ผมไปกรุงเทพฯ ครั้งแรกเมื่อปี 2527 ไปกับพี่ชายและเพื่อนอีกคน ตอนนั้นผมไปสมัครเรียนรามคำแหง ผมเคยได้ยินได้ฟังว่ากรุงเทพฯ คือเมืองสวรรค์ เป็นที่ที่ผู้คนอยากจะสัมผัส ผู้คนพลุกพล่าน รถยนต์มากมาย คนกรุงเทพฯ จะเดินเร็วเพื่อแข่งกับเวลา
ผมนั่งรถโดยสารออกจากชัยภูมิตอนสามทุ่มถึงหมอชิต (เก่า) ประมาณตีสอง พี่ชายพาผมนั่งรอรถเมล์ที่หน้าหมอชิต ผมแต่งตัวหล่อเหมือนกับจะไปงานแต่งงานไม่มีผิด แต่ผมเห็นผู้คนที่เดินไปมาแต่งตัวตามสบาย ผมมองดูรถที่แล่นไปมาตามถนนหนทาง นั่งดมกลิ่นปัสสาวะที่ป้ายรถเมล์ และกลิ่นขยะที่อยู่ใกล้ ๆ โชยมาเป็นระยะ ๆ
ผมนั่งอยู่ด้วยความทุกข์ทรมาน เพราะยุงชุกชุมมาก ประมาณตีสามกว่า ๆ รถมินิบัสเริ่มแล่นออกมาแช่ป้าย ทำยึกยัก ๆ จะออกก็ไม่ออก เพื่อให้ผู้โดยสารรีบวิ่งขึ้นรถ กระเป๋ารถเมล์ตะโกนเรียกผู้โดยสาร "ควายลีไหมพี่ควายลี"
ผมมองหน้ากระเป๋ารถเมล์ด้วยความสงสัยและขุ่นเคือง เอ๊ะ จะลีหรือไม่ลีมันเกี่ยวอะไรวะเนี่ย ...ผมคิดในใจ สักพักเขาตะโกนถามผม...พี่..พี่...ควายลีไหมพี่ ผมส่ายหน้าพร้อมกับบอกว่า ...หึ ๆ ไม่ลี
พี่ชายผมบอกว่า กระเป๋ารถเมล์ถามว่าจะไป "สะพานควาย อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ"หรือเปล่า ...อ้าวเหรอ ไม่รู้นี่ เพราะที่นำมาด้วยก็ไม่ลี ฮ่า ๆ ๆ
พอผมเข้าไปในบริเวณมหาวิทยาลัยรามคำแหง พี่ชายผมพาผมไปสักการะพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ที่ลานพ่อขุน ก่อนจะไปสมัครเป็นนักศึกษาใหม่ ระหว่างทางที่จะเดินไปกินข้าวก็มีคนมาถามผม ดูท่าทางไม่ใช่คนอีสานบ้านเฮาแน่ ๆ
ขอโทษครับพี่ ตึกแสบอยู่ไหนพี่ ผมนึกอยู่ในใจ...แสบใด๋อีกน้อ.... แสบ แสนศักดิ์ บ่หือ ?? ผมมองหน้าพี่ชายผมและมองหน้าเพื่อน พี่ชายกระซิบผม...บอกส่งเดชไปโลด พล มันไปไม่ถูก มันก็ไปถามข้างหน้าอยู่ดีนั่นล่ะ
ผมบอก..อ้อ..ตึกแสบหรือครับ เดินตรงไปข้างหน้าแล้วเลี้ยวซ้ายก็จะเห็นตึกแสบแล้วครับ สักพักผมเห็นเขาเดินกลับมาที่เดิม ...อ้าย ๆ มันกลับออกมาหม่องเก่าแล้วอ้าย... ผมพูด
"ไส ๆ ป๊ะ ๆ เฮาฟ้าวหย่างไปลี้อยู่มุมตึกป๊ะหล่า มันสิเห็นพวกเฮา มันสิว่าพวกเฮาตัวะมัน" 5555
Bookmarks