หวัดดีจ้าทุกๆๆคน ใกล้สิถึงวันแม่แล้ว ทุกๆๆคนคงจะกำลังนึกถึงความรักความอบอุ่นจากแม่ตัวเองอยูแม่นบ่จ้า
แต่สำหรับคนที่มีครอบครัวแล้ว ยังมีอีกแม่อีกหนึ่งเด้อจ้าที่เฮาจะต้องให้ความเคารพรักเช่น นั่นก็คือคุณแม่ของสามีแม่นบ้อจ้า
มาๆๆมาอ่าน มหัศจรรย์แห่งรักต่ออีกจักตอน เพื่อจะได้มีความสุขร่วมกันทั้งครอบครัวเฮาแล้วครอบครัวคุณสามีที่รักจ้า
ตอนนี้กะคุณเพื่อนที่รักส่งมาให้อ่านคือกันจ้า ยังบ่ทันได้มีครอบครัวนำเขาดอกจ้า แต่คุณเพื่อนบอกว่า อ่านไว้โลดเพือเธอได้มีโอกาสได้ใช้ว่าซ่านนน
เฮอะๆๆ จ้า คุณเพื่อนที่รัก ขอบคุณที่หวังดี เอิ๊กๆๆๆ
อ่านแล้วกะบ่เก็บไว้คนเดียวดอกจ้า กะเลยส่งต่อความรู้ความสุขมาให้ทุกๆๆคนจ้า แบบว่า "รักผมต้องรักแม่ของผมด้วย"
Mother in low
แม่สามี กับ ศรีสะใภ้
[SIZE="3"]อ่อนน้อมถ่อมตนนั้น
เป็นกุศลโลบายที่ดีที่สุด
ในการที่จะชนะใจแม่สามี
เมื่อลูกสะใภ้ยอมให้แม่สามีเป็นคนสำคัญ
โดยวางตนเองเสมอเป็นลูกเป็นหลานของท่าน
อีกคนหนึ่งในบ้าน
ก็จะทำให้ประสานสามัคคีได้
ในลักษณะสมประโยชน์ด้วยกันทั้งสองฝ่าย
กล่าวคือ ผู้ใหญ่ก็ได้รับความนับถือ ผู้น้อยก็ได้รับความเอ็นดู
“
คำจำกัดความ
เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่สามารถเข้าใจได้ เพราะว่าแม่ของสามี อันที่จริงแล้วก็คือแม่ของลูกนั่นเอง
บางครั้งความรักของผู้เป็นแม่ ก็มักจะไปตกอยู่กับลูกชาย ในขณะเดียวกัน ที่ความรักของผู้เป็นพ่อ มักจะไปตกอยู่กับลูกสาว สิ่งนี้เป็นปฏิกริยาที่พบเห็นได้ในมนุษย์ทั่วไปและสามารถพบเห็นได้ในทุกๆวัฒนธรรม
ฉะนั้น เมื่อเดิมเขาอยู่กันมาแม่กับลูก ก็ไม่มีใครมาแบ่งมาปันความรักไป แต่วันหนึ่งเมื่อลูกสะใภ้ก้าวเข้ามาอยู่ในบ้าน บางทีคุณแม่ของสามีอาจรู้สึกว่า ตนเองถูกลดระดับความสำคัญลง และนั่นเป็นเหตุให้แม่สามีหลายๆท่าน พยายามเรียกร้องเอาความสำคัญกลับคืนมาถ้าเราเป็นลูกสะใภ้แล้วมีเหตุต้องพบต้องเจอในกรณีแบบนี้ฝ่ายลูกสะใภ้ต้องพยายามปรับตัวให้ได้ ด้วยการทำความเข้าใจว่า
[COLOR="Red"]ขิงไม่รา ข่าไม่แรง[/COLOR]
๑. ผู้เป็นแม่เคยได้รับความสำคัญนั้นมาก่อน เพราะฉะนั้น จึงไม่ต้องแปลกใจเลย ที่จะต้องเรียกร้องเอาความสำคัญนั้นกลับคืนมา นี่เป็นเหตุเป็นผลทางจิตวิทยาที่ลูกสะใภ้ต้องเรียนรู้ให้เท่าทัน
๒. เมื่อตระหนักรู้เช่นนั้นแล้วจึงไม่ควรที่จะหักหาญน้ำใจของผู้เป็นแม่สามี ควรจะถ้อยทีถ้อยอาศัย โอนอ่อนผ่อนตามท่านไปก่อน
๓. ควรเป็นผู้ที่อ่อนน้อมถ่อมตน ไม่ใช่พอเห็นว่าแม่สามีพยายามเรียกร้องเอาความสำคัญจากสามีคืนมาที่ตนเอง แล้วฝ่ายลูกสะใภ้ก็จึงหักด้ามพร้าด้วยเข่า ทางที่ดีที่สุด เราควรอ่อนน้อมถ่อมตน โอนอ่อนผ่อนตามไป
ในที่สุด ความเห็นแก่ตัวของคุณแม่สามีก็จะลดน้อยถอยลง ความกร้าวแกร่ง ความรู้สึกเป็นปฏิปักษ์ต่อกันก็จะเจือจางและลดน้อยลงไปได้
ความอ่อนน้อมถ่อมตนนั้นแป็นกุศลโลบายที่ดีที่สุดในการที่จะชนะใจแม่สามี เพราะโดยธรรมชาติของมนุษย์นั้นไม่ชอบให้ใคร “สำคัญกว่าตนเอง” อยู่แล้วเมื่อลูกสะใภ้ยอมให้แม่สามีเป็นคนสำคัญโดยตนเองวางตนเสมอเป็นลูกเป็นหลานของท่านอีกคนหนึ่งในบ้าน ก็จะทำให้ประสานสามัคคีได้ ในลักษณะสมประโยชน์ด้วยกันทั้งสองฝ่าย กล่าวคือ
ผู้ใหญ่ก็ได้รับความนับถือ ผู้น้อยก็ได้รับความเอ็นดู
๔. ผู้ที่เป็นลูกสะใภ้ควรต้องให้เกียรติแม่ของสามีในฐานะที่เป็นญาติผู้ใหญ่ เสมือนหนึ่งกับเป็นแม่ตัวเอง ยกท่านไว้ในที่สูงทั้งในแง่วัยวุฒิ ซึ่งถ้าทำเช่นนี้ได้ แม่สามีก็จะเห็นว่า แม้จะแสดงปฏิกิริยาในเชิงปฏิปักษ์ออกไปมากเท่าไหร่ก็ตาม แต่ลูกสะใภ้ยังคงเคารพนบนอบ ยังคงให้เกียรติ ยังคงเทิดทูนอยู่เสมอ ในที่สุด เธอก็จะรู้สึกระอายแก่ใจ และเมื่อเป็นผู้ที่ได้รับเกียรติ เธอก็จะหันกลับมาเป็นผู้ให้เกียรติลูกสะใภ้เป็นการตอบแทน
เราเองไม่สามารถเป็นมนุษย์อยู่อย่างโดดเดี่ยวได้
เพราะชีวิตของเราจะมีความหมายหรือล้มเหลว
ก็ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์กับมนุษย์ผู้อื่น
“
เวทมนต์สะกดใจ
นอกเหนือจากนี้แล้ว ยังมีเทคนิคพิเศษ หรือมนตร์วิเศษอีก ๔ ประการ ที่สามารถใช้สะกดใจของผู้เป็นเม่สามี หรือญาติมิตรท่านอื่นๆ ให้รู้สึกรักใคร่ปรองดอง และสนิทแน่นแฟ้นต่อลูกสะใภ้มากยิ่งขึ้น ซึ่งมนตร์วิเศษทั้ง ๔ ประการนี้ ก็คือ สังคหวัตถุธรรม ๔ หรือวิธีผูกใจคนให้สมัครรักใคร่ ๔ ประการ นั่นเอง
โดยรายละเอียดของ สังคหวัตถุธรรม ทั้ง ๔ ประการ ประกอบด้วย
๑. เอื้ออารี (ทาน) หมายถึง ให้การเสียสละ ให้การเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ให้การช่วยเหลือ ให้การแบ่งปัน ต่อแม่สามีด้วยใจไม่ตรี หรือด้วยข้าวของสิ่งละอันพันละน้อย ตามแต่โอกาสอันเหมาะสม
๒. วจีไพเราะ (ปิยวาจา) หมายถึง การพูดด้วยถ้อยคำที่สุภาพอ่อนหวาน ให้เกียรติ ให้กำลังใจต่อแม่สามี พูดจาน้ำใสใจจริง ไม่แสแสร้ง และเจตนาพูดให้เกิดแต่สิ่งสร้างสรรค์สมานไมตรี
๓. สงเคราะห์มวลชน (อัตถจริยา) หมายถึง ทำตนให้เป็นประโยชน์ โดยการแบ่งเบาช่วยเหลือในการงานภาระหน้าที่ของแม่สามี หรือญาติมิตรภายในครอบครัวโดยไม่เกี่ยงงอนเกียจคร้าน รวมไปถึงสิ่งใดที่ทำแล้วเห็นว่าน่าจะเกิดประโยชน์ต่อแม่สามีและบุคคลในครอบครัว ก็ควรกระทำ
๔. วางตนเสมอสมาน (สมานัตตตา) หมายถึง มีความเสมอต้นเสมอปลาย เคยปฏิบัติดีต่อแม่สามีอย่างไรก็คงความดีไว้อย่างนั้น และอีกนัยหนึ่งก็หมายถึง วางตนเองอย่างเหมาะสมในสถานภาพของการเป็นลูกสะใภ้นั่นเอง
หรืออาจกล่าวให้จำง่ายๆ ได้ว่า
เอื้ออารี
วาจาไพเราะ
สงเคราะห์มวลชน
วางตนเสมอสมาน
ด้วยวิธีดังกล่าวนี้ ทั้งแม่สามีและลูกสะใภ้ แทนที่จะเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน ก็จะหันมาเป็นกัลยาณมิตรของกันและกันไป
เหตุนี้ ทำให้นึกถึงธรรมของพระพุทธองค์ที่ว่า
ต่อความร้ายด้วยความดี
ต่อความโกรธด้วยความไม่โกรธ
ต่อความตระหนี่ด้วยการให้
ต่อความเท็จด้วยความสัตย์
สิ่งนี้เองที่จะทำให้ชนะน้ำใจของผู้ที่เป็นที่รักของสามี โดยที่ไม่มีการเบียดเบียน ไม่มีการกลั่นแกล้ง ไม่มีการทำร้ายซึ่งกันและกันเกิดขึ้น
“B]
ผู้ซึ่งไม่เห็นแก่ตัว ย่อมเอาชนะคนทั้งหลายได้
“[/B]
รักผมต้องรักแม่ของผมด้วย
ตราบใดที่ยังมีการแต่งงานเกิดขึ้นบนโลกนี้ ตราบนั้นปัญหาของแม่สามีกับลูกสะใภ้ ก็จะยังคงความเป็นเรื่องที่อมตะอยู่แต่ปัญหาก็ไม่ได้มีไว้ให้เรายอมจำนน ขอให้รู้เท่าทันเสมอว่า ปัญหานั้นมีไว้ให้แก้ไข หาได้ไว้ให้กลุ้มใจและแก้ตัว แต่อย่างใด
ก็ขอให้ลูกสะใภ้ทุกท่าน ใช้วิธีการดังที่กล่าวมานี้ในการแก้ปัญหาเฉพาะจุดในเรื่องนี้ทั้งหมด แล้วชีวิตคู่ก็จะประสบความสำเร็จ สำเร็จในการครองเรือนครองรักร่วมกับญาติผู้ใหญ่ของฝ่ายสามีด้วย
ในทางธรรมท่านได้วางหลักการเอาไว้ว่า เมื่อเราแต่งงานแล้ว ก็ขอให้ดูแลไปจนถึงพ่อแม่ของฝ่ายสามีและฝ่ายภริยาด้วย โดยหลักนี้จะอยู่ในข้อปฏิบัติ หรือหน้าที่ของภริยาที่จะต้องอนุเคราะห์สามี กล่าวคือ
๑. จัดงานบ้านให้เรียบร้อย
๒. สงเคระห์ญาติมิตรทั้งสองฝ่ายด้วยดี
๓. ไม่นอกใจ
๔. รักษาทรัพย์สมบัติที่หามาได้
๕. ขยันไม่เกียจคร้านในงานทั้งปวง
จะสังเกตุวได้ว่า ในทางธรรมนั้นท่านได้ให้ความสำคัญกับการดูแลญาติมิตรของทั้งสองฝ่ายเป็นอันมากจึงจัดวางลำดับความสำคัญไว้อยู่ใน อันดับที่ ๒ ของหน้าที่พึงปฏิบัติของคู่สามีภริยาเลยทีเดียว ซึ่งถ้าทำแบบอย่างได้ตามนี้ ก็ไม่เพียงครองใจสามีหรือภริยาเท่านั้น แต่ยังครองใจถึงญาติผู้ใหญ่ของแต่ละฝ่าย ได้พลอดไปอีกด้วย “
[B]ความเผื่อแผ่ คือ การให้มากกว่าที่สามารถให้ได้
และภูมิใจที่รับน้อยกว่าที่ท่านจำเป็น
[/B]“[/SIZE]
Bookmarks