เป็นอีกผลงาน อมตะของ The Eagle เซียงเหมี่ยงฯ ได้ยินเพลงนี้ครั้งแรกตอนเรียน ปวช. ฟังบ่ฮู้เรื่อง แต่ว่ารู้สึกชอบมาก ๆ เลยลองหาเนื้อ หาคอร์ดมาเล่นกีตาร์ เป็นเพลงที่อ่านเนื้อแล้ว แปลความหมายบ่ออกเลย จากนั้นใช้ความพยายามในการแปลความหมายเพลงนี้ กะบ่สามารถ ปะติดปะต่อให้เป็นความหมายและ เรื่องราวได้เลย เมื่อความพยายามยังบ่เกิดผล เลยคิดถึง อาจารย์ กูเกิ้ล เห็นความหมายจาก บล๊อก OKNATION ให้ความหมายได้น่าสนใจ และ เซียงเหมี่ยงฯ เพราะคิดว่าเพลงนี้น่าจะแอบแฟงความหมายในเพลงไว้มากกว่าที่จะสื่อความหมายตรงไปตรงมา อย่างบางคนบอกว่าเพลงนี้หมายถึงโรงแรมผีสิง เซียงเหมี่ยงฯ แปลเบิ่งแล้วกะบ่เห็นจุดไหนที่บ่งบอกว่าเพลงนี้เขาสิกล่าวไปในแนวนั้น ลองมาเบิ่งเนื้อเพลงกันครับ....
Hotel California Lyrics
On a dark desert highway, cool wind in my hair
Warm smell of colitas, rising up through the air
Up ahead in the distance, I saw a shimmering light
My head grew heavy and my sight grew dim
I had to stop for the night
There she stood in the doorway;
I heard the mission bell
And I was thinking to myself,
’this could be heaven or this could be hell’
Then she lit up a candle and she showed me the way
There were voices down the corridor,
I thought I heard them say...
Welcome to the hotel california
Such a lovely place
Such a lovely face
Plenty of room at the hotel california
Any time of year, you can find it here
Her mind is tiffany-twisted, she got the mercedes bends
She got a lot of pretty, pretty boys, that she calls friends
How they dance in the courtyard, sweet summer sweat.
Some dance to remember, some dance to forget
So I called up the captain,
’please bring me my wine’
He said, ’we haven’t had that spirit here since nineteen sixty nine’
And still those voices are calling from far away,
Wake you up in the middle of the night
Just to hear them say...
Welcome to the hotel california
Such a lovely place
Such a lovely face
They livin’ it up at the hotel california
What a nice surprise, bring your alibis
Mirrors on the ceiling,
The pink champagne on ice
And she said ’we are all just prisoners here, of our own device’
And in the master’s chambers,
They gathered for the feast
The stab it with their steely knives,
But they just can’t kill the beast
Last thing I remember, I was
Running for the door
I had to find the passage back
To the place I was before
’relax,’ said the night man,
We are programmed to receive.
You can checkout any time you like,
But you can never leave!
ความหมาย คัดลอกมาจาก OKNATION.NET วันที่ ศุกร์ กรกฎาคม 2550
Hotel California - สังคม Dystopia ของพญาอินทรี
Hotel California เป็นเพลงมือวางอันดับหนึ่งที่แฟนเพลงสากลทุกคนรู้จักดี สำหรับผมเพลงนี้มันมีความอมตะอยู่ในตัวตรงที่ท่วงทำนองอันเวิ้งว้างและเนื้อหาที่ตีความไปได้มากมายหลายแบบ - ผมทั้งอ่านหนังสือ พูดคุย และดูในอินเตอร์เนต มีคำอธิบายต่อเพลงนี้ตั้งแต่ เป็นเรื่องสยองขวัญ / เป็นความฝันของพวกเมากัญชา / ผู้หญิงหากิน / การค้นหาแดนศิวิไลย์ ไปจนถึง กับดักศิลปินและการล่มสลายของวงการดนตรี
ผมฟังเพลงนี้ครั้งแรกอยู่ ม.ปลาย ฟังอย่างไม่ทราบความหมายอะไรชัดเจน พอโตมาเรื่อยๆ จึงพอเข้าใจอะไรหลายๆอย่างมากขึ้น จนถึงปัจจุบันนี้ผมคงตีความเพลงนี้ได้นับสิบแบบแต่รูปแบบที่ผมออกจะเชื่อถือที่สุดในขณะนี้ คงเป็นเรื่องการพูดถึงสังคม Dystopia ของนักแสวงหาที่อ่อนล้ากันเต็มทน
อนาคตจะถูกมองกัน 2 แบบสำหรับฮิปปี้ยุคแสวงหา utopia คืออนาคตแห่งความหวัง มีแต่ความสุข ไม่มีความอดอยาก ไม่มีอาชญากรรม ไม่มีการกดขี่ ไม่มีสงคราม มีเสรีภาพทุกหนแห่ง ส่วนดินแดน Dystopia คือทุกอย่างที่ตรงกันข้าม
คณะ ดิ อีเกิ้ล ก็ไม่เคยบอกถึงความหมายแน่นอนของเพลงนี้แต่มีระบุความหมายบางประโยคให้ตีความกันไปเอง - ซึ่งเมื่อมองถึงสังคมอันวังเวงในปัจจุบัน ผมคิดว่า.......
On a dark desert highway, cool wind in my hair
Warm smell of colitas, rising up through the air
Up ahead in the distance, I saw a shimmering light
My head grew heavy and my sight grew dim
I had to stop for the night
ท่อนแรกพูดถึงบุปผาชนหรือคนที่หวังจะปฎิวัติโลกเก่าไปสู่ยุคใหม่ ( colitas - หมายถึงยอดกัญชา ของโปรดพวกบุฟผาชน) ความเหน็ดเหนื่อยและอยากพักผ่อนเต็มทน โรงแรมหมายถึงจุดพัก - ในที่นี้คือระบบทุน ธุรกิจที่ชาวแสวงหาต้องยอมรับ - ส่วนท่อนที่ 2 น่าจะหมายถึงโลกทุนนิยมในตัวแทนของ"หญิงสาว" ที่เชิญชาวแสวงหาให้มาลองทางธุรกิจเงินทุนดู - There she stood in the doorway
เมื่อแรกพวกเขาคงจะลังเลใจอยู่ จึงไม่แน่ใจว่าเป็นสวรรค์หรือนรก - And I was thinking to myself, this could be heaven or this could be hell
แต่เสียงเชิญชวนก็ยั่วใจเหลือเกิน ว่ามันยังมีพื้นที่พอให้มากอบโกยกันนะ - Welcome to the hotel california - Such a lovely face - Plenty of room at the hotel california - Any time of year, you can find it here
ระบบนี้ทำให้จิตใจบิดเบี้ยว (tiffany twisted - ดอกไม้ที่บิดเบี้ยว) แต่มันมีทั้งรถเบนซ์ ฯลฯ ตอบแทน โอเค คุณต้องเหน็ดเหนื่อยหน่อย และบางทีก็น่าจดจำ บางทีก็ลืมๆมันไป ยอมขายวิญญาณไปเถอะน่า
Her mind is tiffany-twisted, she got the mercedes bends
She got a lot of pretty, pretty boys, that she calls friends
How they dance in the courtyard, sweet summer sweat.
Some dance to remember, some dance to forget
อันนี้สืบต่อในท่อนสุดเด็ดท้ายตรงประโยคที่ว่า -So I called up the captain please bring me my wine He said, we havent had that spirit here since nineteen sixty nine - ผมคิดเหมือนกับหลายๆคนว่าหมายถึงเหตุการณ์ วู๊ดสต๊อก แต่ในแง่มุมที่ว่า หลังจากนั้น( ปี 1969 ) ก็ไม่มีใครทำอะไรเพื่อ "จิตวิญญาณ"อีกต่อไป หลังจากนั้นอะไรๆมันคือธุรกิจ ระบบทุนนิยมล้วนๆ !!!
They livin it up at the hotel california What a nice surprise, bring your alibis
Mirrors on the ceiling, The pink champagne on ice
โลกระบบทุนที่ฉาบด้วยความสวยงาม แต่ให้คนกินคนด้วยกัน และยอมรับว่าพอเข้ามาในระบบนี้ เราก็คือนักโทษดีๆนี่เอง - we are all just prisoners here, of our own device
ก่อนจะปิดท้ายเพลงด้วยการบอกว่า เมื่อคุณยอมรับทุนนิยมมันแล้ว การดิ้นรนจะหนี เป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยแม้แต่น้อย เพราะมันมีอะไรยั่วใจให้คุณทำอยุ่ตลอดเวลา
Last thing I remember, I was Running for the door
I had to find the passage back To the place I was before
relax, said the night man, We are programmed to receive.
You can checkout any time you like, But you can never leave!
อัลบั่มนี้ออกปี 1977 แสดงความสิ้นหวังของการเปลี่ยนสังคมของบุฟผาชนอย่างชัดเจน ระบบทุนนิยมสยายปีกชนะอย่างเด็ดขาดในต้นยุค 80 จนถึงปัจจุบัน - ทั้งในตัวเพลงและอัลบั่มเหมือนจะบอกว่า ภารดรภาพ ไม่มีทางเป็นไปได้ถ้าเราจะไปมั่วกับทุนนิยมสามานต์
มองไปทุกวันนี้ก็ไม่น่าแปลกใจ ผู้บริหารองค์กรใหญ่ๆทั้งไทยและทั่วโลก ใช่หรือไม่ครั้งหนึ่งก็เคยเป็นผู้ที่แสวงหาโลกแห่งเสรีแต่พอเดินตามระบบทุนแล้ว เขาก็กลายเป็นคนที่เราจำแทบไม่ได้
หากพี่น้องบ้านมหา ท่านได๋ที่มีคำแปลเพลงนี้ในอีกมุมมอง อีกแง่ กะขอให้มาแบ่งปันกันเนาะครับ เพราะว่าผู้แต่งเองเผิ่นกะบ่เคยปริปากถึงความหมายที่แท้จริงที่เผิ่นต้องการสื่อผ่านเพลงนี้คือหยัง
หรือว่าความคลุมเคลือที่ปล่อยไว้แบบนี้เป็นเสน่ห์ให้เพลงนี้คงความเป็นอมตะตลอดไป...
Bookmarks