กำลังแสดงผล 1 ถึง 1 จากทั้งหมด 1

หัวข้อ: พระยาประจันตประเทศธานี อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร

  1. #1
    ร่วมถ่ายทอดความรู้สู่สังคม สัญลักษณ์ของ maxwell007
    วันที่สมัคร
    Dec 2007
    ที่อยู่
    สามย่าน
    กระทู้
    474
    บล็อก
    14

    กระพริบตา พระยาประจันตประเทศธานี อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร

    พระยาประจันตประเทศธานี อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร
    พระยาประจันตประเทศธานี

    ประวัติ
    อำมาตย์โท พระยาประจันตประเทศธานี (โง่นคำ พรหมสาขา) ต ช . ต ม. ร ป ช. ฯลฯ ผู้ว่า ราชการจังหวัดสกลนคร เกิดในรัชกาลที่ 3 เมื่อ วันอาทินย์ เดือนยี่ ขึ้น 15 ค่ำ ตรงกับวันที่ 19 มกราคม พ.ศ.2382 เป็นบุตรราชวงศ์ ( อิน) เมืองสกลนคร บ้านเดิมอยู่ตำบลเชิงชุมใน จังหวัดสกลนคร ได้ศึกษาอักขระสมัยตามประเพณีบ้านเมืองใน สมัยโน้น รู้หนังสือไทยและรู้หนังสือลาวโดยสมควร เมื่อ พ.ศ.2400 อายุ 19 ปี ได้ เข้ารับราชการรับหมายตั้งเป็นท้าวสุริย ตำแหน่งนายกอง ถึง พ.ศ. 2415 ได้รับพระราชทานสัญญาบัตรเป็นพระศรีสกุลวงศ์ ผู้ช่วยเมืองสกลนคร ถึง พ.ศ.2420 ได้รับพระราชทานสัญญบัตรเป็นพระยาประจันตประเทศธานี ผู้ว่าราชการเมืองสกลนคร มาถึงรัชกาลปัจจุบันนี้ได้รับพระราชทานยศเป็นอำมาตย์โท เมื่อ พ.ศ.2456 ส่วนเครื่องราชอิสริยาภรณ์นั้น ก็ได้รับพระราชทานมาโดยลำดับ ได้รับพระราชทานถึงสูงที่สุด คือ ช้างเผือก ชั้นที่ 3 ตรีตาภรณ์และมงกุฎชั้นที่ 3 ตรีตาภรณ์ กับเหรียญปราบฮ่อ และเหรียญที่ระลึกในงานพระราชพิธีต่าง ๆ ตามบรรดาศักดิ์อีก หลายอย่าง
    จังหวัดสกลนครนี้แต่โบราณเรียกหัวเมือง ลาว ฝ่ายตะวันออกเหมือนกับหัวเมืองทั้งปวง ซึ่งจัดเป็นมณฑลอุบล อุดร และร้อยเอ็ดในปัจจุบันนี้ เดิม ขึ้นกรุงศรีอยุธยาบ้าง ขึ้นกรุงศรีสัตนาคนหุต บ้าง เมื่อพวกเวียงจันทน์เป็นขบถในรัชกาล ที่ 3 กองทัพกรุงเทพฯ ตีได้หัวเมืองเวียงจันทน์และหัวเมืองขึ้นทั้งปวงจึงจัดหัวเมือง ลาวทางตะวันออกที่เป็นเมืองใหญ่ขึ้นตรงต่อกรุงเทพฯ แต่นั้นมาพระยาประจันตประเทศธานี (โง่น คำ) ได้รับราชการมีตำแหน่งในเมืองสกลนคร แต่ยังปกครองเป็นอย่างหัวเมืองลาว คือ ตำแหน่ง กรมการ มีเจ้าเมือง อุปฮาดราชวงค์ ราชบุตร เป็นต้น เหมือนอย่างเมืองประเทศราชแต่มิได้มียศเป็นเจ้า เป็นผู้ซึ่งปรากฎชื่อเสียงว่าเป็นคนฉลาด และซื่อตรง จงรักภักดีในราชการกรุงเทพมหานคร

    ผลงาน
    ได้เคยรับราชการหลายอย่างเป็นลำดับ
    1. เมื่อเป็นที่ท้าวสุริยภักดี ได้นำเลกไปสักแขนที่เมืองยโสธรครั้งหนึ่ง
    2. เมื่อเป็นพระศรีสกุลวงศ์ผู้ช่วยได้คุมไพร่ไปเข้ากองทัพพระยามหาอำมาตย์รบฮ่อ ที่เมืองเวียงจันทน์ค่ายสี่ฐานค่ายวัดจันทน์ แตกแล้ว ได้ตามจับฮ่อถึงบ้านโพนงาม บ้านน้ำเกลี้ยง จับไต้ฮ่อ 3 คน ส่งให้แม่ทัพครั้งหนึ่ง
    3. เมื่อเป็นพระอุปฮาด ได้คุมไพร่ไปเข้ากองทัพพระยาราชวรานุกูลถึงเมืองบริคันนิคม เมื่อบิดาถึงแก่กรรม พระยาราชวรานุกูลให้กลับมารักษาบ้านเมืองแล้วได้แต่งกรมการส่งเสบียงลำเลียงกองทัพ พระยาราชวรานุกูลให้กลับมารักษาบ้านเมืองแล้วได้แต่งกรมการส่เสบียงลำเลียงกองทัพ พระยาราชวรนุกูล ครั้งหนึ่งและได้จัดท้าวเพี้ยพร้อมกับจมื่นมณเฑียรพิทักษ์ข้าหลวง ไปตั้ง ประตูด่านทางแขวงเมืองภูวดลสอางครั้งหนึ่งและได้ส่งลำเลียงกองทัพพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม เมื่อครั้งรบฮ่อที่ทุ่งเชียงคำครั้งหนึ่ง
    4. เมื่อเป็นพระยาประจันตประเทศธานี ได้จัดเอากระบือ 21 ตัว ส่งขึ้นไปให้พระยาศรีสุริวงศ์ข้าหลวงเมืองเชียงขวาง จ่ายให้พวกทำนาครั้งหนึ่ง ได้จัดกรมการท้าวเพี้ยพร้อมกับหลวงณรงค์โยธาข้าหลวง ขึ้นไปปักหลักด่าน ทางเมืองวังคำ และตามไปส่งถึงเมืองนครพนม ครั้งหนึ่ง และได้จัดกรมการพร้อมกับหลวงมลโยธานุโยคข้าหลวง ขึ้นไปประจำรักษาด่านอยู่เมืองวังคำ และตามไปส่งถึงเมืองนครพนมด้วย กับได้ส่งลำเลียงมลโยธาฯ3 ครั้ง ได้จัดท้าวเพี้ยและพาหนะส่งหม่อมหลวงชื่น ข้าหลวงกองแผนที่ลงเรือ ไปทางน้ำก่ำครั้ง 1 ได้จัดท้าวเพี้ยส่ง มองสิเออคอมิแซ มองสิเออแกว ฝรั่งเศสข้าหลวงกองแผนที่ไปเมืองกาฬสินธุ์ ทางไปธาตุพนม ทางหนึ่งไปจัดท้าวเพี้ยส่งพาหนะหม่อมราชวงศ์ชิดหม่อมราชวงศ์ชื่น ไปเมืองหนองหานครั้งหนึ่ง
    5. เมื่อพุทธศักราช 2436 เกิดทัพในระหว่างฟากโขงฝั่งซ้าย ได้จัดให้อุปฮาดเป็นพนักงานเร่งเกวียน โคต่าง ไปส่งกองทัพที่เมืองนครพนม ให้ราชวงศ์ เป็นพนักงานเร่งเรือบรรทุกลำเลียงไปส่งกองทัพที่ เมืองมุกดาหาร เมืองเขมราฐ ให้ราชบุตรเป็นพนักงาน เร่งกำลังและทำลูกกระสุนดินดำ สำรวจปืนอาวุธ มารวมให้พระวิชิตพลหาญผู้ช่วยพระห้าวหาญ พระจันทวงศ์เทพ ท้าวสุริยวงศ์ ไปเข้า กองทัพและให้ราชบุตรเป็นพนักงานทำบัญชีซื้อ ข้าวของราษฎร มารวมขึ้นฉางไว้สำหรับส่งกองทัพ และให้พระศรีสกุลวงศ์ผู้ช่วยพระขัตติยะ พระวรสาร พระศรีวราช เป็นพนักงานออกไปสำรวจข้าว เมืองขึ้นฉางไว้สำหรับราชการ ครั้นเสด็จราชการ ทัพแล้ว โปรดเกล้าฯ ให้ตัดทางสายโทรเลข ปลูกพลับพลาไว้ที่เมืองสกลนคร ได้ให้ราชบุตร พระวิชิต พลหาญ ผู้ช่วยเป็นผู้คุมไพร่ปลูก ให้พระขัตติยะเป็นพนักงานคุมไพร่ตัดทางสายโทรเลข แต่เมืองสกลนครถึงเมืองพรรณาให้พระวรสารเป็นพนักงานตัดทางสายโทรเลขเมืองพรรณาถึงบ้านพันนา ให้พระศรีสกุลวงศ์ผู้ช่วยคุมไร่ตัดทางสายโทรเลขแต่บ้านพันนาถึงเมืองหนองหาน
    6. เมื่อพุทธศักราช 2424 ได้นำสิ่งของต่าง ๆ ลงไปสมโภชพระนครที่กรุงเทพฯครั้งหนึ่ง
    7. เมื่อพุทธศักราช 2440 ได้ลงไปรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลที่ 5 เมื่อเสด็จกลับจากประพาสประเทศยุโรป ครั้งแรก

    เมื่อจัดหัวเมืองเป็นมณฑลเทศาภิบาล พระยาประจันตประเทศฯ ก็ได้รับราชการในตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดตลอดมาจนแก่ชราจึงได้เปลี่ยนเป็นตำแหน่งที่ปรึกษาราชการ เหตุด้วยพระ ยาประจันตประเทศฯ เป็นผู้คุ้นเคยราชการมามากไม่มีใครเหมือนในท้องที่สกลนคร จะเป็นเสนาบดีเจ้ากระทรวงก็ดี ข้าหลวงต่างพระองค์ก็ดี สมุหเทศาภิบาลก็ดี เมื่อจะใคร่รู้เรื่องราวกิจการอันใด ที่ได้เคยมีมาในเมืองสกลนคร จะต้องปรึกษาพระยาประจันตประเทศฯ เป็นนิตย์จึง นับว่าเป็นผู้ได้ทำประโยชน์แก่ราชการ บ้าน เมืองมาจนตลอดอายุอันยืดยาว น้อยตัวที่จะมีเหมือน พระยาประจันตประเทศธานีป่วยเป็นโรค ชรา ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม พ. ศ.2466 คำนวณอายุได้ 85 ปี

    พระยาประจันตประเทศธานี อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร
    ภาพหมู่ข้าราชการระดับสูง(ระดับผู้ว่าราชการเมืองในภาคอีสาน)

    พระยาประจันตประเทศธานี อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร
    หอโฮงหรือเรือนเจ้าเมือง ใช้เป็นที่ว่าราชการงานเมืองในสมัยนั้น

    พระยาประจันตประเทศธานี อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร
    อนุสาวรีย์พระยาประจันตประเทศธานี

    แหล่งข้อมูล
    ขอขอบคุณ : สมาคมชาวสกลนคร


    เซื้อซาติแฮ้งอย่าเหม็นสาบกุยกัน
    เกิดเป็นคนอีสานให้ฮักแพงกันไว้
    ไผเฮ็ดดีให้ซ่อยยู้ ซอยซูอย่าย่านเหลิน
    ไผเฮ็ดผิดให้ซอยเว้า ไขแก้ดอกซอยกัน ซันดอกหวา
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย maxwell007; 28-04-2010 at 21:13.

Tags for this Thread

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •