มันมากับหน้าฝน...ด้วงก้นกระดก
ด้วงก้นกระดก

ฤดูฝน เป็นช่วงเวลาที่ต้นไม้ใบหญ้าหลายชนิดผลิใบ เป็นช่วงที่พืชผลทางการเกษตรงอกงาม และแน่นอนว่าเมื่อพืชผลงอกงามก็มีแมลงออกมาเยอะขึ้นยิ่งชุมชนเมืองขยายตัวเข้าคาบเกี่ยวกับชุมชนชนบทมากเท่าใด ก็จะพบกับการระบาดของแมลงชนิดหนึ่ง เรียกว่า "ด้วงก้นกระดก " ซึ่งแมลงชนิดนี้เป็นสาเหตุของอาการมีผื่นแดงเป็นตุ่มน้ำขึ้นที่บริเวณที่สัมผัสหรือโดนสารบางอย่างจากตัวแมลงชนิดนี้

ชื่อทางวิทยาศาสตร์ Paederus fuscipes
ชื่อสามัญ Rove beetles

โดยปกติแล้วเป็นแมลงที่มีประโยชน์ในฐานะตัวห้ำที่คอยกินแมลงตัวเล็กๆจึงพบมากในพื้นที่การเกษตร นอกจากนี้ยังสามารถพบได้ในแถบชานเมือง

ลักษณะ เป็นแมลงตัวยาวๆสีดำสลับส้ม ในตัวมันจะมีสารที่เป็นพิษกับผิวหนังของคน ทำให้เกิดการระคายเคืองและเกิดการอักเสบได้ การอักเสบของผิวหนังที่เกิดขึ้นจะเริ่มจากเป็นรอยทางแดงๆ จากนั้นก็จะเริ่มมีตุ่มน้ำพองขึ้นมา บางคนที่เกามาก อาจจะเกิดเป็นรอยสีน้ำตาลแดงและตุ่มหนองขึ้นได้

ความรุนแรงของโรค มักมีจำกัด ส่วนมากแล้วมักจะอยู่แค่การเจ็บแสบร้อนผิวหนัง หากทิ้งไว้ระยะหนึ่งก็สามารถหายเองได้ ยกเว้นก็แต่เข้าตาถูกเป็นบริเวณกว้าง แพ้มาก หรือไปเกาจนติดเชื้อซ้ำซ้อนที่อาจจะเป็นปัญหาตามมาได้

ปัญหาที่เกี่ยวกับโรคนี้ โรคนี้โดยตัวมันเองไม่ใคร่รุนแรงนัก แต่มีปัญหาว่า คนจะเข้าใจผิดว่ามันเป็นโรคอื่น ซึ่งทำให้ต้องไปรักษาอย่างไม่จำเป็น โรคที่เข้าใจผิดได้บ่อยๆก็คือเรื่องงูสวัด และแพ้ยา ซึ่งบางทีมาหาหมอด้วยเรื่องว่าหลังจากเป็นแล้วไปเป่าน้ำมนต์พ่นยาเขียว หลังจากนั้นแผลอักเสบติดเชื้อหนองไหลเยิ้ม ... เกิดโรคตามมาโดยไม่จำเป็น
งูสวัด มีลักษณะเป็นตุ่มน้ำพองใสได้เหมือนกัน เพียงแต่ว่าลักษณะของมันจะขึ้นตามแนวเส้นประสาทหรือdermatome (เพราะเชื้อพวกนี้เดินตามแนวเส้นประสาท)
แพ้ยา ก็ต้องมีอาการหลังการกินยาหรืออาหารที่ต้องสงสัย

สรุปว่า หากมีตุ่มน้ำพอง แสบร้อนขึ้น ถ้าไม่แน่ใจว่าเป็นเริม งูสวัด หรือไปโดนสัมผัสสารเคมี-สารก่อภูมิแพ้ ก็ลองไปพบแพทย์ดูก่อนเพื่อการวินิจฉัยและรักษาต่อไป และอีกปัญหาที่เกี่ยวกับโรคนี้คือ จะพบคนที่เป็นโรคนี้ได้มากในโรงงานอุตสาหกรรมที่เปิดทำงานล่วงเวลา และมักก่อปัญหาความเข้าใจผิดในโรงงานให้พนักงานคิดว่าตนเองแพ้สารเคมีในโรงงาน

การรักษา
1. ไม่แน่ใจว่าเป็นอะไร ก็อาจจะใช้ยาแก้ปวด ประคบเย็น แล้วไปพบแพทย์
2. ถ้าเห็นชัดๆว่าไปบี้แมลงพวกนี้ ก็ให้รีบไปล้างด้วยน้ำสบู่ โดยทั่วไปไม่ต้องใช้ยา อาจจะใช้ยาแก้แพ้แก้คัน หรือประคบเย็นก็ได้ในรายที่แมลงพวกนี้เข้าตา

การป้องกัน
เนื่องจากแมลงพวกนี้มีตัวเล็กยาวและลื่น จึงมักลอดช่องมุ้งลวดได้อย่างสะดวกดาย แถมยังมีนิสัยเสียชอบเข้าไปซุกในที่นอนด้วย การป้องกันจึงทำได้ค่อนข้างยากนิดนึง ที่พอจะป้องกันได้ก็คือ ถ้าเจอแมลงพวกนี้ ไม่ให้ฆ่า แต่ให้เอาไปปล่อย , การเอาสิ่งดึงดูดแมลงพวกนี้ออกไป เช่น ช่วงฤดูที่แมลงเยอะ ก็อย่าเปิดไฟนีออนแสงขาวฟ้าทิ้งไว้เพราะจะล่อแมลงพวกนี้(บางสายพันธุ์) ถ้ามีปัญหามาก ให้เปลี่ยนเป็นไฟหลอดไส้สีเหลืองแทน และที่สำคัญ ก่อนจะนอนให้สะบัดผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม และปลอกหมอน เพราะหลายครั้งหลายคราวที่คนมักจะสัมผัสกับแมลงนี้ตอนนอนหลับ (นอนทับ)

เกร็ดเล็กน้อยเกี่ยวกับแมลงก้นกระดก
1. การระบาดครั้งใหญ่ เกิดขึ้นที่โอกินาว่าเมื่อ1969 มีคนที่โดนแมลงตัวนี้แล้วเกิดอาการรุนแรง2000กว่าคน
2. อาการ"ตาอักเสบแบบไนรูบี" เป็นชื่อเล่นๆของโรคตาอักเสบที่เกิดจากแมลงเหล่านี้เข้าตา เพราะแมลงเหล่านี้ก็พบได้มากแถวแอฟริกา
3. อาการทางผิวหนังอาจคล้ายคลึงจากการโดนแมลงที่ชื่อว่า Blister Beetle
4. ด้วงตัวที่มีพิษคือตัวเมีย ส่วนด้วงตัวผู้จะได้พิษจากแม่เพียงเล็กน้อย หรืออาจจะได้ในกรณีไปกินซากตัวเมีย ดังนั้นก็ไม่น่าแปลกใจที่บางคนจะเข้าใจว่าแมลงตัวนี้ไม่มีพิษ (เพราะอาจจะเคยโดน แต่โดนตัวผู้)

มันมากับหน้าฝน...ด้วงก้นกระดก ที่มา : หมอแมว mthai.com มันมากับหน้าฝน...ด้วงก้นกระดก

เซื้อซาติแฮ้งอย่าเหม็นสาบกุยกัน
เกิดเป็นคนอีสานให้ฮักแพงกันไว้
ไผเฮ็ดดีให้ซ่อยยู้ ซอยซูอย่าย่านเหลิน
ไผเฮ็ดผิดให้ซอยเว้า ไขแก้ดอกซอยกัน ซันดอกหวา