"หล่า ๆ ตื่น ๆ ลุกไปตักน้ำส่างเถาะแหมะ มันสิบ่ทันเพิ่น" เสียงอีแมเอิ้นข่อยไปตักน้ำส่าง (น้ำบ่อ) เพราะว่าไปถ่าตอนหัวค่ำกะได้มาบ่พอแอ่งดิน คนไปถ่าหลายโพด กะเลยจอบไปตอนข่อนสิแจ้ง (รุ่งสาง) ตอนเดือนหงายค้าง ยังบ่มีไผตื่น น้ำเกือบเต็มส่าง เทียวหาบเอามาจนเต็มโอ่ง หมานำเห่าเป็นแถว
วิถีชีวิตของคนแต่ก่อนเพิ่นฉลาดเนาะ ยามแล้งบ่มีน้ำเพิ่นกะขุดน้ำส่างเอาไว้กินไว้ใช้ แต่ก่อนระบบน้ำบาดาลกะบ่มี พุแส่พุสาวพุบ่าวพุแพรว (หนุ่ม ๆ สาว ๆ) กะสิพากันไปนั่งเฝ้าน้ำส่าง ตาน้ำกะไหลออกมาเอื่อย ๆ ๆ ซัวสิเต็มคุ เพิ่นกะเว่ากันไปจีบกันไปได้แต่งงานกันหลายคน
รสชาติน้ำส่างกะแล้วแต่ดิน ถ้าดินเปรี้ยวกะสิเป็นสีส่ม ๆ ขุ่น ๆ ถ้ามีแร่ธาตุกะสิเป็นเหมือนน้ำมันลอยอยู่ในน้ำ สิเป็นไขมันเหลี่ยมยาบ ๆ อยู่ มีอยู่ปีหนึ่งพวกทางการเพิ่นพากันไปสำรวจนึกว่าหม่องใกล้ ๆ นั่นสิมีบ่น้ำมันพะนะ เผื่อประเทศไทยสิมีบ่อน้ำมัน สิได้รวย
น้ำส่างหม่องใด๋แซบ กะสิพากันไปตักไปหาบเอา ได้คุถังใส่ไม้คานแล้วกะหย่างไปหาบ เซาเมือยนำทางเอา หาเก็บหมากหว่า (ลูกหว้า) หมากลงไซ (รวงไซ) เอามาทุบกินข้างในมัน กลับบ้านเดือนที่แล้ว ต้นบักหว่า กับต้นหมากลงไซ กะยังคือเก่าและต้นซำเก่า บ่น่าเชื่อเลย
บางหม่องเจ้าของเพิ่นเฮ็ดฝาปิดไว้เอาไว้ถ่าขาย หาบละสองบาท ทั้งกินทั้งอาบเบิ๊ดปีกะบ่เบิ๊ด สงสัยเพิ่นพ้อตาน้ำใหญ่ เอาวงแหวนปูนซีเมนต์มาลงปิดฝาใส่กุญแจเรียบร้อย ถ้าขี่ค่านไปหาบไกลกะไปซื้อเพิ่นนั่นล่ะ
น้ำส่างเอามาใส่แอ่งดินเย็น ๆ สมัยก่อนบ่มีตู้เย็นคือสมัยนี้เนาะ ยามฮ้อน ๆ ไปเฮ็ดงานมาเหมื่อย ๆ เอาขันตักกินมีแฮงกะด้อกะเดี้ย
(ขอบคุณเจ้าภาพ โอ๊ะ..เจ้าของภาพครับ)
คนอีสานบ้านเฮาจั่งพากันเป็นหนิ่ว (นิ่ว) หลาย เพราะน้ำใต้ดินสิมีลักษณะเป็นหินปูน สังเกตน้ำบาดาล ใช้ไปโดน ๆ หินปูนกัดก๊อกน้ำเสียเบิ๊ดแข็งปานหิน หนิ่วกะคือกัน ผ่าออกว่าแมนก้อนหิน บางคนกองเอ้เล่ปานขี่หินแฮ จับเบิ่งกะก้อนหินดี ๆ นี่เอง จั๊กไปอยู่ได้จั่งใด๋ ก้อนฮาวหน่วยไข่กะมีลางคนกะดาย
เด็กน้อยซูมื่อนี้บ่ฮู้จักน้ำส่างดอก อันถ้าน้ำบาดาลสิฮู้อยู่ เพราะบางหมู่บ้านบ่มีน้ำประปา เพิ่นกะใช้ระบบประปาบาดาล ขุดน้ำบาดาลไปพักในถังสูง แล้วปล่อยไปนำท่อ เข้าสู่ครัวเรือน เป็นตางึดเนาะ ใช้เบิ๊ดปีเบิ๊ดซาติกะบ่เบิ๊ดจักเทือน้ำใต้ดิน จักว่ามาจากไสแน
(ขอบคุณเจ้าของภาพ.....ก้อนนิ่ว)
Bookmarks