ก่อนค้ำประกัน อ่านบทความนี้ก่อนนะคะ



ช่วยค้ำประกันให้หน่อยจ้า..จะกู้เงินมาซื้อรถ ….
ช่วยค้ำประกันให้หน่อย..จะกู้เงินมาซื้อบ้าน …
ช่วยค้ำประกันให้หน่อย..จะกู้เงินมาซื้ออะไรต่างๆนานา ….


เชื่อว่าคุณคงเคยเจอกับตัวเองมาบ้าง
เมื่อเจ้าเพื่อนตัวดีของคุณเกิดอยากจะได้อะไรขึ้นมาซักอย่าง
แต่เงินไม่มี จึงต้องกู้ยืม และทางเจ้าหนี้เค้าก็ให้กู้
แต่มีเงื่อนไขว่า ต้องมีคนค้ำประกัน
และคนนั้นจะเป็นใครไปได้ล่ะค่ะ นอกใจคนขี้ใจอ่อนอย่างคุณ…แม่น บ่...




แล้วเคยได้ยินสำนวนไทยมั้ยค่ะ ที่บอกว่า
อยากเป็นเจ้าให้เป็นนายหน้า
อยากเป็นขี้ข้าให้เป็นคนค้ำประกัน


สำนวนนี้ข้าพเจ้าอาจจะจำมาไม่ถูกต้องนัก แต่มันโดนใจ 100 % เต็ม
เพราะมันเป็นอย่างนั้นจริงๆค่ะ
มันเป็นเรื่องของคนที่เรียกว่า
เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง แต่เอากระดูกมาแขวนคอนั่นเอง

แต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะค่ะ ในเมื่อคนเราต้องมีความสัมพันธ์กับผู้อื่น
บางคนอาจเป็นคนขี้เกรงใจ ขี้ใจอ่อน
ใครมาขอให้ช่วยอะไรก็ได้เสมอ
โดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่า ตัวเองจะต้องโดนอะไรบ้าง
หากคนที่มาขอให้ช่วยไม่รับผิดชอบในสิ่งที่เค้าทำไว้


มีเยอะแยะไปนะค่ะ ไม่ว่าจะเป็นพี่น้องกันแท้
หรือเพื่อนที่สนิทกันมากก็ตาม


บทเค้าจะเบี้ยวแล้วโยนภาระทั้งหมดมาให้เรา
เค้าก็ทำได้หน้าตาเฉย และก็หายเข้ากลีบเมฆอย่างลอยนวล
ปล่อยให้เราต้องชดใช้หนี้ที่ตัวเองไม่ได้ก่อขึ้นอย่างเดียวดายและขมขื่น….

เอาล่ะค่ะ โม้มามากแล้ว ...อิอิ อรัมภบท มาเสียไกลลิบเลย



คราวนี้มาเข้าเรื่องที่ว่า

ก่อนจะลงนามค้ำประกันอะไรให้กับใครก็ตาม สิ่งที่คุณจะต้องรู้ก็คือ
โดยมากแล้วสัญญาค้ำประกันจะทำโดยเจ้าหนี้
และมักจะระบุให้ผู้ค้ำประกันต้องรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม


หมายความว่าอย่างไร ก็หมายความว่า เมื่อหนี้ถึงกำหนดชำระ เ
ค้าไม่ต้องวิ่งไปหาลูกหนี้ให้เมื่อยตุ้ม


แต่มาทวงเอาจากผู้ค้ำประกันได้โดยตรง
และส่วนใหญ่ก็จะไม่กำหนดวงเงินค้ำประกันไว้ ห
รือกำหนดไว้ก็เท่ากับจำนวนเงินที่กู้นั่นเอง
ซึ่งมันก็ไม่ต่างจากลูกหนี้ตรงไหนเลยละค่ะ...


นอกจากนั้นแล้ว


ความรับผิดยังไม่ได้หยุดอยู่แค่วงเงินที่กู้เท่านั้น
แต่ยังรวมไปถึงดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายอย่างอื่น
ค่าเสียหายที่เกิดจากการที่ลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ด้วย


เช่น ค่าทนายความ ค่าใช้จ่ายในการทวงถาม ค่าดำเนินการ
ซึ่งก็หมายความว่า


ผู้ค้ำประกันจะต้องรับผิดอย่างไม่จำกัดวงเงินนั่นเอง
และส่วนมากก็ยังมีเงื่อนไขไม่ให้ผู้ค้ำประกันเลิกสัญญาก่อน
หมายความว่า อยากยกเลิกการเป็นผู้ค้ำประกัน ก็เลิกไม่ได้นั่นเอง


ในบางกรณี เจ้าหนี้ยังอาจกำหนดเงื่อนไขอื่นๆไว้เช่น
ยอมให้บริษัทของผู้ค้ำประกันหักเงินเดือนเพื่อชดใช้หนี้
ในกรณีที่บริษัทคุณให้ความร่วมมือ กับเจ้าหนี้


ทั้งนี้ สัญญาค้ำประกันเป็นสัญญามาตรฐาน
ซึ่งไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้


ถ้าคุณลงนามไปแล้วก็มีหน้าที่รับผิดอย่างเดียว
ที่สำคัญ สคบ.(สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค)
ก็ไม่ได้สนใจที่จะคุ้มครองผู้ค้ำประกันในกรณีที่ไปทำสัญญาค้ำประกัน
ที่เอาเปรียบแต่อย่างใด



สรุปว่า คุณพึงใครไม่ได้นั่นเอง

ถึงตรงนี้แล้ว คงจะเข้าใจว่า
ผู้ค้ำประกันมีความรับผิดตามกฎหมายอย่างไรบ้าง
ทางที่ดี หากต้องลงนามค้ำประกันให้ใคร
ก็ขอให้เป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างที่สุดจริงๆ แ
ละอยู่ในขอบเขตที่เราสามารถรับผิดชอบได้ด้วย
เพื่อจะไม่เกิดปัญหาในภายหลัง

บางครั้ง การปฏิเสธอย่างนุ่มนวลก็เป็นทางออกที่ดีสำหรับคุณค่ะ…




เมื่ออ่านบทความนี้จบลงแล้ว
คุณจะเลือกเดินทางไปค้ำประกันใคร ... ก็ถือว่าเป็นการสมยอมกันเองนะคะ
แต่ก่อนค้ำประกันใครก็ตาม ให้ระลึกเสมอว่า
เมื่อเราค้ำประกันเขาไปแล้ว เราก็คือลูกหนี้ร่วมกับเขานั่นเองค่ะ






ข้อมูลจาก

http://www.lawyerthai.com/