แสงแดดเต้นระบำ
ยามหน้าแล้งแดดแรงใจอ่อนหล้า
มองข้าหน้าเปลวแดดเป็นดังคลื่น
คลี่บางบางร่างแดดเป็นเกลียวคืน
ลุกขึ้นยืนเต้นระบำรำฟ้อน
มองข้างหลังไฟลามลิบลิบริมทุ่ม
ควันไฟพุ่งลามเลียเป็นลำล่อง
เปลวไฟไล่ลามเป็นเป็นว้างคลอง
ดูคะนองไล่ลามตามทุ่งทอง
ข้างหน้าเปลวแดดเต้นระบำ
ข้างหลังกระหน่ำด้วยไฟพร้อม
เริงระบำรำร่าอย่างลำพอง
ได้แต่มองเปลวไฟไหม้ลามทุ่ง
ยืนเดียวดายชายทุ่งใต้เปลวร้อน
จ้องมองแดดแผดจ้องคละคลุ้ง
เห็นทุยวิ่งหนีไฟที่พวยพุ่ง
แล้งในออกแผดคลุ้งหนอทุ่งทอง
อยากมีพี่คนดีมาอยู่ด้วย
แดดพุ่งพวยก็คงไม่มีร้อน
คงดูแดดเต้นระบำกลางทุ่งทอง
ด้วยลำพองใจรักไม่กลัวร้อน
ไฟลามทุ่งคงสวยแม้ควันฟุ้ง
แสงไฟคลุ้งคละเคล้าลมโชยอ่อน
ดงดูเปลวเต้นระบำใต้ทำนอง
เหมือนบทกลอนรักพรอดของสองเรา
..............................................
ขี่มอเตอร์ไซด์กลับจากที่ทำงาน ผ่านทุ่งกุลา
ร้อนอย่าบอกใครเลย เห็นเปลวแดดเต้นระยิบระยับเลย
ที่เขาเรียกว่าแดดเป็นตัว คงจริงเลยค่ะ
มองไปกลางทุ่งกุลา ไฟไหม้ลามทุ่งเป็นวงกว้างมากมาย
ทั้งควันไฟ เปลวแดด เปลวไฟ ยิ่งขับให้ความร้อนมากยิ่งขึ้น
เห็นวัวควายวิ่งพล่านหนีไฟ เจ้าของวิ่งไล่ใม่ให้ตื่นมากไปกว่านี้
สงสารวัวควายมาก เพราะน้ำในทุ่งกุลายิ่งแห้งไปมากเลย
ปกติตามทุ่งจะมีคลองส่งน้ำเล็กๆๆ รอบๆ ที่นา แต่เนื่องจาก
ปีนี้ที่นาที่อยู่ใกล้คลองน้ำ ได้สูบน้ำไปทำนาปรังกัน
น้ำก็เลยแห้งคลองส่งน้ำไม่มีน้ำเลย ข้าวนาปรังก็แห้งผากไม่ได้ผล
แม่น้ำมูลก็ยิ่งแห้งไป ดูแม่น้ำมูลแล้วใจหายมากมายเลย
ไม่ทราบจะรอดพ้นเดือนเมษาไหม เพราะต้องผ่านทุกวันแล้วใจหายทุกวัน
ทรัพยากรน้ำนี่สำคัญมากที่สุด ขาดน้ำก็คงลำบากแน่เลยนะคะ
แถมแม่น้ำมูลยังเป็นแม่น้ำหลักของอำเภอเล็กๆ อย่างอำเภอท่าตูม ด้วย
มองทีไรใจแป้วลงไปทุกทีค่ะ
[radio]http://www.file2go.com/mrun.php?me=20128s2[/radio]
Bookmarks