พอดีเห็นออกข่าวช่อง3เลยเอามาโพสเพื่อว่าอาจเป็นประโยชน์กับพี่น้อง
คอลัมน์ ทางเลือกทางรอด
โดย ภาวิณีย์ เจริญยิ่ง
นี่แหละกล้วยที่ปลูกด้วยการใช้หน่อชี้ขึ้นฟ้า
ช่วงนี้หน่วยงานต่างๆ มักชวนให้ไปทำข่าวเกษตรกรดีเด่นหรือปราชญ์ชาวบ้านค่อนข้างถี่ ทำให้นึกอยากจะทำไร่นาสวนผสมกับเขาบ้าง ล่าสุดทางสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรก็เชิญให้ไปดูผลงานของ "คุณสงวน มงคลศรีพันเลิศ" ที่บ้านเขากลม ต.หนองทะเล อ.เมืองกระบี่ จ.กระบี่ เขาผู้นี้ได้รับรางวัลมากมายถึง 16 รางวัล ทั้งระดับจังหวัดและประเทศ อาทิ เป็นเกษตรกรดีเด่น ปี 2548 สาขาปศุสัตว์, รางวัล 76 คนดีแทนคุณแผ่นดินปี 2552, รางวัลการประกวดผลงานตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงด้านประชาชนทั่วไป ปี 2550 และได้รับรางวัลศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรชนะเลิศอันดับ 1 ระดับจังหวัดปี 2550 ฯลฯ
ในพื้นที่เกือบ 8 ไร่ของคุณสงวน นอกจากจะแบ่งที่ดิน 5 ไร่ทำไร่นาสวมผสมแล้ว ยังจัดตั้งเป็นศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรประจำตำบลหนองทะเล, ศูนย์เครือข่ายปราชญ์ชาวบ้าน และศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงชุมชนบ้านเขากลม ซึ่งที่ผ่านมามีเกษตรกรจำนวนหลายหมื่นคนเข้ามาอบรมดูงาน รวมทั้งนักศึกษาจากสถาบันต่างๆ มาฝึกงานเรียนรู้วิธีการทำการเกษตรตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมีจุดเรียนรู้ 22 จุด
(บน) เพาะเห็ดในโอ่ง (ล่าง) บ่อปลา 3 ด้าน
เริ่มจากจุดที่ 1 การเลี้ยงวัว, แพะ (สัตว์ 4 กระเพาะ) ครบวงจรโดยไม่กินหญ้า ใช้ทางปาล์มน้ำมันมาบดและหมักเพื่อใช้เป็นอาหารแพะและวัวแทนหญ้า
จุดที่ 2 การทำปุ๋ยหมักระบบเติมอากาศ
จุดที่ 3 การปลูกผักระบบใต้ดิน (ปลูกผักปลอดภัยจากสารพิษ)
จุดที่ 4 การผลิตอาหารสัตว์จากทางปาล์มน้ำมัน
จุดที่ 5 การปลูกพืชผสมผสาน จำนวน 5 ไร่ แก้จน
จุดที่ 6 การเลี้ยงปลาแบบบ่อ 3 ด้าน โดยการทำบ่อปลาติดผนังบ้าน หรือโรงเรือนต่างๆ เพียง 3 ด้าน เป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย
จุดที่ 7 การทำน้ำส้มควันไม้ครบวงจร ได้จากการสกัดน้ำจากควันไม้ ประเภทส้ม
จุดที่ 8 การอบสมุนไพร
จุดที่ 9 การทำและการเลี้ยงจุลินทรีย์โดยใช้ภูมิปัญญาไทย
จุดที่ 10 การเลี้ยงเป็ด, ไก่ (คอล่อน)
จุดที่ 11 การทำเตาก๊าซชีวภาพกลายเป็นแก๊สหุงต้มโดยใช้มูลสัตว์
จุดที่ 12 การทำน้ำมันไบโอดีเซลโดยใช้ภูมิปัญญา
จุดที่ 13 ตู้อบสมุนไพร
จุดที่ 14 การทำน้ำยาล้างจาน
จุดที่ 15 การทำอาหารปลาดุก
จุดที่ 16 การทำน้ำมันนวด
จุดที่ 17 การทำเห็ดอบโอ่ง
(ล่าง) สงวน มงคลศรีพันเลิศ โชว์วิธีการปลูกกล้วยตีกลับ
จุดที่ 18 การปลูกพืชตีกลับ คือการปลูกกล้วย โดยนำเอาส่วนยอดลงเพื่อเพิ่มจำนวนของหน่อที่จะเกิดขึ้น
จุดที่ 19 การเพาะถั่วงอก
จุดที่ 20 การทำถังแก๊สขนาดย่อม
จุดที่ 21 การทำปลาเค็มอบดิน และ
จุดที่ 22 การทำน้ำจุลินทรีย์หน่อกล้วย
ในบรรดาจุดเรียนรู้ต่างๆ นี้ น่าสนใจเรื่องการปลูกพืชตีกลับ ซึ่งคุณสงวนได้โชว์ให้เห็นด้วยการนำหน่อชี้ฟ้าเอาส่วนต้นที่มีใบลงดินว่า ถ้าปลูกกล้วยโดยนำหน่อหรือโคนลงดินเหมือนที่ปลูกกันอยู่ทั่วไปจะได้ต้นกล้วย 1 ต้น เมื่อออกลูกจะได้เครือหนึ่งประมาณ 7-8 หวี แต่ถ้าปลูกเอาปลายลง จะได้ต้นกล้วย 3-4 ต้น ได้กล้วย 3-4 เครือ แต่ละเครือจะได้กล้วยถึง 10 หวี วิธีนี้สามารถใช้ได้กับกล้วยได้ทุกชนิด
หลายคนอาจสงสัยว่าแล้วต้นไม่ตายหรือ คุณสงวนตอบแบบติดตลกว่า "กล้วยมันมีปัญหาเลยเรียกประชุมกันด่วนว่าทำไมมั่วจังเลย เกิดสึนามิหรือเปล่า ประมาณ 15 วัน มันจะรีบขึ้นมาอย่างน้อย 3-4 ต้น พร้อมกันเลย พอมันขึ้นมาแล้ว มันจะพึ่งตัวเองคือมันจะกินตัวมันเองที่มีจุลินทรีย์เราไม่ต้องใส่ปุ๋ย"
ทั้งนี้ ต้นกล้วยที่ได้จะมีความสูง ไม่เกิน 1.50 เมตร และจะออกเครือเร็วกว่ากล้วยที่ปลูกด้วยการนำหน่อลงดิน ที่สำคัญขนาดของลูกจะใหญ่ขึ้น
นอกจากนี้ คุณสงวนยังมีวิธีการเพิ่มมูลค่าของกล้วยด้วยวิธีการแต่งกลิ่นเข้าไป อยากได้กล้วยรสทุเรียน รสสตรอเบอรี่ รสวานิลลา หรือรสสละก็สามารถทำได้ตามใจชอบ จากเดิมขายกล้วยได้หวีละ 10 บาท แต่พอแต่งกลิ่นและรสชาติพวกนี้แล้วสามารถขายได้ถึงหวีละ 45 บาท
สำหรับวิธีการทำนั้นคุณงวนบอกว่าไม่ยากเลย พอตอนกล้วยออกปลีก็ไปเจาะหรือกรีดลำต้นเป็นรูปสามเหลี่ยมจนถึงไส้ทำให้เกิดแผล จากนั้นนำหัวเชื้อเข้มข้นและกลิ่นต่างๆ ที่ต้องการ ซึ่งสามารถหาซื้อได้ในท้องตลาดจำพวกเดียวกับที่ใช้ทำกลิ่นไอศครีม ตกขวดละ 10 กว่าบาท นำมาชุบสำลีแล้วยัดเข้าไปในไส้ต้นกล้วย จากนั้นปิดไส้ต้นกล้วยให้เหมือนเดิม สักสองเดือนกล้วยก็สุกและจะได้กล้วยตามกลิ่นที่ใส่เข้าไป
ความจริงจุดเรียนรู้ต่างๆ มีรายละอียดอีกเยอะ แต่ด้วยข้อจำกัดของเนื้อที่ ถ้าสนใจอยากศึกษาดูงานศูนย์ดังกล่าว ติดต่อคุณสงวนได้ที่ 08-9590-6738
ที่มา http://sunsangfun.blogspot.com/2009/06/blog-post_4149.html
-------------------------------------------------------------------------
ส่วนอันนี้ของบล็อกเนชั่น
" ที่นี่ปลูกกล้วยเอาปลายลง ท่านก็ทราบเพราะท่านไปเจอมาเยอะแล้วคนที่เป็นปราชญ์เนี่ยส่วนมากเป็นคนไม่ค่อยปกติ คิดอะไรไม่ค่อยเหมือนเพื่อน จริงแล้วเราก็คิดปกตินะ เพราะเราคิดพึ่งตนเองไง มันเลยกลายเป็นคนว่าไม่ค่อยปกติ ฉะนั้นปลูกกล้วยเอาปลายลง ถ้าปลูกเอาโคนลงมันจะได้เครือ1ก้อน ประมาณ10 หวีแต่ถ้าปลูกเอาปลายลง มันได้ 38 -50 หวี เนื้อที่น้อยปลูกทีเดียวได้ปีละอย่างน้อย 10เครือ - 12 เครือ แต่ถ้าปลูกเอาโคนลงมันได้ 3 เครือเท่านั้นเอง กล้วยได้ทุกชนิดเลย "
"สงวน มงคลศรีพันเลิศ" ปราชญ์ชาวบ้านในฐานะประธานศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบ้านเขากลม ตำบลหนองทะเล อ.เมือง จว.กระบี่ เล่าถึงการทำการเกษตรผสมผสานจาก 1 เรื่องใน 22 เรื่องที่คิดค้นและพัฒนาเน้นการพึ่งพาตนเอง "การปลูกพืชตีกลับ" เป็นชื่อเรียกการปลุกกล้วยแบบเอารากขึ้นบนแต่เอาปลายลงดิน
แต่ก่อนที่จะไปเอากล้วยต้องรู้ว่าตรงไหนต้นกล้วย ตรงไหนลำต้น ต้องรู้ก่อน แล้วก็นักศึกษาที่มาฝึกงาน ปลูกผักบนต้นกล้วยเฉพาะคนสุดท้าย คนสุดท้ายคือขี้เกียจรดน้ำผักอ่ะ ก็เลยเอาผักไปใส่ไว้ใต้ต้นกล้วย ไปยืนดูว่ากินได้ยัง กินได้แล้วก็เอาไปกินนี่คือคนสุดท้าย มันไม่ต้องรดน้ำ วันนี้กล้วยจริงดีมากคือความสูงไม่เกิน 1.50 เมตร แล้วจากนั้นพลิก เอาปลายลงจมดินไปเลย มองไม่เห็นนะท่านเสร็จแล้วกล้วยมันมีปัญหามันเรียกประชุมด่วนว่าทำไมมันมั่วจังเลย มันสึนามิหรือเปล่า แล้วมันจะรีบขึ้นมาอย่างน้อย 3- 4 ดอก พร้อมกันเลยนะท่านพอมันขึ้นมาแล้ว มันจะพึ่งตัวเองคือมันจะกินตัวมันเองเราไม่ต้องใส่ปุ๋ย นี่คือที่มาที่ไปนะ "
" กล้วยนี่ที่คุณภาพดีกว่าเดิมอันดับแรกจะเตี้ยลงกว่าเดิม สองลูกจะใหญ่ขึ้น เพราะมันกินตั้งแต่เล็ก ๆ มันกินตัวของมันเอง แต่ถ้าเราเอาโคนลงเนี่ย ถ้าเราไม่ได้ใส่ปุ๋ยนะ ถ้าเราไม่ได้ ใบมันก็โผล่มาหน่อยเดียวเอง กล้วยจริง ๆ แล้วหวีนึง 10 บาทเราขาย 45 ก็ไม่พอ 70บาทดันเหลือเราเพราะกล้วยเราทำเป็นรสสตอเบอร์รี่ รสทุเรียนนี่คือที่มาที่ไป เพราะฉะนั้นเลยบอกว่าลูกมะม่วงที่เราไปเจอมามะม่วงนี่ลูกนึงกี่ตังค์ครับ 5 บาท 5บาทเหลือ แต่ 150 ไม่เหลือ ลูกเดียวเราก็ใส่ไปในขวดตั้งแต่เล็ก ๆ ให้มันสุกอยู่ในขวด คนมายืนดู เราขาย 150 บาทต่อลูกก็ไม่เหลือ แต่ลูก 5 บาทดันเหลือ เพราะในวันนี้คนในประเทศไทยไม่มีที่พึ่ง ก็เลยเอาขวดนี่ละเป็นที่พึ่งในเรื่องก็สนุกดีเป็นโรงเรียนชีวิต " ปราชญ์ชาวบ้านอธิบายพร้อมบอกว่าขณะนี้กำลังจะปลูกมะละกอในลักษณะเช่นเดียวกับกล้วย อยากให้มะละกอเตี้ยที่สุดและลูกถึงดินเวลาไปเก็บจะได้ไม่ปวดหลัง "
ศูนย์ฯแห่งนี้เปิดอบรมจัดถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ผู้สนใจทั่วไป จำนวน 22 เรื่องหรือ 22 จุด คือ การเลี้ยง วัว - แพะครบวงจรโดยไม่กินหญ้า การทำปุ๋ยหมักระบบเติมอากาศ การปลูกผักระบบใต้ดิน(ปลูกผักปลอดภัยจากสารพิษ) การผลิตอาหารสัตว์จากทางปาล์มน้ำมัน การปลูกพืชผสมผสานจำนวน 5 ไร่แก้จน การเลี้ยงปลาแบบบ่อ 3 ด้าน การทำน้ำส้มควันไม้ครบวงจร การอบสมุนไพร การทำและการเลี้ยงจุลินทรีย์โดยใช้ภูมิปัญญาไทย การเลี้ยงเป็ด , ไก่ (คอล่อน) การทำเตาก๊าซชีวภาพกลายเป็นแก๊สหุงต้มโดยใช้มูลสัตว์ การทำน้ำมันไบโอดีเซลโดยใช้ภูมิปัญญา ตู้อบสมุนไพร การทำน้ำยาล้างจาน การทำอาหารปลาดุก การทำน้ำมันนวด การทำเห็ดอบโอ่ง การปลุกพืชตีกลับ การเพาะถั่วงอก การทำถังแก๊สขนาดย่อม การทำปลาเค็มอบดิน การทำน้ำจุลินทรีย์หน่อกล้วย หากผู้ใดสนใจสามารถมาฝึกอบรมที่ศูนย์ ติดต่อหมายเลข 089-5906738
ที่มา http://www.oknation.net/blog/print.php?id=464406
Bookmarks