.....ฝนตกทีไร พาใจให้นึกถึงเมื่อครั้งตอนที่ฉันอยู่บ้านนอกทุกที นึกถึงเหตุการณ์เมื่อยี่สิบปีก่อน ตอนที่ยังไม่ได้มาทำงานในเมืองใหญ่แห่งนี้ พอถึงหน้าทำนาทีไร ทุกคนในบ้านก็จะมีภาระกิจของตัวเอง โดยที่ไม่ต้องรอให้ใครมาเตือน เช่น ...แม่ต้องตื่นตั้งแต่ตีสี่ทุกวัน เพื่อมานึ่งข้าวทำกับข้าวเตรียมไปทุ่งนาแต่เช้า ...ส่วนพี่สาวก็เป็นอีกคนที่จะต้องตื่นแต่เช้าเพื่อมาตักน้ำใส่โอ่ง ทั้งข้างบนและข้างล่าง ...ก็เลยมีผลทำให้ฉันต้องพลอยตื่นแต่เช้าตามไปด้วยอีกคน แต่เมื่อรู้สึกตัวแล้วฉันจะยังไม่ลุกจากที่นอนง่ายๆหรอกนะคะ จะเป็นประเภทที่ว่าขอนอนต่ออีก 5 นาทีหรือ 10 นาที อะไรทำนองเนี้ยค่ะ ยิ่งถ้าวันไหนได้ยินเสียงแม่เรียกแต่เช้านะ ก็จะอิดออดอยู่นั่นแหล่ะ จะหรี่ตานิดนึงเพื่อมองดูพี่สาว ว่าพี่ลุกไปแล้วหรือยัง แต่ไม่กล้าหรี่ตามากนัก กลัวตัวเองตื่นไปมากกว่านี้ ซักพักก็จะเอาขาเขี่ยๆดูที่นอนข้างๆว่าพี่ไปแล้วจริงหรือเปล่า ใช้ขาเขี่ยๆควานหาเป้าหมายก่อน ถ้าที่นอนว่าง ก็แสดงว่าพี่สาวลุกไปแล้ว (ฉันก็สบายไป) พร้อมกับคิดในใจว่า..ถ้างั้นฉันขอนอนต่ออีกหน่อยดีกว่านะ ... และวันนี้ก็เช่นกันฉันตั้งใจไว้ว่า จะขอนอนต่ออีกซักสิบนาทีเดี๋ยวค่อยลุกไปช่วยพี่ตักน้ำ ...แต่บังเอิ๊ญ..บังเอิญ วันนั้นฝนตกพรำๆ ก็เลยทำให้ฉันหลับเพลินไปนิดนึง มารู้สึกตัวอีกทีตอนที่รู้สึกว่ามีเงาดำทะมึน กำลังเดินเข้ามาที่หน้าประตูห้องนอน มองลางๆดูจากลักษณะและรูปร่างแล้ว มันช่างเหมือนใครบางคนที่ฉันคุ้นเคยเป็นเยี่ยงนัก ร่างนั้นเดินเข้ามาพร้อมอาวุธประจำตัวคู่กายของแก ร่างที่คุ้นเคยนั้นคือ..แม่ฉันเองค่ะ... แม่เดินดุ่มๆเข้ามาด้วยความเร็วประมาณ 80 ก้าวย่าง/ชั่วโมง ปากก็ตะโกนเสียงดังลั่นว่า...อีอั่นนี่..มึงสิลุกหรือบ่ลุกเดี๋ยวนิฮึ..ถ้ามึงบ่ลุก..มึงสิถืกแซ..กูคักๆแหลว..(ขออนุญาตใช้คำพูดไม่สุภาพค่ะ) ได้ยินแม่พูดอย่างนั้น ต่อมอะดรีนาลีนทุกส่วนในร่างกายฉันก็ทำงานทันทีพร้อมกันโดยอัตโนมัติ คือกระโดดลุกพรวดเดียวเกือบถึงหน้าประตู พร้อมกับรีบวิ่งออกไปนอกห้อง ก่อนที่จะได้ลิ้มรส แส้เพชรฆาตของแม่ เมื่อวิ่งไปได้ซักประมาณ 7-8 ก้าวก็หันหน้าไปมองแม่เหมือนท้าทายนิดนึงว่า ยังไงแม่ก็วิ่งตามไม่ทันแน่..เพราะแม่คงไม่คิดจะสลายแคลลอรี่แต่เช้าๆหรอก...น่าน..ลูกเทวดาคือหยังนิ ตื่นก็สาย ขี้เกียจก็ไม่น้อยหน้าใคร ยังจะมาเยาะเย้ยแม่อีก
.....นั่นเป็นเพียงเหตุการณ์ในวันฝนตกของฉัน เพียงเหตุการณ์หนึ่งเท่านั้น ที่ฉันยังจดจำไม่รู้ลืม ณ วันนี้ ..ในวันที่ฉันได้มาอยู่ในป่าปูนของเมืองใหญ่อันศรีวิไล ทุกครั้งที่ฝนตก ฉันก็ได้แต่มองออกไปที่นอกหน้าต่าง ทำใจให้ปล่อยวางซักพัก แล้วระลึกถึง..ผู้มีพระคุณ ..นั่นคือแม่ของฉันคนนี้ ถ้าวันนั้นแม่ไม่เคี่ยวเข็ญฉัน ให้เป็นคนขยัน ตัวฉันก็คงไม่เป็นอย่างนี้....ทุกวันนี้ฉันแทบจะทำงานทุกวันก็ว่าได้ จะไม่หยุดงานเลยถ้าไม่มีธุระจำเป็นจริงๆ เพื่อสร้างฐานะของตัวเอง
.....และเนื่องในโอกาสใกล้จะถึงวันแม่ในเดือนสิงหาคมนี้ ลูกสาวของแม่ที่อดีตจอมขี้เกียจมากคนนี้ ขอเอาสิบนิ้วพนม ก้มกราบแทบเท้าแม่ นะคะ ฝากบอกกับแม่ผ่านเว็บไซค์บ้านมหาว่า...ลูกจะจดจำคำสอนพร้อมกับร่องรอยของไม้เรียวที่แม่เคยตีให้จำ นั้นไปจนชั่วชีวิตค่ะ.....
สาวมุก / 20-07-2010
Bookmarks