สามคนกลายเป็นเสือ
สำนวนจีนมีอยู่คำหนึ่งซึ่งใช้กันมานานและมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบถึงคำของคนคือ "ซาน เหยิน เฉิน หู่" ซึ่งแปลว่า "สามคนกลายเป็นเสือ"
ซาน แปลว่า สาม
เหยิน แปลว่า คน
เฉิน แปลว่า กลายเป็น, เทียบเท่า
หู่ แปลว่า เสือ
เรื่องมีอยู่ว่า...
ในสมัยสงครามระหว่างรัฐ (จั้นกั๋ว) ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีรัฐประเทศเล็กๆ อยู่หลายรัฐ ซึ่งแต่ละรัฐก็มักจะก่อสงครามรบพุ่งกันเสมอ จึงถือได้ว่ายุคนั้นเป็นยุคแห่งการสงคราม
ในยุคนั้นมีรัฐ 2 รัฐ ที่มีเขตแดนติดกันคือรัฐเว่ย และรัฐเจ้า และเพื่อเป็นคำมั่นในการเจริญสัมพันธไมตรีเพื่อต้องการหยุดสู้รบ ทั้ง 2 รัฐจึงได้ตกลงที่จะแลกเปลี่ยนคนซึ่งกันและกันเพื่อเป็นหลักประกัน ดังนั้นอ๋องรัฐเว่ยจึงส่งบุตรชายคนเดียวของตนไปเป็นตัวประกันยังเมืองหลวงรัฐเจ้า ทั้งยังส่งขุนนางชั้นสูงนาม ผางชง เดินทางไปยังรัฐเจ้าด้วยเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยให้องค์รัชทายาทแห่งรัฐเว่ย
ผางชง เป็นขุนนางที่มีความรู้ความสามารถอย่างยิ่ง ในวังหลวงจึงมีขุนนางอื่นที่ตั้งตนเป็นปรปักษ์กับเขามากมายเนื่องจากความริษยา ดังนั้นเข้าจึงเกรงว่าหากตนเองเดินทางออกจากวังหลวงแล้วจะมีผู้ไม่หวังดีมาเพ็ดทูลให้ร้ายตน ดังนั้นก่อนออกเดินทาง เขาจึงกล่าวกับ อ๋องรัฐเว่ย ว่า
"ท่านอ๋อง หากตอนนี้มีคนผู้หนึ่งกล่าวว่า บนท้องถนนกลางเมืองมีเสือเดินมา ท่านจะเชื่อหรือไม่?"
อ๋องรัฐเว่ยกล่าวว่า "ย่อมไม่เชื่อ เสือที่ไหนจะวิ่งขึ้นมาบนท้องถนนกลางเมือง"
ผางชงกล่าวอีกว่า "หากมีคน 2 คนกล่าวเช่นเดียวกันเล่า ท่านจะเชื่อหรือไม่?"
อ๋องรัฐเว่ยตอบว่า "หาก 2 คนพูดเหมือนกัน ข้าก็คงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง"
ผางชงจึงกล่าวว่า "งั้น หากมีคนถึง 3 คนกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า บนท้องถนนปรากฏเสือตัวใหญ่ ท่านเห็นอย่างไร?"
คราครั้งนี้อ๋องรัฐเว่ยจึงตอบว่า "ถ้าทุกคนพูดเหมือนกัน ข้าก็ได้แต่เชื่อเช่นนั้นแล้ว"
เมื่อได้ยินอ๋องรัฐเว่ยกล่าวเช่นนั้น ขุนนางใหญ่ได้แต่ถอนหายใจ พลางกล่าวว่า "ท่านอ๋อง เสือไม่อาจวิ่งเข้ามาบนท้องถนน เรื่องนี้คนทั่วไปต่างทราบดี แต่เพียงมีคน 3 คนพูด เหมือนกัน เรื่องเสือบนถนนนี้กลับกลายเป็นเรื่องจริงขึ้นมา เช่นเดียวกับหานตาน(เมืองหลวงแห่งรัฐเจ้า)ซึ่งห่างไกลจากต้าเหลียง(เมืองหลวงแห่งรัฐเว่ย) เรามากโข ทั้งคนที่รอจะเพ็ดทูลเรื่องต่างๆ ต่อพระองค์ก็ไม่ใช่ว่าจะมีเพียง 3 คนเท่านั้น"
อ๋องรัฐเว่ยเข้าใจความนัยของคำพูดขุนนางเอก จึงพยักหน้ากล่าวว่า "ข้าเจ้าใจ เจ้าจงวางใจและเดินทางไปเถิด"
จากนั้นรัชทายาทพร้อมด้วยขุนนางผางชงจึงออกเดินทาง
หลังจากที่ผางชงจากไปไม่นาน ก็มีบรรดาขุนนางที่ริษยาพากันมาเพ็ดทูลให้ร้ายเขาดังที่เขาคาดไว้ แต่อ๋องรัฐเว่ยก็แก้ต่างให้ผางชงในทุกๆ ครั้ง และยกย่องว่าผางชงเป็นขุนนางผู้มีสติปัญญาและความจงรักภักดี
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า เมื่ออ๋องรัฐเว่ยได้รับฟังเรื่องราวความไม่ดีของผางชงมากขึ้นๆ สุดท้ายอ๋องรัฐเว่ยก็กลับคล้อยตามและเชื่อว่าผางชงเป็นขุนนางโฉดไปในที่สุด
สามคนกลายเป็นเสือ แม้ความจริงไม่มีเสือ แต่เมื่อหลายคนพูดเช่นเดียวกัน ข่าวลือว่ามีเสือก็ทำให้ผู้คนที่รับฟังเชื่อว่าเป็นความจริงได้ สุภาษิตคำนี้หมายความถึง ข่าวลือ หรือคำเท็จ เมื่อถูกพูดออกไปแบบปากต่อปากมากเข้าๆ ก็สามารถทำให้คนทั่วไปที่ไม่ได้รับข้อมูลด้านอื่นเข้าใจผิด ว่าเรื่องที่ไม่มีมูลความจริงหรือเรื่องเท็จเหล่านั้นเป็นความจริง
ข้อคิดจากเรื่องนี้...
• คำพูดของคนหลายคนที่พูดเหมือนๆกัน จะสร้างน้ำหนักให้เกิดความเชื่อได้
• แม้นคำพูดของคนเพียงคนเดียวที่น่าเชื่อถือ ก็สามารถสร้างน้ำหนักให้เกิดความเชื่อได้
• หากแม้นไม่เชื่อในคำพูดเพียงครั้งเดียว การจะให้เขาเชื่อ ก็ต้องพยายามพูดให้เขารับฟังมากครั้ง เขาก็จะโอนอ่อนเชื่อตาม
• การนำเสนอเหตุผลที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริง ก็จะทำให้คนฟังเชื่อในสิ่งที่เปรียบเทียบให้เห็นด้วย
• คนดี คนเก่ง มักจะมีภัยจากความริษยา
• ความเชื่อมั่นในความคิดของตน จะสามารถโน้มเอียงหรือทำให้ไขว้เขวได้ [/INDENT]
จาก FW mail
Bookmarks