คนเราควรทำบุญด้วยใจที่บริสุทธิ์ และไม่ยึดติดในสิ่งใด การทำบุญหรือการให้ทาน ถ้าเราตั้งจิตที่จะทำแล้ว บุญก็เกิดขึ้นตั้งแต่เราคิดจะทำแล้ว
เปรียบเสมือนการทำนา ถ้าเราปลูกข้าวด้วยพันธุ์ที่ดี ในนาที่ดี และตั้งใจดูแล คัดสรรแต่สิ่งที่ดีๆ ใส่ลงไปในนาข้าว คอยดูแลเอาใจใส่ ผลผลิตที่เราได้รับย่อมดีตามไปด้วย
ฉันใดก็ฉันนั้น เวลาทำบุญกับพระสงฆ์ในปัจจุบัน ถ้าเราทำบุญกับพระสงฆ์ที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ก็ได้บุญเยอะ ได้บุญเต็มที่ ถ้าเราทำบุญกับพระสงฆ์ที่บกพร่อง
ที่ศีลไม่ครบเราก็จะได้บุญน้อยหน่อย แต่ถ้าเรารู้ว่าพระสงฆ์รูปใดดี รูปใดไม่ดี เราก็เลือกทำกับรูปที่ดี แต่ห้ามไปติเตียนว่าพระสงฆ์รูปนี้ไม่ดีหรือไปโพทะนาว่าไม่ดีอย่างโน้นไม่ดีอย่างนี้ไม่ได้ เพราะว่ามันเป็นบาป ให้เราเฉยเสียอย่าไปว่าท่าน แต่ถ้าเราไม่รู้ก็ไม่เป็นไร เพียงแต่เราอย่าไปยึดติดในบุญทำแล้วก็แล้วไปเลย ขอเพียงจิตที่เราคิดจะทำบุญเป็นจิตที่ใสสะอาด และทำด้วยใจจริงไม่หวังผลประโยชน์ หรือแข่งขันกับใคร การทำบุญนั้นก็จะเป็นกุศลขึ้นมาทันที แม้จะทำบุญน้อยแต่ก็ได้บุญมหาศาล
ในขณะที่เราทำบุญทำทานสร้างกุศลแล้วเราควรอุทิศให้กับเจ้ากรรมนายเวรด้วย เพราะเขาเหล่านั้นได้รับกุศลจากเรามากเท่าใหร่ ผลกรรมที่เราได้รับจากเวรที่เราเคยก่อไว้ก็จะเบาบางลงเท่านั้น เปรียบเสมือนการเทน้ำดีใส่น้ำเสียแม้น้ำเก่าจะไม่กลับเป็นน้ำดี แต่ก็ช่วยให้ความขุ่นมัวเจือจางลงได้
*** การทำบุญที่ดีที่สุด ยิ่งใหญ่ที่สุด คือการทำบุญกับ พ่อ แม่ ผู้ให้กำเนิด ที่ทุกคนไม่ควรละเลย ***
Bookmarks