือ

"คือคะรึ"คืออะไร?



พอญาติๆกลับมาจากเฝ้าเสด็จพ่อ ร.5 ก็เลยมาบอกว่า

เสด็จพ่อ ร.5ตอบว่า "คือคะรึ" คือหนังสือแบบเรียนภาษาไทย ที่ใช้กันในสมัย ร.5


ข้าพเจ้า ก็เลยบอกกับญาติๆว่าทีหลังอย่าไปหาร่างทรงตนนี้อีก เพราะไอ้ร่างทรงนั้นโกหกหลอกลวง แอบอ้างเป็นเสด็จพ่อ ร.5 น่าจะจับมาตัดหัวเจ็ดชั่วโคตร
เพราะอะไรหรือ ก็เพราะว่า


ถ้าเป็นเสด็จพ่อ ร.5 จริงต้องรู้จัก "คือคะรึ"
แล้วก็เลยเล่าให้ญาติๆฟังว่า "คือคะรึ" คืออะไร


สมัยต้นรัชกาลที่ 5

ขณะทรงต้อนรับอาคันตุกะชาวต่างชาติ
ก็มีพระประสงค์จะใช้หนังสือ"เซอร์เจมส์ บรูค"เพื่อใช้ประกอบการสนทนา
จึงเรียกนางเจ้าพนักงานประจำห้องมาให้ไปบอกท่านเจ้าคุณแพ
(ท่านเจ้าคุณแพเป็นพระภรรยาเอกของล้นเกล้า ร.5
เป็นพระภรรยาที่ล้นเกล้า ร.4พระราชทานพิธีสมรสให้
รับเข้าเป็นสะใภ้หลวงอย่างเป็นทางการ)


ว่าให้หยิบหนังสือ "เซอร์เจมส์ บรูค" ในห้องทรงพระอักษรให้ที
สักพักนางพนักงานประจำตัวของท่านเจ้าคุณแพก็ออกมาทูล ร.5 ว่า
ในห้องทรงพระอักษรไม่มีหนังสือชื่อ"คือคะรึ"


ก็ไม่ได้ทรงตรัสอะไรอีก
ทรงสนทนาต่อจนแขกกลับ


หลังจากนั้นพระองค์ก็เข้าไปตรัสถามท่านเจ้าคุณแพด้วยพระองค์เอง
ว่าใช้ให้คนเข้ามาถามหาหนังสือ "เซอร์เจมส์ บรูค"


ทำไมถึงหาหนังสือ "คือคะรึ" ให้
แล้วจะหาเจอได้อย่างไร
เพราะไม่เคยมีหนังสือชื่อ "คือคะรึ" มาก่อน


ท่านเจ้าคุณแพทูลตอบว่า
นางพนักงานเข้ามาถามหาหนังสือ "ซีจำปรุ๊ก"
หาไม่เจอก็เลยให้คนออกไปทูลให้ทรงทราบ


ล้นเกล้า ร.5ก็ทรงพระสรวล


จาก"เซอร์เจมส์ บรูค"
ถ่ายทอดครั้งแรกกลายเป็น"ซีจำปรุ๊ก"
ถ่ายทอดกลับมาอีกทีเลยกลายเป็น"คือคะรึ"