อนาคตร่วมกัน

โดย อานันท์ ปันยารชุน



อานันท์ ปันยารชุน ได้แสดงทัศนะเกี่ยวกับอนาคตร่วมกันของสังคมดังนี้



อนาคตร่วมกัน



ผมเชื่อมาตลอดว่า บทพิสูจน์ธาตุแท้ของแต่ละคนคือดูว่าเขาสามารถรับมือและฟันฝ่าอุปสรรคความยากลำบากไปได้อย่างไร



ผลพวงจากเหตุการณ์น่าสลดใจเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้ประเทศไทยมีโอกาสที่จะพิสูจน์กับตัวเองและชาวโลกให้เห็นถึงธาตุแท้ของคนไทยที่มีความเข้มแข็ง มีความมุ่งมั่นที่จะได้มาซึ่งความเป็นธรรม การส่งเสริมความปรองดองแห่งชาติ และการสร้างสรรค์สังคมที่รวมทุกกลุ่มทุกฝ่ายเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน



ในความเป็นชาติ เราได้วนเวียนในวังวนแห่งความโกลาหลและสับสนวุ่นวายมานาน บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องร่วมกันหายใจลึกๆ และเรียกสติกลับคืนมา ให้มีความสมดุลและความพอดี



ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องกลับมาเน้นและส่งเสริมค่านิยมไทยที่สั่งสมมาแต่ช้านาน ค่านิยมที่ว่านี้คือ ความอดทนอดกลั้น การยึดทางสายกลาง และความเมตตากรุณา ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่ฝังลึกอยู่ในวัฒนธรรมประจำชาติของเราทั้งสิ้น



เราควรหยุดชี้นิ้วกล่าวหากันอย่างไม่มีสติ การโยนความผิดใส่กันอย่างที่กำลังนิยมทำกันในขณะนี้ การมีอารมณ์อกุศลเช่นความโกรธแค้นและเกลียดชังมีแต่ความหายนะ



เราจะต้องก้าวข้ามสิ่งเหล่านี้และเหนือสิ่งอื่นใดคือ แสวงหาความจริงให้ได้ การสอบสวนข้อเท็จจริงอย่างอิสระและน่าเชื่อถือเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งการดำเนินการตามครรลองของกฎหมายอย่างตรงไปตรงมา จะต้องเกิดขึ้นอย่างจริงจังนับแต่นี้ไป



นอกจากนั้น เรายังจำเป็นต้องเร่งกำหนดแนวทางปฏิบัติเพื่อให้เกิดความปรองดองในชาติและสันติภาพที่ยั่งยืน คนไทยทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องมาร่วมพูดคุยหารือกันโดยยอมรับและเคารพในจุดแตกต่าง ความสนใจ และค่านิยมของกันและกัน การยอมรับกันและการสำนึกผิด ของทุกฝ่ายสามารถนำไปสู่การให้อภัย ซึ่งเป็นกุญแจที่แท้จริงที่นำไปสู่การเยียวยาจิตใจและความรู้สึกนึกคิดของคนไทยทุกคน



เราจำต้องพยายามรีบปิดช่องว่างทางสังคมที่นับวันมีแต่ลึกและกว้างขึ้นทุกที โดยต้องมุ่งแก้ไขความยากจนในโครงสร้าง การกีดกันทางสังคม และความไม่เท่าเทียมกัน ไม่ว่าเราจะมีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นมา เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าความไม่พอใจของผู้ประท้วงจำนวนไม่น้อยมีน้ำหนัก



เราจึงต้องเร่งกำหนดมาตรการให้ครบถ้วนเพื่อจัดการแก้ไขปัญหาสำคัญๆ ต่อไปนี้ (1) ความไม่สมดุลของการกระจายรายได้ (2) ความสามารถที่ถูกลิดรอน และ (3) ความไม่เท่าเทียมในการเข้าถึงและโอกาส



หากเราเพิกเฉย ไม่ยอมรับ ไม่แก้ไขข้อร้องเรียนเหล่านี้ บาดแผลที่กรีดลึกจากความรุนแรงในประวัติศาสตร์ไทยบทนี้ก็จะกลายเป็นแผลเปื่อยเน่า ซึ่งจะยิ่งทำให้ช่องว่างแห่งความแปลกแยกกลายเป็นหุบเหวที่กว้างขึ้นกว่าเดิมอันจะนำไปสู่ความโกลาหลและความรุนแรงต่อไปอีก



ประเทศของเราได้สูญเสียมากมายในครั้งนี้ แต่ในขณะเดียวกันเราก็ได้เห็นการตื่นตัวทางการเมืองของประชาชนในห้วงที่สำคัญยิ่งของกระบวนการพัฒนาประเทศ ถ้าหากในอนาคตเรามองย้อนหลังไป ก็อาจมองว่าการที่พี่น้องที่ยากจนในชนบทได้มีสิทธิมีเสียงทางการเมืองมากขึ้นนับเป็นก้าวที่สำคัญและขาดไม่ได้ในการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยของไทย



เราจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรับรู้ข้อเรียกร้องที่ชอบธรรมและรับฟังเสียงของกลุ่มสังคมเหล่านี้ ไม่ว่าในกระบวนการเลือกตั้งหรือกระบวนการตัดสินใจอื่นๆ

ในความเป็นชาติ เราได้ก้าวมาถึงจุดที่ไม่สามารถย้อนกลับไปเหมือนเดิมได้อีกแล้ว การเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ พวกเราทุกคนล้วนมีส่วนได้ส่วนเสียในอนาคตของประเทศชาติ และต้องมีส่วนช่วยให้การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นไปในทางที่สร้างสรรค์


ขอให้เราจงมาร่วมกันแปรวิกฤตนี้ให้กลายเป็นโอกาส เพื่อที่จะสร้างฉันทามติใหม่ทางการเมือง ให้มี “วาระของประชาชน” เพื่อให้ได้มาซึ่งสังคมที่รวมทุกหมู่เหล่า สังคมที่มีความเท่าเทียมกัน และสังคมที่มีอนาคตร่วมกันสำหรับคนไทยทุกคน