หลังจากที่เงียบหายไปนาน วันนี้ได้ฤกษ์เพ็นนีคนงามมารายงานตัวจ้า
นับตั้งแต่สงกรานต์ที่เพ็นนีเงียบไปและแทบไม่ได้ตั้งกระทู้ใดๆเลย
แต่ก็แอบมาอ่านกระทู้ของพี่น้องบ้านมหาทั้งแบบเปิดเผยและไม่เปิดเผยเรื่อยๆไม่ขาดระยะ
ช่วงสงกรานต์ เพ็นนีเจ็บป่วยด้วยอาการนอนไม่หลับ หลับๆตื่นๆ ตื่นมากลางดึกทำให้หลับต่อไม่ได้
ช่วงเวลาทำงานในตอนกลางวันทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานไม่ค่อยจะเต็มที่ ขาดตกบกพร่องหลายครั้ง
ทำให้รู้สึกว่าตัวเองแย่ ก็เลยไปปรึกษาคุณหมอ หลังจากที่ได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่เวชระเบียน
เจ้าหน้าที่ฝ่ายเวชระเบียนส่งไปแผนกจิตเวชผู้ใหญ่ หลังจากคุยกับนักจิตเวชก็ได้เข้าพบคุณหมอเฉพาะทาง
แต่ไม่ได้คุยกับคุณหมอแค่สองคนนะค่ะ กลับมีนักศึกษาแพทย์อีก 6 คนนั่งรับฟังและซักถามเพ็นนีเป็นระยะๆ
วันนั้น...ได้คุยกับคุณหมอและนักศึกษาแพทย์ประมาณ 2 ชม. รวมทั้งร้องไห้ต่อหน้าคณะแพทย์ด้วย
คุณหมอสั่งยาให้ 2 อย่าง อย่างละ 7 วัน แล้วคุณหมอก็นัดอีกอาทิตย์ถัดมา
หลังจากครบอาทิตย์เพ็นนีไปหมอตามที่หมอนัด คุณหมอแจ้งอาการว่าเพ็นนีอยู่ในภาวะโรคซึมเศร้า
เนื่องจากเป็นคนที่รับผิดชอบเยอะ มีปมในอดีต และก็ได้ยามารับประทานเช่นเคย แต่คราวนี้คุณหมอนัดเป็น 2 อาทิตย์
เพ็นนีคิดว่าตัวเองมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงดีแล้ว ก็เลยไปบริจาคโลหิตตามปกติเพ็นนีจะบริจาคทุกๆ 3 เดือน
คราวนี้ระยะห่าง 4 เดือนไม่น่าจะมีปัญหา บวกกับมีหน่วยรับบริจาคโลหิตมาขอรับบริจาคที่ฟิวเจอร์ปาร์ครังสิต เพ็นนีก็เลยไป
ปีนี้เป็นปีที่ 8 ที่บริจาคโลหิตและเป็นครั้งแรกที่มีปัญหา คือความดันโลหิตต่ำ อยู่ที่90/60 ซึ่งดูแล้วอาจไม่ต่ำมาก
แต่ส่งผลให้เพ็นนีเป็นลมในห้องน้ำของฟิวเจอร์ปาร์ครวมถึงไม่สามารถกลับบ้านได้เองตามปกติ
โชคดีที่น้องสาวคนกลางไปจ่ายค่าเคหะก็เลยได้ดูแลกันตลอดทาง
พอวันต่อมาเพ็นนีแพ้อาหารขั้นรุนแรง หัวใจเต้นถี่กว่าปกติ คลื่นใส้อาเจียนร่วมกับท้องเดิน
เพ็นนีคิดว่าตัวเองต้องตายแน่ๆเลยนอนกอดหมาน้อย(น้ำตาล)ทั้งคืน ใจสั่นโทรหาน้องสาวคนเล็กให้มาหากลางดึก
แต่น้องจำศิลป์อยู่ที่วัดโสมนัส ทำให้ออกมาหาไม่ได้รุ่งเช้าน้องสาวมาหาแต่เช้าและอาการกลับดีขึ้นเป็นปลิดทิ้ง
ครบ 2 สัปดาห์ที่คุณหมอจิตเวชนัด เพ็นนีก็ไปหาหมอเองตามปกติ คราวนี้คุณหมอจัดยาเพิ่มให้ จาก 2 เป็น 3 และนัดครั้งต่อไปอีก 1 เดือน
หลังจากที่ทานยาของคุณหมอ รวมทั้งสุขภาพจิตที่ไม่ดี อาการของ SLE ที่เคยเงียบหายไป 7-8 ปีก็กำเริบ
เพ็นเหนื่อยง่ายไอ แน่นหน้าอกก็เลยไปหาหมอตามสิทธิ์ประกันสังคมและเป็นโรงพยาบาลที่เคยมีประวัติเมื่อ 8 ปีก่อน(แต่ประวัติถูกลบไปหมดแล้ว)
คุณหมอจัดยาให้ 3 ชุดรับประทาน 5 วัน หายเป็นปลิดทิ้ง เพราะยาแรงมาก
ยาที่คุณหมอจัดให้ส่งผลต่อระบบทำงานของไต ทำให้เพ็นนีบวมตามตัว บวมตามข้อนิ้ว ผ่ามือ เจ็บปวดและทรมานมาก
อาหารที่เคยทานปกติก็ทำให้แพ้ เพ็นนีรู้สึกท้อใจ เพราะอาการหนักกว่า 8 ปีที่แล้ว
พยายามรักษาตัวเองไม่ให้ปัจจัยภายนอกมากระทบ แต่เหมือนยิ่งกลัวก็ยิ่งเจอ
หมาน้อยสองตัวที่เลี้ยงมาเหมือนลูกก็ช๊อคตายไป 1 ตัว(น้ำเย็น) ทำให้เพ็นนียิ่งเศร้าและอาการต่างๆก็ยิ่งทรุด
ครบ 1 เดือนคุณหมอนัดตรวจอาการอีกครั้ง คุณหมอประเมินสถานการณ์ว่าแย่ลง
ให้ทานยาตามที่หมอสั่งให้ (Fulox) ทุกวันตอนเช้าและพยายามอย่าวิตกกังวล
อ่านมาถึงตรงนี้คงจะทราบกับแล้วว่าเพ็นนีป่วยนอกจากเป็น SLE แล้วยังมีภาวะโรคซึมเศร้า
เพ็นนีรู้สึกเหมือนตัวเองบ้าไปทุกนาที นั่งร้องไห้คนเดียวบ่อยๆ มีเพียงน้ำตาลที่รับฟังและได้แต่เลียปากมือปลอบใจ
เพ็นนีจะต้องเข้มแข็งและอยู่คนเดียวให้ได้ ทุกเรื่องราวเพ็นนีเมล์ไปบอกแม่ทุกวัน พิมพ์เมล์ไปร้องไห้ไปก็หลายครั้ง
แม่ถึงกับเอ่ยปากว่า สิงหานี้วีซ่าแม่หมดพอดีแม่จะกลับมาดูแลหนูน่ะหมวยใหญ่ (แม่เรียกเพ็นนีว่าหมวยใหญ่)
เพ็นนียิ่งรู้สึกแย่และเสียใจมาก ที่ทำให้แม่เป็นห่วง
และเสียใจมากยิ่งขึ้นเมื่อปฏิเสธความรักและความหวังดีของแม่
บอกแม่ว่าไม่ต้องกลับมาหมวยใหญ่ดูแลตัวเองได้...
วันนี้เพ็นมีกำลังใจขึ้นเยอะ มีแรงที่จะเขียนเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น และอยากจะบอกเพื่อนๆว่า เพ็นนีดีขึ้นมากแล้ว ดีขึ้นพร้อมๆกับน้ำหนักตัว จาก 50 กก.เป็น 55 กก.
เห็นไหมหล่ะเพ็นนีดีขึ้นจริงๆ
Bookmarks