(ต้องขออภัยหากในบทสัมภาษณ์ อาจมีภาษาพ่อขุนรามบ้างประปราย)

บทความนี้ตัดตอนมาจากนิตยสาร “ค.คน” ปีที่ 5 ฉบับที่ 4(52) กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

เทพ โพธิ์งาม ตลกดัง ผู้เห็นความเท่าเทียมกันของทุกชีวิต

ทุกครั้งที่ไปทานอาหารนอกบ้านกับครอบครัวเพื่อนฝูงในวงการ หรือกับใครก็แล้วแต่ เทพ โพธิ์งามคือคนที่บริกรยืนรอสั่งอาหารนานที่สุด

ตลกรุ่นใหญ่จะพลิกเมนูไปมาเพื่อดูรายชื่ออาหารโดยละเอียด ก่อนที่สุดท้ายจะสั่งอะไรที่มันไม่เคยมีอยู่ในรายการ


“เอาเส้นใหญ่ราดหน้า เอาแต่เส้นกับผัก เวลาผัดเส้นหรือเคี่ยวน้ำห้ามใส่น้ำปลา และห้ามใช้น้ำมันหมู สรุปง่าย ๆ ว่า ทำยังไงก็ได้ แต่อย่าเอาอะไรที่เกี่ยวกับสัตว์มาให้กูแดก”

เมนูอาหารของเทพเล่นเอาบริกรถึงกับงงและขำขันในความเป็นคนบ้าน ๆ ไปในคราวเดียวกัน มันฟังดูเหมือนว่ายาก แต่จริง ๆ แล้วก็คืออาหารง่าย ๆ และในความง่าย ๆ มันก็ดูมีความยาก

นับจนถึงวันนี้ เป็นเวลา 9 ปีแล้วที่เทพลด ละ เลิก การบริโภคเนื้อสัตว์ได้อย่างเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ใหญ่อย่างวัว หมู สัตว์ปีกอย่างเป็ด ไก่ หรือสัตว์ทะเลอย่างกุ้ง หอย ปู ปลา สัตว์เหล่านี้ไม่เคยมาเป็นซากศพอยู่ในร่างกายของเขา


“เราเริ่มจากสัตว์ใหญ่อย่างวัวก่อน วัวนี่เลิกมา 30 กว่าปีน่าจะได้ ความจริงเราไม่ได้คิดว่าจะเลิกหรอก เพราะเมื่อก่อนก็ชอบกิน ชอบมากด้วย แต่พอเราไปเห็นภาพที่เกิดขึ้นแล้วมันไม่ไหว”


“ภาพ” ในความหมายของเทพ หมายถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งเดินทางกลับจากไปเล่นตลกที่ จ.ร้อยเอ็ดเมื่อหลายสิบปีก่อน ขณะนั้นเป็นเวลาราวตีสี่ เขากำลังขับรถไปตามถนนมิตรภาพ โดยมีจุ๋มจิ๋ม เข็มเล็ก และลูกวงคนอื่น ๆ หลับอยู่ที่เบาะหลัง ทุกอย่างดูเป็นปกติธรรมดาดังเช่นการเดินสายทุกครั้งทว่าเมื่อรถเข้าสู่ จ.ขอนแก่น เทพก็ได้เจอกับความน่าสยดสยอง อันเป็นที่มาให้เลิกกินสัตว์ใหญ่


“รถบรรทุกวัวมันชนกับรถทัวร์ เละเต็มถนนไปหมดเลย ทั้งซากวัว ซากคน คิดดู เลือดมันแดงเต็มถนนยาวไปเป็นกิโล แล้วกลิ่นคาวมันเข้ามาในรถเหม็นยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด พอขับไปอีกสัก 1 กิโล มีลูกวัวตัวหนึ่งเดินร้องมอ ๆ ตามหาแม่ ในสภาพกระดูกหัก ตาเตอนี่ถลนออกมมาข้างนอกหมดแล้ว มันเดินกะโผลกกะเผลกไปตามสัญชาตญาณสุดท้าย เรียกได้ว่าภาพแต่ละภาพที่เห็นแม่งเหมือนรกเลย มันติดตาไปตลอดทั้งวัน แต่มันก็ดีที่เราได้เห็น เพราะพอเห็นตรงนั้น เราก็สว่างตรงนั้น พอเช้ามาเราก็ไม่กินเนื้อวัวอีกเลย”


“ส่วนไอ้สัตว์ทุกอย่างนี่มาตัดได้ก็ตรงที่เราไปนั่งดูดบุหรี่อยู่ตรงครัวหลังคาเฟ่ แล้วมีคนแม่งเอาปู เอากุ้งเอาสัตว์เป็น ๆ มาหนีบเหล็กแล้วก็วางเผาไฟบนเตา เรามองไปเห็นมันดิ้นแพร่ด ๆ เห็นแล้วไม่ไหว ลุกหนีออกมาเดี๋ยวนั้น แล้วก็บอกกับตัวเองเลยว่า ต่อไปนี้กูไม่แดกแม่งแล้ว หยุดหมด ไม่ว่าสัตว์เป็นสัตว์ตาย”



ปล..ภูมิใจในความเป็นตัวอย่างที่ดีของเลือดเนื้อคนอิสานด้วยกันค่ะ...