ซุปหวายใส่เห็ดกระด้าง
ซุปหวาย เป็นอีกเมนูที่หากินยากพอสมควรหากินได้ตะแถวสกลบ้านผมพุ่นหละ วิธีการและเครื่องปรุงกะคือกันกับซุปเห็ดกระด้างนั่นหละครับ มาเบิ่งวิธีเฮ็ดกันเลย
เอาเห็ดกระด้าง หวาย บักแข้ง บักเขือ ถั่วฟักยาว ถั่วพู กบ(สิใช้ปลาแทนกะได้) ไปต้ม ใส่ปลาแดกลงไป
พอสุกดีแล้วกะตักใส่ถาดให้เย็น แล้ว เอาเห็ดกระด้าง ถั่วพู ถั่วฟักยาวไปสับให้ละเอียด แล้วกะเอาไปตำ ใส่หวาย บักแข้งบักเขือลงไปตำให้เข้ากัน
แกะกบเอาแต่เนื้อ มาตำให้ละเอียด แล้วกะเอาหวายที่ตำไว้แล้วมาตำรวมกันให้เข้ากัน
ใส่งาคั่วป่น บักพริกป่น น้ำปลาแดกต้ม ต้นหอม ผักชี สาระแหน่ ผักแพรวหั่นลงไป ตำให้เข้ากันปรุงรสตามใจชอบ
ตักใส่ถ้วยเสริฟพร้อมผักกาดฮีน ข้าวเหนียว 8)
ลองไปเฮ็ดกินเบิ่งรับ ฅนภูไทรับประกันความแซบ
เกร็ดความรู้เกี่ยวกับหวาย
หวาย เป็นทั้งไม้อาหารและไม้ใช้สอยซึ่งสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ส่งเสริมให้เกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดินปลูกเป็นไม้เศรษฐกิจ เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนตามนโยบายรัฐบาล เนื่องจากหวายมีประโยชน์ค่อนข้างหลากหลาย เช่น หน่อหวาย หรือ ยอดหวาย และ ผลของหวาย สามารถนำมาทำเป็นอาหาร ส่วน ลำหวาย ได้มีการนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์เครื่อง จักสานเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ขณะนี้ประเทศไทยมีการปลูกหวายมากขึ้นโดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดสกลนคร ซึ่งเกษตรกรได้หันมาปลูกหวายเพื่อการบริโภคและการค้าอย่างจริงจัง ทำให้เกษตรกรมีอาชีพและมีรายได้ จุนเจือครอบครัว หวายจึงเป็นพืชทางเลือกที่น่าสนใจอีกชนิดหนึ่ง
นายสีนวน ทุมแสง เกษตรกรผู้ปลูกหวาย บ้านชมภูพาน ต.สร้างค้อ อ.ภูพาน จ.สกลนคร เล่าให้ฟังว่า ส.ป.ก.ได้จัดที่ดินให้เข้าทำประโยชน์ด้านการเกษตรจำนวน 16.29 ไร่ แรกเริ่มใช้ที่ดินผืนดังกล่าวปลูกมันสำปะหลัง แต่ประสบปัญหาราคาตกต่ำ และไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน จึงแบ่งเนื้อที่ปลูกพืชอื่นด้วยเพื่อเพิ่มรายได้ อาทิ หมากเม่า สักทอง ยูคาลิปตัส และ หวาย ซึ่งพืชชนิดหลังนี้สามารถทำรายได้ค่อนข้างสูง โดยปัจจุบันครอบครัวมีการปลูกหวายประมาณ 5.3 ไร่ มี 2 กิจกรรม คือ ปลูกเพื่อใช้หน่อเป็นอาหาร และ การเพาะพันธุ์หวายเพื่อการค้า ซึ่งตลาดมีแนวโน้มความต้องการเพิ่มขึ้น
เบื้องต้นตนได้นำพันธุ์หวายดั้งเดิมที่ขึ้นอยู่ในป่าธรรมชาติมาเพาะขยายพันธุ์ และปลูกเพื่อใช้หน่อเป็นอาหาร ส่วนที่เหลือก็ขาย มี 2 พันธุ์ ได้แก่ พันธุ์นางนวล และ พันธุ์น้ำผึ้ง ทั้ง 2 พันธุ์สามารถขึ้นได้ในที่ดอน สภาพแห้งแล้งก็ไม่ตาย มีระบบการจัดการง่ายและไม่ยุ่งยาก สำหรับการปลูกหวายเพื่อการบริโภค จะเริ่มปลูกในช่วงต้นฤดูฝนหรือประมาณเดือนพฤษภาคม โดยนำต้นกล้าอายุ 1 ปี ลง ปลูกในหลุมที่เตรียมไว้ หลุมละ 3 ต้น ระยะห่าง 1.5x1.5 เมตร หรือประมาณ 600-800 หลุม/ไร่ จะทำให้ได้ปริมาณหน่อมาก
ก่อนปลูกต้องรองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก จากนั้นต้องคอยดูแลและกำจัดวัชพืชในแปลงอย่างสม่ำเสมอ หากจัดการดีก็จะได้ผลผลิต/ไร่สูง หลังปลูกราว 18 เดือน ก็สามารถตัดหน่อหวายจำหน่ายได้ ราคาหน่อละ 2-7 บาท หรือมัดละ 50-100 บาท ถ้าเจ้าของดูแลดีก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้นานกว่า30 ปี/การปลูก 1 รอบ ซึ่งชาวบ้านจะนำหน่อหวายไปประกอบอาหารหลากหลายเมนู เช่น แกงหวาย ซุปหวาย ผัดหวาย และ หวายต้มจิ้มน้ำพริก เป็นอาหารพื้นบ้านที่มีรสชาติดี
ส่วนการเพาะพันธุ์หวายเพื่อการค้านั้น จะเพาะจากเมล็ด โดยนำผลหวายสุกมากะเทาะเปลือกและล้างเมือกสีแดงออก จากนั้นผึ่งลมให้แห้งประมาณ 1-2 วัน แล้วนำมาเพาะลงในภาชนะ เช่น กะละมังพลาสติก ที่รองด้วยวัสดุที่เก็บความชื้นได้ดี เช่น ขุยมะพร้าวซึ่งต้องผ่านการนึ่งหรือต้มสุกแล้วปล่อยให้เย็นเพื่อป้องกันเชื้อรา โดยโรยเมล็ดหวายประมาณ 0.5 กิโลกรัมลงบนขุยมะพร้าว แล้วกลบดินทับหนาประมาณ 1 เซนติเมตร รดน้ำให้ชุ่มแต่อย่าให้แฉะ แล้วคลุมด้วยพลาสติกใสเพื่อไม่ให้น้ำระเหย เก็บไว้ในที่ร่มรำไร
หวายจะค่อย ๆ งอกออกจากเมล็ด ประมาณ 45 วัน ต้องแกะพลาสติกออก ปล่อยให้หวายเจริญเติบโตจนอายุได้ 3 เดือน ก็ย้ายต้นกล้าชำลงในถุง ซึ่ง 1 กะละมังจะได้กล้าหวายประมาณ 2,500 ต้น อนุบาลไว้ในโรงเรือนจนกระทั่งอายุได้ 1 ปี หรือมีความสูงประมาณ 30 เซนติเมตร มีใบ 4-6 ใบ ก็สามารถจำหน่ายพันธุ์ได้ในราคาต้นละ 3-5 บาท ซึ่งปีที่ผ่านมา ครอบครัวมีรายได้จากการจำหน่ายหน่อหวายและพันธุ์หวายรวมกว่า 400,000 บาท และปี 2550 นี้ มีต้นกล้าหวายอายุ 1 ปี ที่พร้อมจำหน่ายสู่เกษตรกร จำนวนกว่า 200,000 กล้า และอยู่ระหว่างการเพาะพันธุ์อีกกว่า 100 กะละมัง
ปัจจุบันพื้นที่ปลูกหวายในจังหวัดสกลนครขยายตัวมากขึ้น รวมทั้งจังหวัดใกล้เคียงด้วย อาทิ มุกดาหาร นครพนม และกาฬสินธุ์ ทำให้มีพ่อค้าคนกลางหันมาดำเนินธุรกิจค้าหน่อหวายมากขึ้นด้วย โดยรับซื้อหน่อหวายจากเกษตรกร แล้วนำสินค้าไปส่งต่อให้กับตลาดตามจังหวัดต่าง ๆ ทั่วภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จึงนับว่าหวายเป็นไม้เศรษฐกิจที่สามารถสร้างรายได้ให้เกษตรกรและชุมชน ขณะเดียวกันการปลูกหวายยังช่วยอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพแวดล้อมในพื้นที่อีกด้วย ทำให้เกิดสมดุลทางธรรมชาติ และชาวบ้านพออยู่พอกิน
หากมีโอกาสแวะเวียนไปจังหวัดสกลนคร ก็อย่าลืมแวะลิ้มรสอาหารเมนู หวาย ว่าจะมีรสชาติอย่างไร หรือถ้าเกษตรกรสนใจการปลูกหวาย สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คุณลุง สีนวน เลขที่ 148 หมู่ 22 บ้านชมภูพาน ต.สร้างค้อ อ.ภูพาน จ.สกลนคร โทรศัพท์ 08-7229-7646, 08-4742-4845.
Bookmarks