"สบายๆวันนี้มาคุยเรื่องของ "สมองเด็กไทย" กันสักวันนะครับ โดยเฉพาะเรื่อง "ความฉลาดของเด็กไทย" และ "การสร้างสมองที่สมบูรณ์ให้เด็กก่อนเกิด" ฟังดูเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ แต่ผมรับรองว่าข้อมูลต่อไปนี้เป็น "ความจริง" ทั้งสิ้น

ผมจำไม่ได้ว่าไปรับปากใครจาก "ยูนิเซฟ" เอาไว้ว่าจะเขียนเรื่องนี้ให้ (สงสัยจะมีสารไอโอดีนในสมองน้อยเลยขี้ลืม) ป่านนี้เพิ่งไปหยิบออกมาจากโต๊ะที่รกรุงรัง เป็นข้อมูลที่ยูนิเซฟส่งมาถึงผม

ท่านผู้อ่านคงจำได้นะครับ เคยมีข้อมูลวิจัยออกมาว่า "เด็กไทย" ปัจจุบันมี "ระดับสติปัญญา" หรือ "ไอคิว" ลดต่ำลงไปเรื่อยๆ จากไอคิวเฉลี่ยที่ 91 ในปี 2540 พอผ่านมาอีก 5 ปี ไอคิวลดเหลือ 88 ในปี 2545 ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่าระดับเฉลี่ยที่ องค์การอนามัยโลก กำหนดไว้ ไอคิวมาตรฐานเฉลี่ยต้องอยู่ในระดับ 90–110 นี่ผ่านมาอีก 8 ปีแล้ว ไม่รู้ไอคิวเด็กไทยวันนี้จะลดเหลือเท่าไร

ไอคิวเฉลี่ยของเด็กในประเทศที่พัฒนาแล้ว อยู่ที่ 104 เป็นส่วนใหญ่

สาเหตุที่ทำให้เด็กไทยมีสติปัญญาลดต่ำลงไปเรื่อยๆ ยูนิเซฟ ฟันธงเลยว่า เป็นเพราะได้รับ "สารไอโอดีน" ไม่เพียงพอ จากอาหารที่รับประทานเข้าไปในแต่ละวัน ทำให้เกิดโรคขาดสารไอโอดีน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดพิการทางสมอง และการพัฒนาทางร่างกายในเด็กเล็ก ทำให้โตไม่เต็มที่

"ทารก" จำเป็นต้องได้รับ "สารไอโอดีน" อย่างเพียงพอตั้งแต่อยู่ใน "ท้องแม่" เพื่อพัฒนา ระบบประสาท และ ระบบเซลล์สมอง ในขณะที่กำลังเติบโตอยู่ในท้องแม่ ผมเห็นภาพถ่ายสมองเด็กที่ได้รับสารไอโอดีนสมบูรณ์ในท้องแม่ กับสมองเด็กที่ขาดสารไอโอดีนในท้องแม่แล้วก็ขนลุก การได้รับสารไอโอดีนก่อนเกิดน้อย ทำให้เซลล์สมองมีน้อยและไม่หนาแน่น และทำลายสมองเด็กให้มีปัญญาต่ำไปตลอดชีวิต

ใครมี ลูกเอ๋อ สติปัญญาต่ำ การเรียนไม่ดี ก็อย่าไปโทษเด็กเลยครับ ต้องโทษพ่อแม่ที่ขาดความรู้ไม่รับประทานสารไอโอดีนเข้าไปสร้างสมองให้ลูกอย่างเพียงพอ

แล้ว สารไอโอดีน นี้จะได้มาจากไหน

คำตอบก็คือได้มาจาก "เกลือเสริมไอโอดีน" นั่นเอง องค์การยูนิเซฟ กำลังรณรงค์ให้ทุกประเทศทั่วโลก ออกกฎหมายมาบังคับ เลยว่า เกลือทุกชนิดต้องเสริมไอโอดีน ตามโครงการ "เกลือเสริมไอโอดีนถ้วนหน้า" (Universal Salt Iodization)

การที่ เด็กไทยฉลาดน้อยลงไปเรื่อยๆ ก็เพราะ รัฐบาลไทย ไม่เห็นความสำคัญของ สารไอโอดีนในเกลือ เท่าที่ควร ประเทศไทยบังคับเฉพาะ เกลือที่ใช้บริโภค เท่านั้นที่ต้องใส่สารไอโอดีน แต่ไม่บังคับใช้กับ เกลือในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งผมไม่เข้าใจเหตุผลว่าทำไมต้องยกเว้น ทั้งๆที่เกลือในภาคอุตสาหกรรมก็เอามาทำอาหารนั่นเอง เช่น น้ำปลา เป็นต้น

ก็ไม่รู้ข้าราชการไทยท่านฉลาดหรือโง่ แต่ผลจากการกระทำนี้ ได้ทำร้ายประเทศชาติและลูกหลานตัวเองในอนาคตอย่างสาหัส ทำให้เด็กไทยโง่ลงไปเรื่อยๆ

ยิ่งเห็นตัวเลขการบริโภคเกลือไอโอดีนของคนในประเทศเพื่อนบ้านแล้ว ผมก็ยิ่งเจ็บปวด นึกไม่ถึงว่า รัฐบาล และ กระทรวงสาธารณสุข จะทำร้ายเด็กไทยทางอ้อมขนาดนี้ ท่านผู้อ่านเชื่อไหม คนไทยกินเกลือไอโอดีนน้อยกว่า เขมร ลาว พม่า เวียดนาม

อันดับ 1 คือ เวียดนาม ครัวเรือนเขากินเกลือเสริมไอโอดีนสูงถึงร้อยละ 93.2 ตามด้วย จีน ร้อยละ 90.1 ลาว อันดับ 4 ร้อยละ 85.0 พม่า อันดับ 5 ร้อยละ 84.0 เขมร อันดับ 8 ร้อยละ 72.5 และ ไทย อันดับ 10 ร้อยละ 57.6 เศร้าไหม รัฐมนตรีสาธารณสุข อยากเอาปี๊บคลุมหัวไหม

ทั้งๆที่การแก้ไขปัญหานี้ก็ไม่มีอะไรยากสักนิด แค่ ครม.มีมติให้เกลือทุกชนิดในประเทศไทยต้องใส่สารไอโอดีนลงไปด้วยเท่านั้น ก็แก้ ปัญหาได้หมดสิ้น แต่ก็ไม่ทำ ค่าใช้จ่ายก็เพิ่มนิดเดียวเฉลี่ยเพิ่มขึ้นคนละ 1.30 บาทต่อปีเท่านั้น

ผมหวังว่า นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีสาธารณสุข อ่านบทความนี้แล้ว จะรีบสั่งการทันที ก่อนที่เด็กไทยในวันนี้จะต้องโง่กว่าเด็กเขมรในอนาคต."

"ลม เปลี่ยนทิศ" หมายเหตุประเทศไทย นสพ.ไทยรัฐ 31/710