*กระทรวงสาธารณสุข*ขอฝากเตือนพี่น้องประชาชน และขอแนะนำการปฏิบัติตัว
เพื่อป้องกันไม่ให้ป่วยหรือเสียชีวิตจากโรคลมแดด ได้แก่


1.ให้หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดที่ร้อนจัด พยายามอยู่ในที่ร่มโดยเฉพาะเด็ก
ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว

*2.ให้ดื่มน้ำมากๆ

*3.หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายกลางแจ้ง

*4.หากร้อนจัดแล้วเหงื่อไม่ออกให้ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัว
เพื่อระบายความร้อนในตัวออกมา และเป็นการลดความร้อนออกจากร่างกาย

*5.หากมีอาการของโรคลมแดด คืออาการกระหายน้ำ ตัวร้อนแต่ไม่มีเหงื่อออก หายใจถี่
ปากคอแห้งและอาจวิงเวียนศีรษะ ขอให้รีบไปพบแพทย์

นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า โรคลมแดด
เป็นอาการที่เกิดจากการได้รับความร้อนมากเกิน
อาจจะเกิดขึ้นในผู้ที่มีร่างกายแข็งแรงก็ได้
จัดเป็นความผิดปกติที่มีความรุนแรงมากที่สุด ทำให้สมองไม่ทำงาน
ไม่สามารถควบคุมการทำงานของอวัยวะต่างๆ เช่น ระบบประสาทส่วนกลาง
การทำงานของตับและไต รวมทั้งสูญเสียความสามารถในการควบคุมอุณหภูมิในร่างกาย
ทำให้อุณหภูมิของร่างกายเพิ่มสูงขึ้นผิดปกติเกิน 40 องศาเซลเซียส
ถือเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องให้การรักษาอย่างรีบด่วน เนื่องจากมีโอกาสเสียชีวิต 17
- 70 เปอร์เซ็นต์

อย่างไรก็ตาม โรคดังกล่าวยังเป็นเรื่องใหม่ของคนไทย
ดังนั้นในการป้องกันประชาชนไม่ให้ป่วยและเสียชีวิตจากโรคดังกล่าว
กระทรวงสาธารณสุขจะเร่งประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชน ให้รู้จักวิธีการป้องกัน
โดยมอบหมายให้กรมควบคุมโรคออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข
และแจ้งไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ
เพื่อใช้เป็นข้อมูลเผยแพร่ประชาชนแนวทางเดียวกันทั่วประเทศ

ในการ ป้องกันอันตรายในช่วงที่สภาพอากาศร้อน ที่สำคัญที่สุดคือ
ประชาชนจะต้องต้องดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ โดยควรดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 6-8
แก้ว หรือ 2 ลิตรต่อวัน หากทำงานกลางแดดควรสลับมาทำงานในที่ร่มเป็นครั้งคราว
เนื่องจากผู้ที่ดื่มน้ำไม่เพียงพอจะไม่สามารถปรับตัวให้สู้กับอากาศร้อนได้
เพราะน้ำเป็นตัวควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย
โดยปกติร่างกายจะพยายามปรับอุณหภูมิของร่างกายให้อยู่ที่ 37 องศาเซลเซียส
ในการสังเกตว่าร่างกายได้รับน้ำเหมาะสมหรือไม่ สามารถสังเกตง่ายๆ
จากสีของปัสสาวะ ถ้าปัสสาวะมีสีเหลืองจางๆ แสดงว่าได้รับน้ำเพียงพอ
แต่ถ้าปัสสาวะสีเหลืองเข้มและปัสสาวะออกน้อย แสดงว่าได้รับน้ำไม่เพียงพอ
จะต้องดื่มน้ำให้มากๆ