กำลังแสดงผล 1 ถึง 8 จากทั้งหมด 8

หัวข้อ: มหัศจรรย์แห่งรัก ตอน "คู่รัก"

  1. #1
    ร่วมถ่ายทอดความรู้สู่สังคม สัญลักษณ์ของ สาวเมืองกะสิน
    วันที่สมัคร
    Sep 2007
    กระทู้
    584

    มหัศจรรย์แห่งรัก ตอน "คู่รัก"

    "ด้วยเพื่อนที่รักยิ่งคนหนึ่ง เพิ่นได้อ่านหนังสือ "มหัศจรรย์แห่งรัก ของท่านว.วชิรเมธี ที่สามีที่รักของเพิ่นเอามาให้อ่าน แล้วเกิดอยากแบ่งปัน(หรือว่าย้านหมู่สิขึ้นคานบู้นิ อิอิ) ให้หมู่ได้อ่านนำ กำชับนักกำหนาว่า "ให้เธอไปซื้อมาอ่านเด้ออัน ฉันอ่านแล้วดีอีหลี ทำให้ฉันเข้าความรักขึ้นเยอะเลย" แต่ว่าย้อนอยากอ่านเร็วๆ(มีข้ออ้าง ว่า "ช่วงนี้ฉันบ่ค่อยได้ไปย่างร้านหนังสือดอกเธอ " ) คุณเพื่อนที่รัก ก็เลยลงทุน พิมพ์เป็นตอนๆส่งมาให้อ่าน จนว่าหมดเล่มเอาโลด แถมสรุปตบท้ายมาพร้อม บอกว่า ถ้าเธอขยันรวบเล่ม กะเย็บเล่มไว้อ่านโลด ฉันขยันพิมพ์ให้แล้ว (แม่นว่าเว้าอีหลีหรือว่าประชดบู้คุณเพื่อนกะดาย บ่ได่ถาม อิอิ ย้านคำตอบจ้า) อ่านแล้วกะดีอีหลีจ้า เข้าใจธรรมชาติของคน ของความรักดีขึ้นจ้า ไผสนใจกะไปหาซื้อมาอ่าน แบบฉบับเต็มๆเอาเด้อจ้า ที่ยกมาให้อ่านนี่เป็นเพียงตอนหนึ่งเท่านั่น มาๆๆๆมาอ่านกันเลยจ้า"

    Soul Mate
    คู่รัก

    คำจำกัดความ

    ความรักระหว่างชายหนุ่มหญิงสาว หรือความรักที่อิงกามารมณ์นั้น เป็นความรักที่วางรากฐานอยู่บนสัญชาตญาณการดำรงเผ่าพันธุ์ ซึ่งมีอยู่ในสิ่งมีชีวิต ทั้งคน ทั้งสัตว์ ทั้งพืชพรรณ ทั้งต้นไม้ใบหญ้า ตลอดจนถึงจุลินทรีย์ชนิดต่างๆ เช่นพวกแบคทีเรีย ไวรัส และพวกปรสิตบางประเภทสัญชาตญาณในการดำรงเผ่าพันธุ์นั้น ก็จะมีอยู่อย่างเท่าเทียมเสมอกัน
    ความรักระหว่างชายหนุ่มหญิงสาว หรือความรักที่อิงกามารมณ์นั้น เป็นความรักที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุด และเกี่ยวข้องกับชีวิตของคนเราค่อนข้างจะเข้มข้นรุนแรง ทั้งยังมีอิทธิพลทางจิตใจอย่างมากที่สุดอีกด้วย
    เนื่องจากคำว่า “รัก“ ผู้สันนิษฐานว่า อาจมาจากคำว่า “ราคะ” อันเป็นผลมาจากการที่ความรักระหว่างชายหนุ่มหญิงสาวนั้น ก็เป็นความรักที่อิงราคะ คือ ความใคร่ ความปรารถนา ความต้องการ ความคลั่งไคล้ใหลหลง

    ความรักในทางชู้สาวที่มี
    ปลายทางเป็นกามารมณ์ เช่นที่กล่าว
    มานี้ ในทางพุทธศาสนาท่านกล่าวไว้
    ว่า เกิดขึ้นได้จากเหตุปัจจัย 2 ประการ
    ด้วยกันคือเพราะเราคู่กัน


    ๑. บุพเพสสันนิวาส ได้แก่ การเคยมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันมาในชาติปางก่อน ทั้งในฐานะของคู่สามีภรรยา หรือในสถานภาพอื่นๆ เช่น มารดา บิดา พี่น้อง หรือญาติสนิทมิตรสหาย แต่ในมิติของการครองคู่ คำว่า “บุพเพสันนิวาส” เจาะจงลงไปเลยว่า หมายถึง การเคยเป็นคู่สามีภรรยากันมาก่อน หรือเคยผูกสมัครรักใคร่กันมาก่อน

    ๒. เกิดจากการเกื้อกูลกันในปัจจุบัน ได้แก่ การทำงานร่วมกัน ผ่านความทุกข์ยากลำบากมาด้วยกัน อยู่ในที่ทำงานเดียวกัน สถาบันเดียวกัน บ้านเดียวกัน สิ่งแวดล้อมเดียวกัน หรือพบวิกฤตการณ์บางอย่างมาด้วยกัน อันเป็นเหตุให้เกิดความเห็นอกแห็นใจกันซึ่งกันและกัน เช่นนี้เป็นต้น

    เมื่อมีคนสวมกอดคุณ
    ให้เขาเป็นฝ่ายปล่อยก่อน


    เราไม่อาจรู้ได้เลยว่า ในชั่วชีวิตของเรา ความรักระหว่างชายหนุ่มหญิงสาวที่เกิดขึ้นในแต่ละครั้งนั้น จะเกิดจากบุพเพสันนิวาส หรือว่าเกิดขึ้นจากเหตุปัจจัยในปัจจุบันขณะมาประสบสอดคล้องกันพอดี
    ในเมื่อเราไม่รู้ว่าความรักของเราเกิดขึ้นมาจากสาเหตุใด แต่สิ่งที่ดีที่สุดเราจะสามารถทำได้ เมื่อเรามีความรักระหว่างชายหนุ่มหญิงสาว ก็คือ การเรียนรู้ซึ่งกันและกันอย่างดีที่สุด
    พระพุทธเจ้าตรัสไว้ การที่คนสองคนจะเป็นคู่รักกันจะต้องมีธรรมะในการเลือกคู่ ธรรมะในการครองคู่ ก็จะทำให้เราษมารถครองรักครองเรือนอย่างประสบความสำเร็จได้ จนกระทั่งถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพขร เหมือนดั่งที่คนโบราณได้กล่าวไว้ ในส่วนของธรรมะในการเลือกคนรักหรือคู่รักที่เหมาะสมนั้น พระพุทธเจ้าก็ทรงตรัสเอาไว้อีกเช่นกัน สิ่งนี้เรียกว่า สมชีวิธรรม ๔

    ผมเลือกคุณ
    สมชิวีธรรม ก็คือ ธรรมที่จะทำให้มีความเสมอกัน ในการดำรงชึวิตคู่ ซึ่งประกอบด้วยหลัก ๔ ประการคือ
    ๑. มีความเชื่อเสมอกัน (สมสัทธา)
    ๒. มีความดีเสมอกัน (สมสีลา)
    ๓. มีความเสียสละเสมอกัน (สมจาคา)
    ๔. มีปัญญาเสมอกัน (สมปัญญา)


    ชายหนุ่มหญิงสาวที่มีคุณสมบัติทั้ง ๔ ประการนี้ เสมอใกล้เคียงกัน ก็มีโอกาสสูงมากที่จะเป็นคู่รักที่ประสบความสำเร็จร่วมกันในการครองเรือนครองรัก และร่วมกันสร้างครอบครัวที่ร่มเย็นเป็นสุขได้ในอนคต
    COLOR="DarkRed"]โดยรายละเอียดของสมชีวิธรรม ๔ ประกอบด้วย[/COLOR]


    ๑. มีความเชื่อเสมอกัน (สมศรัทธา) ก็คือ มีระบบความเชื่อ ความยึดถือ ความศรัทธา ที่เป็นไปในแนวทางเดียวกัน ที่เสมอกันหรือใกล้เคียงกัน เช่น ศรัทธาในศาสนาเดียวกัน ศรัทธาในลัทธิเดียวกัน ศรัทธาในระบบเหตุผลเดียวกัน ตลอดจนถึงศรัทธาในวิถีชีวิตแบบเดียวกันคำว่า

    สมศรัทธา ถ้ากล่าวอย่างง่ายๆ ก็คือ การเป็นคนคอเดียวกันนั่นเอง ถ้าเราเป็นคนคอเดียวกันแล้วก็จะทำให้พูดจาภาษาเดียวกันแลเข้าอกเข้าใจกันได้เป็นอย่างดี
    หากสังเกตดูจะพบว่า คู่รักที่คบกันอย่างยั่งยืนมักจะเป็นคู่รักที่มีทัศนคติไปในแนวทางเดียวกัน ก็สามารถเป็นคนรักของกันและกันได้อย่างยาวนาน ในทางตรงกันข้าม ถ้าทัศนคติไปด้วยกันไม่ได้ นั่นก็จะเป็นสาเหตุ ที่ทำให้คู่รักต้องเลิกร้างห่างเหินกันไป ด้วยเหตุนี้ เวลาเราได้ยินใครก็ตามที่ต้องยุติความสัมพันธ์ต่อกัน เขาเหล่านั้น จึงมักกล่าวประโยคที่ว่า “เราไปด้วยกันไม่ได้” คำว่า “เราไปด้วยกันไม่ได้” ก็คือ ทัศนคติ ศรัทธา หรือความเชื่อไม่เสมอกันนั่นเอง “
    COLOR="Red"]
    เมื่อเกิดขัดใจกับคนรัก
    ให้หยุดไว้แค่เรื่องปัจจุบัน อย่าขุดคุ้ยเรื่องอดีต
    [/COLOR]

    และหากเกิดคำถามขึ้นมาในใจ เอ๊ะ ! ถ้าเช่นนั้นแล้วเราควรใช้หลักอะไรเพื่อเป็นเกณฑ์วัดว่า เราทั้งสองมีความศรัทธาที่เสมอกันหรือไม่ ทางพุทธศาสนาท่านก็ได้วางแนวทางไว้เพื่อพิจารณา ในเรื่องของความศรัทธา ที่เสมอกัน ๔ ประการ ดังต่อไปนี้ คือ

    ๑. เชื่อมั่นในการกระทำ (กัมมสัทธา) กล่าวคือ เชื่อมั่นว่าชีวิตของเรานั้น จะดีขึ้นหรือจะเลวลง เป็นเพราะผลจากการกระทำของตัวเราเอง ไม่ได้เป็นเพราะการดลบันดาลของสิ่งศักดิ์สิทธิ์เทวฤทธิ์ปาฏิหาริย์ ไม่ได้เป็นเพราะกรรมเก่านำพาแต่เพียงอย่างเดียว หรือไม่ได้เป็นเพราะไม่มีเหตุไม่มีปัจจัย แต่ชีวิตเราจะเป็นไปอย่างไรนั้น ก็เป็นเพราะว่าเราเป็นผู้ลงมือกระทำเหตุ นั่นคือ ตัวของเราเป็นผู้กระทำสิ่งนั้นด้วยตัวของเราเอง ฉะนั้น ชีวิตของเรานี้ จึงกล่าวได้ว่าเป็นผลผลิตของการสร้างเหตุ เมื่อเราสร้างเหตุดี ชีวิตก็ดี ถ้าเหตุไม่ดี ชีวิตก็ไม่ดี

    ๒. เชื่อมั่นในการกระทำ (วิปากสัทธา) กล่าวคือ ขอให้เราเชื่อมั่นว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เรากระทำเอาไว้ ย่อมส่งผลต่อชีวิตของเราไม่ทางใดก็ทางหนึ่งเสมอไป เมื่อเราเชื่อมั่นผลการกระทำ ก็จะทำให้เราเรียนรู้ที่จะสร้างแต่เหตุที่ดีเพื่อที่จะรอรับในผลที่ดี แล้วก็หลีกหนีเหตุที่ไม่ดี เพื่อที่จะไม่ต้องรอรับกับผลที่ไม่ดี

    ๓. เชื่อมั่นว่าเรามีกรรมเป็นของตน และเราเองเป็นทายาทผู้รับผลแห่งกรรมนั้น (กัมมัสสกตาสัทธา) กล่าวคือ ความศรัทธาหรือความเชื่อที่ว่า เราทุกคนล้วนแต่มีกรรมเป็นสมบัติของตัวเอง เมื่อเราทำกรรมอะไรไว้ ไม่ว่าดีหรือชั่วก็ตาม เรานั่นเอง จะเป็นทายาทผู้รับผลแห่งกรรมนั้น ความเชื่อมั่นที่ว่าเราจะเป็นทายาทผู้รับผลแห่งกรรมที่กระทำไว้นั้นเอง จะทำให้เรารับผิดชอบต่อผลของการกระทำของเรา และจะทำให้เราดำเนินชีวิตดำเนินชีวิตอย่างมีคุณภาพ นั่นคือ ไม่ว่าจะคิดจะพูด จะทำอะไรก็ตาม เราจะทำแต่พฤติกรรมเชิงคุณภาพ จะไม่ทำอะไรในลักษณะที่ขาดความรับผิดชอบอีกต่อไป

    ๔. เชื่อมั่นในปัญญาตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า (ตภาคตโพธิสัทธา) กล่าวคือ เชื่อมั่นในพระปัญญาตรัสรู้และนำมาสั่งสอน กล่าวอย่างสั้นที่สุดคือ เชื่อมั่นในศักยภาพของมนุษย์ว่า มนุษย์ทุกคนมีศักยภาพที่จะบรรลุสัจธรรมได้ เฉกเช่นเดียวกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านได้บรรลุ เมื่อเราเชื่อมั่นเช่นนี้ เราก็จะหันมาหยัดยืนด้วยขาของเราเอง ด้วยการสร้างเนื้อสร้างตัว หรือสร้างสรรค์พัฒนาชีวิตของเราให้ดียิ่งๆ ขึ้น และเมื่อเรามีศรัทธาที่เสมอกัน จะทำให้เรามีความคิดความเห็นที่ลงรอยกัน พูดจาภาษาเดียวกัน นั่นจะทำให้เมื่อเราทำอะไรก็ตาม สิ่งนั้นก็จะง่ายดายขึ้น เนื่องจากเรากำลังดำเนินชีวิตเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เสมือนหนึ่งว่า ถ้าเรามุ่งที่จะเดินทางไปในมหาสมุทร และเราตั้งเข็มทิศไว้ชัดเจนว่า เราจะเดินทางไปทางทิศตะวันออก ต่อให้มหาสมุทรนั้นจะกว้างใหญ่ไพศาลสักแค่ไหนก็ตาม เรือของเราก็จะไม่หลงทิศหลงทางเพราะฉะนั้น การที่เรามีศรั่ทธาที่ชัดเจน หรือมีศรัทธาที่เสมอกัน จึงเปรียบได้กับกัปตันที่มีเป้าหมายอย่างชัดเจนในการเดินเรือในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่

    จะเห็นได้ว่า ศรัทธานั้นจะทำหน้าที่กำหนดเป้าหมายในการเดินทางชีวิตของเรา ฉะนั้น ถ้าเรามีศรทธาที่เสมอกัน การเดินทางในเส้นทางแห่งชีวิตคู่ของเรานั้น ก็จะเป็นการเดินทางที่มีเป้าหมายชัดเจน ไม่หลงทาง และไม่เสียเวลาไปในเรื่องที่สาระแก่นสาร

    ๒. มีความดีเสมอกัน (สมสีลา) ก็คือ มีศีลเสมอกัน มีความประพฤติเสมอกัน เช่น ถ้าสามีเป็นผู้ที่มีศิล ๕ และภรรยาเองก็มีศีล ๕ เช่นกัน ก็จะทำให้เคารพในคุณค่าของกันและกัน แต่ในขณะเดียวกัน ถ้าสามีเป็นผู้ที่ไม่มีศีล ๕ แต่บังเอิญภรรยาเป็นผู้ที่มี่ศีล ๕ ภรรยาก็จะให้ความเคารพสามีได้ไม่เต็มที่นัก และฝ่ายสามีเองก็จะรู้สึกได้ว่าตนเองด้อยกว่าภรรยาในแง่ของความประพฤติ นั้นอาจเป็นเหตุให้เกิดการดูหมิ่นถิ่นแคลนซึ่งกันและกัน ก็จะทำให้ความเคารพซึ่งกันและกันเป็นไปได้ยาก หรือทำให้การเห็นคุณค่าของกันและกันมีน้อยลง เมื่อต่างฝ่ายต่างไม่เคารพในคุณค่าและศักดิ์ศรีของกันและกัน เวลาจะคิด จะพูด จะทำอะไร ก็ไม่ยำเกรงกัน เมื่อไม่ยำเกรงกัน ก็เป็นเหตุให้เกิดความร้าวฉานในการครองเรือนครงอรักกันอย่างง่ายดายนั่นเอง

    หากสังเกตดูจะพบว่า มีคู่รักจำนวนมากที่มีศีลไม่ตรงกัน เช่น สามีชอบเที่ยวกลางคืน แต่ภรรยาชอบอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน เมื่อผ่านห้วงเวลาไปสักระยะก็มักจะไปด้วยกันไม่ได้ บางครั้งสามีชอบออกงานสังคมแต่ภรรยานั้นรักสันโดษ ชอบเก็บตัวเงียบๆ อยู่ภายในบ้าน สักระยะหนึ่งทั้งคู่ก็จะต้องเลิกร้างห่างเหินกันไป
    เพราะฉะนั้นคำว่าศีลเสมอกัน ถ้าจะนิยามให้กว้างขวางกว่านั้น ก็คือ การมีรสนิยมในการดำเนินชีวิตที่เสมอกันนั่นเอง

    ๓. มีความเสียสละเสมอกัน (สมจาคา) หมายความว่า “เสียสละเสมอกัน” ในที่นี้ หมายความว่า เราจะต้องเสียสละกิเลสส่วนตัวของเราทิ้งไป หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า เราจะต้องทิ้งอัตตาของเรา อย่าถือธอถือฉัน ให้ทิ้งความเป็นเธอความเป็นฉันแล้วหลอมรวมกันเป็นเรา หากเราสามารถละทิ้งอัตตาของแต่ละฝ่ายไปได้ ทิ้งความเป็นเธอทิ้งความเป็นฉันไปได้ แล้วรวมกันเป็น “เรา” ได้เมื่อไรเมื่อนั้นเราก็จะก้าวเดินไปพร้อมๆ กัน เมื่อต่างฝ่ายต่างไม่ถือตนเองเป็นใหญ่ ก็จะเกิดความถ้อยทีถ้อยอาศัย เห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน และนั่นก็จะทำให้คนทั้งคู่สามารถประคับประคองความรักของกันและกันได้อย่างยืนยาว

    ๔. มีปัญญาเสมอกัน (สมปัญญา) หมายความว่ามีขีดความสามรถในการใช้ปัญญา ขีดความสามารถในการใช้เหตุผลเสมอกัน เมื่อเรามีระดับสติปัญญาเสมอกันหรือใกล้เคียงกันนั้น เวลาที่เราคุยกัน เวลาที่เราวางแผนทำอะไรร่วมกัน หรือเวลาที่เราวางโครงการว่าเราจะแต่งงานกันหรือเราจะสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยวิธีการอย่างนั้นอย่างนี้ร่วมกัน ก็จะทำให้เราพูดจากันรู้เรื่องในลักษณะที่ว่าพูดจาภาษาเดียวกัน และพอพูดจาภาษาเดียวกัน อยู่ในนะดับชั้นทางสติปัญญาใกล้เคียงกัน ก็จะมีความคิดความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน ก็จะทำให้ง่านต่อกาทำความเข้าใจ แต่ถ้าสามีเป็นคนที่ฉลาดมาก แต่ภรรยาเป็นนที่ตามความคิดของสามีไม่ทัน สักระยะหนึ่ง คนทั้งคู่ก็จะเกิดอาการ “น้ำแตกสาย ไผ่แยกกอ” ซึ่งจะนำไปสู่ “การแยกทาง” กันในที่สุด แต่ถ้าสามีและภรรยาเป็นคนที่มีความคิดความอ่านอยู่ในระดับเดียวกัน ทั้งคู่ก็จะคุยกันรู้เรื่องสามีคิดภรรยาก็สนับสนุน ก็จะกลายเป็นคู่เติมเต็มซึ่งกันและกันอย่างถึงที่สุด แต่ถ้าฝ่ายหนึ่งคิด ฝ่ายหนึ่งตามไม่ทัน ในที่สุดจะกลายเป็นว่า คนหนึ่งหรือฝ่ายหนึ่งกำลังก้าวไปข้างหน้า แต่อีกฝ่ายหนึ่งกลายเป็นลูกตุ้มถ่วงอยู่ข้างหลัง กรณีอย่างนี้ ก็จะทำให้การครองรักนั้นมีแชปัญหาเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
    ฉะนั้น ถ้าคนทั้งคู่มีปัญญาเสมอกันแล้ว คิดก็คิดใกล้เคียงกัน พูดก็พูดใกล้เคียงกัน ทำก็ทำใกล้เคียงกัน ก็จะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นเป็นไปได้โดยง่าย อุปสรรคต่างๆ ก็จะได้รับการแก้ไขโดยไม่ยากเย็นนัก

    [COLOR="Red"]
    เราอย่ารักแต่เพียงคำพูดและลิ้นเท่านั้น
    แต่จงรักด้วยการกระทำและความสัตย์จริง
    [/COLOR

    นิ้วนางข้างซ้าย
    หากว่าจะเลือกคู่รักมาเป็นคู่ครอง ก็ควรพิจารณาคู่รักของเราว่ามีธรรมทั้ง ๔ ประการนี้เสมอเหมือกับเราหรือไม่ กล่าวคือ มีระบบความเชื่อเสมอกัน มีความประพฤติเสมอกัน มีความเสียสละเสมอกัน และมีปัญญาเสมอกัน

    อาจมีคำถามแทรกขึ้นมาว่า เอ๊ะ ! แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าคนรักของเรา เขาหรือเธอจะมีธรรมทั้ง ๔ ประการนี้ เสมอกับเรา คนโบราณท่านชาญฉลาดมาก ท่านกล่าวไว้ว่า ถ้าอยากจะรู้ว่าคู่รักของเรา มีธรรมทั้ง ๔ ประการนี้ เสมอกับเราหรือไม่ ก็ให้หมั้นกันไว้ก่อน

    การหมั้น ก็คือ การจองไว้ก่อน จองเพื่ออะไร จองไว้เพื่อศึกษาซึ่งกันและกัน

    นี่คือปรัชญาของคนโบราณกาล ท่านไม่นิยมให้ชายหนุ่มหญิงสาวที่พึงใจกัน แล้วก็มาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันเลย ไม่เหมือนยุคสมัยนี้
    สมัยก่อนผู้หลักผู้ใหญ่ท่านชาญฉลาดมาก เมื่อท่านเห็นว่าต่างฝ่ายต่างก็รักใคร่ชอบพอกัน ก็ให้หมั้นหมายกันไว้ก่อน อย่าพึ่งเร่งรีบแต่งงาน หมั้นเพื่อให้เรียนรู้ซี่งกันและกัน เป็นช่วงเวลาของการศึกษาเรียนรู้ระหว่างชายหนุ่มและหญิงสาว เมื่อศึกษาเรียนรู้กันไปแล้ว ก็เห็นว่า สมสัทธาก็ไม่มี สมจาคาก็ไม่มี สมสีลาก็ไม่มี สมปัญญาก็ไม่มี ในที่สุด ท่านก็สามารถให้ถอนหมั้นได้ สิ่งนี้แหละ คือปรีชาญาณในการเลือกคู่ครองของแต่คนโบราณกาล ซึ่ง ณ เวลานี้ เป็นที่น่าเสียดายว่า คนหนุ่มสาวในยุคปัจจุบันได้มองข้าม และได้ทอดทิ้งสิ่งทีสำคัญสิ่งนี้ไป

    และนั่นจึงเป็นเหตุให้สถิติการหย่าร้าง มีตัวเลขที่สูงมาก สูงเทียบเคียงกับสถิติการแต่งงานเลยทีเดียว กล่าวคือ มีการแต่งงานสูง ก็มีการหย่าร้างสูงตามมา เช่นกัน และนั่นเป็นเหตุให้ในปัจจุบันนี้ มีสถานภาพที่เรียกกันว่า Single Mom เกิดขึ้นและกระจายอยู่อย่างมากมาย ไม่เฉพาะในสังคมไทยเท่านั้น หากแต่กระจายไปทั่วทุกมุมโลก นั่นก็เพราะว่า เราได้ทอดทิ้งขั้นตอนสำคัญ คือ ขั้นตอนของการศึกษาซึ่งกันและกันก่อนนั่นเอง


    ถามว่า ทำไมการหมั้นจึงสำคัญ ?


    เพราะเมื่อแรกคบกันนั้น มนุษย์แต่ละคนจะยังไม่เผยตัวตนที่แท้ออกมาให้เห็น แต่เมื่อคนทั้งคู่อยู่ระหว่างศึกษาดูใจกันไปรื่อยๆนั่นเอง ก็จะค้นพบว่า
    ตัวตนที่แท้จริงของอีกฝ่ายหนึ่งเป็นเช่นไร ยี่งศึกษากันนานไป ก็จะยิ่งทำให้การตัดสินใจครองคู่มีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น
    บางครั้งการหมั้นอาจมีผลทำให้การตัดสินใจแต่งงานช้าลง หากมองอย่างผิวเผิน เหมือนการหมั้นเป็นอุปสรรคของการครองเรือนตามที่แต่ละฝ่ายวาดหวังเอาไว้ ไม่ทันใจวัยรุ่นคนหนุ่มสาว แต่หากมองอีกมุมหนึ่ง แม้การหมั้นจะทำให้อะไรหลายอย่างช้าลงไปบ้าง แต่ยังดีกว่าแต่งงานกันไปอย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะแยกทางกันอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน

    "หากบุคคลปรารถนาที่จะแบ่งปันความสุข
    และความปิติให้กับผู้อื่น
    เขาก็ควรมีความสุข
    และความปิติอยู่ภายในตัวเองเสียก่อน"



    อ่านแล้วขอให้โชคดีในความรักกันทุกคนจ้า นี่หล่ะมหัศจรรย์แห่งรักในพระพุทธศาสนาของเฮามหัศจรรย์แห่งรัก ตอน "คู่รัก"
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สาวเมืองกะสิน; 13-07-2010 at 07:14.

  2. #2
    Super Moderator สัญลักษณ์ของ ไก่น้อย
    วันที่สมัคร
    Aug 2006
    ที่อยู่
    นครโคราช
    กระทู้
    4,928
    บล็อก
    8
    ขอบคุณหลายๆสำหรับเรื่องดีๆ ในการใช้ชีวิต (รัก) ควบคู่กะธรรมะจ้า ....
    กระเบื้องจะฟูลอย น้ำเต้าน้อยจะถอยจม เมฆจะหล่นฟ้าปลาจะกินดาว ลาวจะครองเมือง ::)

  3. #3
    ดูแลตรวจสอบเนื้อหา สัญลักษณ์ของ pcalibration
    วันที่สมัคร
    Nov 2008
    ที่อยู่
    เมืองฉะเชิงเทรา(แปดริ้ว)
    กระทู้
    1,883
    บล็อก
    1
    น้ำย่อมไหลลงสู่ที่ต่ำ
    ธรรมคือสิ่งที่เป็นกลาง
    ความรักเป็นสื่อที่มีสองข้างย่อมมีขั้วเสมอ

  4. #4
    ท่องเวบ สัญลักษณ์ของ pui.lab
    วันที่สมัคร
    Jul 2006
    ที่อยู่
    โสดไม่มีใครเอา หรือว่าเราไม่เอาใคร
    กระทู้
    8,954
    บล็อก
    9
    อ่านแล้วก็ยิ้มไปด้วย มีความสุขใหนการอ่านค่ะ ความรักเนาะต้องควบคู่ไปกับคุณธรรม
    ศิลธรรม ประเพณีอันดีงาม ขอบคุณข้อมูลดีๆจ้า

    สาธุ ขอให้ข้าน้อยพบรักในบ้านมหาเทอญ ถ้าได้พบหญิงปุ้ยจะเอาหมอลำซิ่งมาถวายจ้า
    บ้านมหาดอทคอม เว็บไซต์ส่งเสริม ศิลปะ วัฒนธรรมไทย ศิลปิน ความรู้ออนไลน์
    st1: มิตรภาพและรอยยิ้ม กับดีเจคนไกลบ้าน st1:

  5. #5
    ดีเจ นักจัดรายการ สัญลักษณ์ของ ข้าวปาด
    วันที่สมัคร
    Oct 2006
    ที่อยู่
    finland
    กระทู้
    756
    บล็อก
    1
    ขอบคุณเจ้าของกระทู้จ้า อ่านแล้วกะอยากไห้ผุบ่าวมาอ่านนำเด้ ไปดึงหูมาอ่านกอ่นน๊า อิอิ

    สาธุ..ขอให้เจ๊ปุ้ย พบรักในบ้านมหาเร็วๆๆเด้อจ้า ข้าวปาดสิใด้หย่าวหน้าฮ้านลำซิ่ง ฮ่าๆๆ

  6. #6
    ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านมหา สัญลักษณ์ของ sompoi
    วันที่สมัคร
    Mar 2007
    ที่อยู่
    japan
    กระทู้
    5,708
    บล็อก
    23
    ขอบคุณบทความดีๆค่ะ ความรักสวยงามเสมอเนาะจ้า บ่ว่าสิเป็นรักแบบได๋ .. ยินดีต้อนรับความรักสุเมื่อล่ะขะน้อย บุยยย..
    มองต่าง..อย่างปลง

  7. #7
    ท่องเวบ สัญลักษณ์ของ pui.lab
    วันที่สมัคร
    Jul 2006
    ที่อยู่
    โสดไม่มีใครเอา หรือว่าเราไม่เอาใคร
    กระทู้
    8,954
    บล็อก
    9

    พบปะพูดคุย

    สาธุ..ขอให้เจ๊ปุ้ย พบรักในบ้านมหาเร็วๆๆเด้อจ้า ข้าวปาดสิใด้หย่าวหน้าฮ้านลำซิ่ง ฮ่าๆๆ

    สามมื่อสามคืนพ่นเด้อข้าวปาด ถ้าได้พ้ออีหลีฮ่าา
    บ้านมหาดอทคอม เว็บไซต์ส่งเสริม ศิลปะ วัฒนธรรมไทย ศิลปิน ความรู้ออนไลน์
    st1: มิตรภาพและรอยยิ้ม กับดีเจคนไกลบ้าน st1:

  8. #8
    ร่วมถ่ายทอดความรู้สู่สังคม สัญลักษณ์ของ สาวเมืองกะสิน
    วันที่สมัคร
    Sep 2007
    กระทู้
    584
    ตามมาเชียร์ติดๆ คือจังข้าวปาดว่าจ้าพี่ปุ๊ย สาธุๆๆ ขอให้คนงามๆ ใจดีๆๆคือพี่ปุ้ย
    พบรักในบ้านมหา ที่เสมอกันด้วยความเชื่อ ความดี ความเสียสละ และปัญญา
    เร็วๆๆที่สุดเด้อเจ้าพ่อเจ้าแม่ในบ้านมหาเอ้ย พี่น้องบ้านมหาสิได้เอาบุญใหญ่มาม่วนๆนำกันเน๊าะ ฮิ้วๆๆ

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •