(ข้อแนะนำในการอ่านเพื่อเพิ่มอรรถรส)บทบรรยาย ควรอ่านเป็นภาษากลาง
บทสนทนา ควรอ่านเป็นภาษาอิสาน
....วิถีชีวิต..ชาวบ้านในชนบท ที่หำน้อยต้องเจอต้องพบเป็นความทรงจำติดตัวแบบฝังรากลึก..เป็นความโหยหา คิดถึงวันแล้ววันเล่าไม่มีวันจาง...... กลิ่นหอมไอควันที่ผ่านฟืนเปลือกไม้แห้ง..กับไอเดือดของน้ำผ่านข้าวเหนียวนึ่งในหวดไม้ไผ่สาน ที่รอสุก...เพื่อเป็นพลังงานต่อชีวิตและลมหายใจของชาวอิสาน ปลาที่ชำแหละผ่าครึ่งสี่ห้าตัวที่หมักเกลือถูกนำใส่กระด้งไผ่สาน ยกขึ้นตากบนหลังคาหญ้าคา เหนือส่วนที่เป็นครัว ถนอมไว้เป็นอาหารมื้อต่อไป “ขั่นเมื่อย..กะบ่ต้องไปดอกใส่เบ็ด...เซาจักคราวกะได้ดอก บักหลอดกะยังบ่ทันหาย อย่าพากันไปเล่นทั่วทีบ..ละ”แม่เพ็ญบอกลูกชายซึ่งกำลังจัดการล้างหน้าแปรงฟันอยู่นอกชาน มีถังน้ำสังกะสีซึ่งปะแล้วปะอีกอีกสองใบใส่เสื้อผ้าเตรียมซัก พลันสายตาเหลือบไปเห็นสาวน้อยตากลมเดินถือถ้วยตราไก่ใส่แกง มายืนที่หน้าบันได “แม่เพ็ญ..อีแม่ให้ แพง เอาแกงหน่อไม้มาให้ จ้า....บรู้ววว”เสียงเจ้าของถ้วยแกง เรียกแม่เพ็ญแต่ก็ไม่วาย ทำปากพ่นเสียงแลบลิ้น ใส่หำน้อยที่นั่งอยู่นอกชาน “แน่...แน่..หำน้อย น้องเขาล้อเล่นซือๆ...” เสียงแม่เพ็ญเอ็ดห้าม หำน้อยที่กำลัง เงื้อขันตักน้ำทำท่าจะสาดใส่แม่สาวน้อยตัวแสบ ที่ไม่ค่อยจะลงรอยกันเท่าไหร่ “มา..มา..ขึ้นมาหล่าคำแพง..เดี๋ยวแม่สิแบ่งป่นปลา...ให้แพงนำ..ถ่าจักคราวเด้อหล่า.. คำแพงเดินขึ้นบนบ้านรวบชายซิ่น เอาถ้วยแกงวางแล้วนั่งรอแม่เพ็ญ “ป้าด..ปลาได้หลายตั้วนี้ แม่เพ็ญจ๋า ได้มาแต่ทางได๋จ้า” คำแพงถามแม่เพ็ญแบบกวนหูเจ้าตัวทีไปใส่เบ็ดมาอย่างหำน้อย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ “ฝากไว้ก่อน..เด้อ “ หำน้อยพูดเสร็จก็เดินเข้าในบ้าน คำแพงตัวแสบอมยิ้มกลั้นหัวเราะแทบไม่อยู่ อันที่จริง คำแพง นั้นเป็นลูกสาวของผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งบ้านอยู่ในระแวกคุ้มเดียวกับบ้านหำน้อย แม่ของคำแพงนั้นก็เป็นเพื่อนกันกับแม่เพ็ญสมัยสาวๆครอบครัวนี้จึงสนิทกันเหมือนญาติเลยก็ว่าได้ แต่ที่ไม่กินเส้นกันก็สองคนนี้แหละ คำแพงเองอายุก็ 8 ปีเป็นน้องหำน้อยอยู่ปีหนึ่ง เป็นสาวน้อยตากลมรูปร่างเล็ก เอาแต่ใจ แต่เป็นคนพูดเพราะ ช่างเจรจา เรียนอยู่โรงเรียนเดียวกันกับหำน้อยแต่คนละชั้น ด้วยเหตุที่โดนพวกเพื่อนหำน้อย อย่าง หลอด กับ แสง แกล้งเป็นประจำ ก็เลยพาลมาเอาคืนกับหำน้อยซะเลย แต่หำน้อยเองก็ไม่ได้เกลียดหรือชิงชังคำแพงเลย บางครั้งยังเป็นคนช่วยห้ามเพื่อนตัวแสบไม่ให้ไปกลั่นแกล้งกลุ่มเพื่อนๆของคำแพง อีกทั้งหำน้อยเองก็เรียกแม่ของคำแพงว่า แม่ เหมือนกันเพราะว่าทั้งสองมีแม่ที่เป็นเพื่อนกัน ผู้ใหญ่ที่สนิทกันมากก็จะให้ลูกๆเรียกชื่อพื่อนสนิทว่า พ่อ หรือ แม่ “เอ้า..หล่าคำแพง ป่นปลา ..ถือดีๆแนละ..ฟ้าวไป่เดี๋ยวสิบ่ทันโรงเรียน มื้อแลงกะไปวัดกับแม่บ่”แม่เพ็ญพูดพร้อมยื่นถ้วยป่นให้คำแพง “แพง..ไปจ้าไปเบิ่งอีแม่เพิ่นฮ้องสาระพัน..จ้า..พูดเสร็จสาวน้อยก็รีบเดินกลับไปบ้านพร้อมถ้วยป่น...”ปะ...หมอก มาเร็วๆ....” หมาพันธ์ทางตัวใหญ่ขนสั้นสีเทาปนขาว ที่นั่งกระดิกหางรอเจ้าของอยู่หน้าบันได เป็นหมาที่ คำแพง ให้พ่อกับแม่ขอมาจากต่างหมู่บ้านที่เป็นญาติๆกัน เจ้าหมอกถึงจะตัวใหญ่แต่ไม่เคยเลยที่จะเห่าจะกัด คน ซ้ำขี้เกียจกินจุ ตัวถึงอ้วนใหญ่ เวลาพ่อแม่และคำแพงไม่อยู่บ้าน ก็จะฝากมันไว้กับหำน้อย..เจ้าหมอกจึงมีเจ้านายถึง 2 คน...
ภาพเด็กๆเดินเท้าไปโรงเรียนตอนเช้า มุ่งหน้าเข้าสู่ห้องเรียนอีกบทหนึ่งของชีวิตที่มีแต่ดินสอ สมุด หนังสือ เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าท้องไรท้องนา ที่เป็นโรงเรียนหลักอันกว้างใหญ่ในการดำเนินชีวิต...การเรียนรู้จะทำให้พวกเขา ทั้งหมดหรือแค่บางคนที่มีโอกาส มีอนาคตที่ดีกว่าเดิม โอกาสที่จะได้เรียนต่อสูงๆมีงานทำที่ดี..แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่อาจทำให้พวกเขา..ห่าง..ไกลวิถีชีวิตเก่าๆได้แต่โหยหาเมื่อกาลเวลาล่วงเลยไปกับภาพในอดีตที่ไม่สามารถ...ย้อนเวลากลับมาได้.
โปรดติดตามตอนต่อไป..ครับ
Bookmarks