ผู้ดีอังกฤษกดแอลจีเรียไม่ลง ไร้สกอร์ 0 : 0
ผู้ดีเท้าบอด!กดแอลจีเรียไม่ลงเสมอไร้สกอร์ 0:0
ฟุตบอลโลก 2010 รอบแรก นัดสอง กลุ่ม ซี วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน 2553 ทีมชาติอังกฤษ ลงสนามพบ ทีมชาติแอลจีเรีย ผลปรากฎทำอะไรกันไม่ได้เสมอกันไร้สกอร์
<embed src="http://widget-19.slide.com/widgets/slideticker.swf" type="application/x-shockwave-flash" quality="high" scale="noscale" salign="l" wmode="transparent" flashvars="cy=lt&il=1&channel=3170534137714603545&site=widget-19.slide.com" style="width:600px;height:400px" name="flashticker" align="middle"></embed>
ฟุตบอลโลก 2010 รอบแรก นัดสอง กลุ่ม ซี
วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน 2553
อังกฤษ 0:0 แอลจีเรีย
สนาม : กรีน พอยท์ สเตเดี้ยม, เคป ทาวน์
ผู้ตัดสิน : ราฟชาน อิร์มาตอฟ (อุซเบกิสถาน)
แข่งขันเวลา : 01.30 น.
ถ่ายทอดสด : ช่อง 9
ผู้ทำประตู: ---
ฟาบิโอ คาเปลโล่ กุนซือ อังกฤษมีการปรับทัพในบางตำแหน่ง เลดลี่ย์ คิง ที่มีอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อโคนขาหนีบหมดสิทธ์ลงสนามในเกมนี้หน้าที่จึงตกเป็นของ เจมี่ คาร์ราเกอร์ ส่วนแดนกลาง แกเร็ธ แบร์รี่ ฟิตกลับมาพร้อมลงสนามแล้ว และในตำแหน่งผู้รักษาประตู โรเบิร์ต กรีน ซึ่งพลาดมาในเกมแรกต้องตกไปเป็นตัวสำรอง เดวิด เจมส์ ลงเฝ้าเสาแทน
ราบาห์ ซาดาเน่ กุนซือทีมชาติแอลจีเรีย จะหมดสิทธิ์ใช้งาน เกซซัล ศูนย์หน้าตัวเก่งจาก เซียน่า ที่ลงเป็นตัวสำรองในนัดแรกใช้เวลาเพียง 15 นาทีที่ได้โอกาสลงสนาม โดนใบเหลืองที่สองถูกไล่ออกไป ทำให้ติดโทษแบน 1 นัดในเกมนี้
ครึ่งแรก
แอลจีเรีย ในชุดสีเขียวเป็นฝ่ายเขี่ยลูกเริ่มเล่นบุกจากขวาไปซ้าย อังกฤษ เกือบได้ประตูที่ต้องถือว่ามีโชคช่วยในนาทีที่ 4 เจอร์ราร์ด ขึ้นเกมมาทางซ้ายก่อนจะตักโด่งมาที่เสาไกลกะให้เพื่อร่วมทีมเล่น บอลลึกเกือบเสียบใต้คาน ราอิส เอ็มโบห์ลี่ ต้องถอยไปรับ
ผ่านมา 10 กว่านาที ทั้ง 2 ทีมยังไม่มีการทำประตู โดยเกมส่วนใหญ่เคลื่อนที่อยู่ตรงกลางสนาม แอลจีเรีย สามารถสู้ได้อย่างไม่เป็นรอง
นาทีที่ 29 อังกฤษ ขึ้นเกมมาทางซ้าย สตีเว่น เจอร์ราร์ด แตะขึ้นหน้าได้โอกาสซัดด้วยขวาจากนอกกรอบ บอลตกกระดอนพื้นหนึ่งจังหวะพุ่งเข้ากรอบ ราอิส เอ็มโบห์ลี่ ผู้รักษาประตู แอลจีเรีย ไม่พลาดรับเข้าซอง
อังกฤษ เริ่มตั้งเกมได้มากกว่าช่วงแรก! นาทีที่ 33 อาร่อน เลนน่อน สปีดทำเกมขึ้นมาทางขวาก่อนจะเปิดผ่านมาหน้าประตู อันตาร์ ยาเฮีย โขกสกัดออกมาเข้าทาง แฟร้งค์ แลมพาร์ด กดสวนเข้าไปด้วยขวาไม่ผ่าน เอ็มโบห์ลี่
นาทีที่ 40 บอลจากทางขวาผ่านเข้ามาในตรงหน้าเขตโทษ เวย์น รูนีย์ แตะหลบเข้าขวา ก่อนจะบรรจงซัด บอลพุ่งเข้ากรอบ เอ็มโบห์ลี่ ยังไม่พลาดเซฟไว้ได้อีกครั้ง
เข้าสู่ช่วงท้าย ผู้ช่วยผู้ตัดสินชูป้ายทดเวลาบาดเจ็บเพียง 1 นาทียังไม่มีการทำประตู จบครึ่งแรก อังกฤษ ยังเสมออยู่กับ แอลจีเรีย 0:0 โดยที่รูปเกมของทั้ง 2 ทีมออกมาค่อนข้างสูสี
ครึ่งหลัง
เขี่ยลูกเริ่มเล่นครึ่งหลังทั้ง 2 ทีมยังใช้ผู้เล่นชุดเดิมจากครึ่งแรก ฝั่งอังกฤษมีการปรับแผนการเล่น ถอยเอา เวย์น รูนีย์ ลงไปเล่นต่ำให้ เอมิล เฮสกีย์ ดันขึ้นไปสูงเล่นเป็นหน้าตัวเป้า
แอลจีเรีย ได้ลูกฟรีคิกระยะหวังผลหน้าเขตโทษเยื้องออกมาทางซ้ายในนาทีที่ 48 บอลเขี่ยเปลี่ยนจุด อาเธอร์ ยาเฮีย วิ่งเข้ามาซัดเรียดบอลผ่านกำแพงแต่ไปติด เกล็น จอห์นสัน
นาทีที่ 58 เจมี่ คาร์ราเกอร์ ทำฟาวล์ ฮัสซัน เย็บด้า ผู้ตัดสินแจกใบเหลืองซึ่งทำให้นัดหน้า คาร์ราเกอร์ จะไม่สามารถลงสนามได้! แอลจีเรีย ได้เตะฟรีคิกระยะราว 20 หลา อาเธอร์ ยาเฮีย รับหน้าที่สังหารกดด้วยขวาแต่ไม่ตรงกรอบ
นาที 69 เอมิล เฮสกี้ ได้ซัดเต็มเท้าในกรอบเขตโทษฝั่งขวาติด ราฟิค อัลลิเช่ เซนเตอร์ฮาล์ฟแอลจีเรียออกเส้นหลัง และอีกไม่กี่วินาที แกเร็ธ แบร์รี่ เปิดลูกเตะมุมจากทางฝั่งขวา เจอร์ราร์ด ขึ้นโหม่งโล่งๆ ทว่าบอลไปตรงตัว เอ็มโบลี่ ผู้รักษาประตูแอลจีเรีย
เกมยังคงดำเนินต่อเนื่องแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรกันได้ ครบ 90 นาทีรวมช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ผู้ตัดสินเป่านกหวีดหมดเวลา อังกฤษ ทำได้เพียงเสมอ แอลจีเรีย 0:0 สำหรับเกมนัดสุดท้ายของรอบแรก อังกฤษ จะพบ สโลวีเนีย ขณะที่ แอลจีเรีย จะพบกับ สหรัฐอเมริกา
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีมที่ลงสนาม
อังกฤษ : ระบบ 4-4-2
ผู้รักษาประตู : เดวิด เจมส์
กองหลัง : เกล็น จอห์นสัน, แอชลีย์ โคล, จอห์น เทอร์รี่, เจมี่ คาร์ราเกอร์
กองกลาง : แกเร็ธ แบร์รี่(ปีเตอร์ เคร้าช์ น.83), อาร่อน เลนน่อน (ฌอน ไรท์ ฟิลลิปส์ น.63), แฟร้งค์ แลมพาร์ด, สตีเว่น เจอร์ราร์ด
กองหน้า : เอมิล เฮสกีย์ (เจอร์เมน เดโฟ น.74), เวย์น รูนี่ย์
แอลจีเรีย: ระบบ 3-4-3
ผู้รักษาประตู : ราอิส เอ็มโบห์ลี่
กองหลัง : มัดยิด บูเกอร์ร่า, นาดีร์ เบลฮัดจ์, อาเธอร์ ยาเฮีย,
กองกลาง : เมห์ดี้ ลาเชน , ฮัสซัน เย็บด้า(เดฌาแมล เมสบาห์ น.88), ฟูเอด คาดีร์, ราฟิค ฮาลลิคเช่
กองหน้า : คาริม มัตมูร์, คาริม ซิยานี่ (อั๊ดแลน กูเอดิยูร่า น.80), ริยาด บูเดอบุซ (เดฌาแมล อับเดิง น.74)
อ้างข้อความนี้
Bookmarks