กำลังแสดงผล 1 ถึง 2 จากทั้งหมด 2

หัวข้อ: โรคเกาต์

  1. #1
    Maximum learning
    ศิลปิน นักเขียน
    สัญลักษณ์ของ khonsurin
    วันที่สมัคร
    Apr 2008
    ที่อยู่
    ท่าตูม สุรินทร์
    กระทู้
    8,063
    บล็อก
    197

    โรคเกาต์

    โรคเกาต์



    เป็นโรคทางกรรมพันธุ์ ที่มีอาการปวดข้อเรื้อรัง พบได้ไม่น้อย พบในผู้ชายมากกว่า ผู้หญิงประมาณ 9 - 10 เท่า ส่วนมากจะพบในผู้ชายอายุมากกว่า 30 ปีขึ้นไป ส่วนผู้หญิงพบได้น้อย ถ้าพบมักจะเป็นหลังวัยหมดประจำเดือน เป็นโรคที่มีทาง รักษาให้หายได้ แต่ถ้าไม่ได้รับการรักษา อาจมีภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายได้



    อาการ


    มีอาการปวดข้อรุนแรง ซึ่งเกิดขึ้นฉับพลันทันที
    ข้อจะบวมและเจ็บมากจนเดินไม่ไหว
    ผิวหนังในบริเวณนั้นจะตึง ร้อนและแดง
    จากนั้นผิวหนังในบริเวณที่ปวดจะลอกและคัน
    มักมีอาการปวดตอนกลางคืน
    และมักจะเป็นหลังดื่มเหล้าหรือเบียร์ (ทำให้ไตขับกรดยูริกได้น้อยลง)
    ถ้าผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษา ในระยะแรก ๆ
    อาจกำเริบทุก 1 - 2 ปี โดยเป็นที่ข้อเดิม
    แต่ต่อมาจะเป็นถี่ขึ้นเรื่อย ๆ เช่น ทุก 4 - 6 เดือน
    แล้วเป็นทุก 2 - 3 เดือน จนกระทั่งทุกเดือน
    หรือเดือนละหลายครั้งและระยะการปวดจะนานวันขึ้นเรื่อย ๆ
    เช่น กลายเป็น 7 - 14 วัน จนกระทั่งหลายสัปดาห์
    หรือปวดตลอดเวลา

    ส่วนข้อที่ปวดก็จะเพิ่มจากข้อเดียวเป็น 2-3 ข้อ
    (เช่น ข้อมือ ข้อศอก ข้อเข่า ข้อเท้า นิ้วมือนิ้วเท้า)
    จนกระทั่งเป็นเกือบทุกข้อ ในระยะหลัง
    เมื่อข้ออักเสบหลายข้อ
    ผู้ป่วยมักสังเกตว่ามีปุ่มก้อนขึ้นที่บริเวณที่เคยอักเสบบ่อย ๆ
    เช่นข้อนิ้วเท้า ข้อนิ้วมือ ข้อศอก ข้อเข่า
    รวมทั้งที่หูเรียกว่า ตุ่มโทฟัส (tophus/tophi)
    ซึ่งเป็นแหล่งสะสมของสารยูริก ปุ่มก้อนนี้จะโตขึ้นเรื่อย ๆ
    จนบางครั้งแตกออกมีสารขาว ๆ
    คล้ายช็อล์ก หรือยาสีฟันไหลออกมา
    กลายเป็นแผลเรื้อรัง หายช้า
    ในที่สุดข้อต่าง ๆ จะค่อย ๆ พิการและใช้งานไม่ได้



    สาเหตุ


    เกิดจากความผิดปกติทางกรรมพันธุ์ ทำให้มีกรดยูริกคั่งอยู่ในร่างกายมากผิดปกติ ซึ่งจะตกผลึกสะสมอยู่ตาม ข้อ ผิวหนัง ไตและอวัยวะอื่น ๆ ทำให้เกิดอาการปวด บวม แดง ร้อน และอาจมีสาเหตุจากร่างกายมีการสลายตัวของเซลล์มากเกินไป เช่น โรคทาลัสซีเมีย, มะเร็งในเม็ดเลือดขาว , การใช้ยารักษามะเร็งหรือฉายรังสี เป็นต้น หรือ อาจเกิดจากไตขับกรดยูริกได้น้อยลงเช่น ภาวะไตวาย ตะกั่วเป็นพิษ , ผลจากการใช้ยาไทอาไซด์ เป็นต้น



    คำแนะนำ


    1. ดื่มน้ำสะอาดมากๆ ช่วยป้องกันการสะสมผลึกกรดยูริกซึ่งอาจทำให้เกิดนิ่วในไต
    2. ควรกินผัก ผลไม้มากขึ้น เช่น ส้ม กล้วย องุ่น ซึ่งจะช่วยให้ปัสสาวะมีภาวะเป็นด่าง และกรดยูริกถูกขับออกมากขึ้น
    3. ควรทานผักใบเขียวที่มีธาตุเหล็กสูง เพื่อทดแทนธาตุเหล็กที่ขาดเนื่องจากการงดทานเนื้อสัตว์
    4. งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
    5. งดอาหารที่มีสารพิวรินสูง ได้แก่ เครื่องในสัตว์ น้ำซุปเนื้อสัตว์ กุ้ง หอย ปู ปลาซาร์ดีน กะปิ ซึ่งจะทำให้ระดับกรดยูริกในเลือดสูงขึ้น
    6. ควรจำกัดอาหารที่มีไขมันสูง เพราะอาจกระตุ้นให้อาการกำเริบได้ ควรงดเครื่องดื่มพวกโกโก ช็อคโกแลต ควรทานนมพร่องมันเนย
    7. ยาบางชนิดอาจมีผลต่อการรักษาโรคนี้ เช่น แอสไพริน หรือยาขับปัสสาวะ ไทอาไซด์ อาจทำให้ร่างกายขับกรดยูริกได้น้อยลง ดังนั้นจึงไม่ควรซื้อยากินเอง ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนจะใช้ยา




    *********************************


    อิสระ เสรี เสมอภาค




    *********************************

  2. #2
    ร่วมถ่ายทอดความรู้สู่สังคม สัญลักษณ์ของ บ่าวอิง
    วันที่สมัคร
    Aug 2007
    กระทู้
    877
    มันต้องกินน้ำมันปลาเด้อคับ ซิซ่วยบรรเทาอาการปวด บ่แม่นน้ำมันตับปลา

Tags for this Thread

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •