วิทย์คือพุทธ – พุทธคือวิทย์
จากตัวอย่าง บุคคล 2 คน เปรียบเทียบกัน
1 พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต เป็นตัวแทนของพุทธศาสนา ท่านได้บากบั่น เพียรพยายาม ปฏิบัติตนตามแนวทางของพุทธศาสนา โดยใช้ตัวท่านเองหรือขันธ์ 5 นั่นและเป็นห้อง Lab ท่านศึกษาจากรูปสู่นาม และจากนามสู่รูป เพื่อให้ตระหนักถึงความจริงที่ว่า อะไรคือจุดที่สุดของสรรพสิ่ง เพราะถ้าทราบต้นกำเนิด ย่อมทราบทิศทางข้างหน้า เมื่อทราบองค์ประกอบและลักษณะของสรรพสิ่งแล้วย่อมสร้างสุขให้เกิดแก่ตนอย่างนิรันดร์
2 ไอน์สไตน์ เป็นตัวแทนของคนวิทย์ฯ ละกัน ขานี้เน้นหาความสัมพันธ์ของธรรมชาติ ในรูปแบบของพลังงานและสสาร เมื่อรู้ลึกเข้าไปในต้นตอ ก็สามารถนำออกมาใช้ประโยชน์ต่อมนุษย์ได้ การใช้ประโยชน์จากสิ่งที่ค้นพบก็เป็นไปเพื่อสนองความสดวกสบายเป็นหลัก แต่ความสามารถของเขา ไปไกลกว่าเรื่องสสารและพลังงานมาก เขามีแนวคิดเรื่องการหาที่สุดแห่งทฤษฎี หรือทฤษฎีสรรพสิ่ง ที่สามารถใช้อธิบายได้ทุกปรากฏการของจักรวาล ถ้ามันสามารถอธิบายจักรวาลได้ มันก็ย่อมตอบคำถามได้ทุกๆคำถามที่มนุษย์อยากจะรู้ เพราะมนุษย์คือส่วนหนึ่งของจักรวาล แต่น่าเสียดาย เขาไม่อาจพบมัน และปัจจุบันนี้ก็ยังไม่อาจมีผู้ใดจะทำได้ (การรวมแรงทั้ง 4)
ในการศึกษาเรื่องใดๆ มนุษย์ต้องโน้มนำจิตใจของตนเข้าไปมีส่วนร่วมในสิ่งนั้นๆ ลึกซึ้งแตกต่างกันไป นี่คือหลักการร่วมของพุทธศาสนาและวิทยาศาสตร์ขั้นสูง
เมื่อถึงจุดๆหนึ่ง ศาสตร์ทั้งสองสายจะไหลมาบรรจบกัน เมื่อนั้นมนุษย์จะพบสันติสุขที่แท้จริง ฝรั่งเรียกว่า สังคมยูโทเปีย เอเซียเรียกว่า ยุคพระศรีอาริยะเมตตรัย
อะไรที่เป็นกระบวนการค้นหาความจริง อันนั้นคือพุทธ ดังนั้น อาจกล่าวได้ว่า วิทย์คือพุทธ พุทธ คือ วิทย์
Bookmarks