หลังจากที่ฝนตกหนักติดต่อกันหลายวันทำให้น้ำปริ่ม
คันนา ต้นเดือนกันยายนเช่นนี้ ลมกำลังเปลี่ยนทิศทาง สายฝนที่ตกหนักเริ่มอ่อนกำลัง
ลมหนาวกำลังจะเข้ามาแทนที่ ข้าวในนาเขียวชอุ่ม แตกกองาม แม่เรียกต้นข้าวในช่วงนี้
ว่า “ถอดหางไก่”
อาจจะมาจากลักษณะใบข้าวที่กำลังถอดยอดยาว แล้วใบโค้งลงเหมือน
กับขนหางไก่ตัวผู้กระมัง ฉันชอบทุ่งนาหน้านี้ที่สุด มองเหมือนผืนผ้ากำมะยี่สีเขียวสดผืน
ใหญ่ อีกไม่นานจะเปลี่ยนเป็นสีทองอร่ามแล้วแปรเปลี่ยนเป็น เม็ดเงินในที่สุด น้ำค้างเริ่ม
มาทักทายบ้างแล้ว
ช่วงกลางคืนฉันนอนฟังเสียงน้ำค้างตกกระทบหลังคาบ้านทุกคืน ใน
ตอนเช้าตรู่ หยดน้ำค้างเล็ก ๆ บานยอดหญ้าส่องแสงแวววาวเมื่อแสงแดดส่องกระทบ
คล้ายกับมีเพชรเม็ดจ้อย ประดับบนยอดหญ้า หากออกเดินชมทุ่งนาในตอนเช้าตรู่จะเป็น
ช่วงเวลาที่วิเศษที่สุด (ในความคิดของฉัน) ต้นข้าวสีเขียว ประดับด้วยหยาดน้ำค้าง มีไอ
หมอกจาง ๆ ลอยเอื่อย ๆ อย่างเกียจคร้าน แมงปอบินฉวัดเฉวียน อยู่เหนือยอดข้าว
ปูหนุ่มเดินกร่างอวดกร้ามโต ๆ อยู่ตามคันนา นาน ๆ ครั้งจะได้ยินเสียงปลาในนากระโดด
ฮุบแมงปอที่บังเอิญเกาะบนยอดหญ้าที่ใกล้กับผิวน้ำจนเกินไป ลมเย็น ๆ พัดเอื่อย ๆ
ทำให้ข้าวในนาปลิวไหวเป็นระลอกคลื่น ไม่เคยหยุดนิ่ง คล้ายกับคนที่คิดถึงกันแล้วร้อง
ทักทายกันไม่รู้เบื่อ หนุ่มน้อยข้างบ้านเริ่มเหลาคันเบ็ด เบ็ดกบบ้าง เบ็ดปลาบ้าง เมื่อฝนตก
ครั้งใหญ่ที่ผ่านมา มีปลาขึ้นมาเล่นน้ำเพลินในนา กิจกรรมตกเบ็ดตามทุ่งนาจึงเป็นกิจกรรม
ยามว่างของเด็ก ๆ แม่เอาตาข่ายสีเขียวมาเย็บคล้ายถุงชงชาโบราณขนาดใหญ่ แล้วนำไป
วางตามทางน้ำไหล เผื่อมีปลาหมอ ปลาซิวไหลตามน้ำมา แม่บอกว่าฝนยังไม่หมดยัง
จะตกหนักอีก 1 – 2 ครั้งก่อนจะเข้าหน้าหนาว เมื่อถึงหน้าน้ำหลาก จะมีปลาไหลตาม
น้ำมาติดตาข่ายของแม่มากมาย
ถึงช่วงนั้นฉันมีงานให้ต้องทำทั้งวัน แยกปลาที่ดักได้จาก
ตาข่าย ปลาหมอ ปลาซิว ปลาช่อน ปลาดุก ตามแต่แม่จะบัญชา ปลาตัวเล็กแม่จะทำ ปลา
ร้า ส่วนตัวใหญ่ตากแห้งเก็บไว้ ถึงแม้จะมีน้ำหลากพาเอาปลาไหลตามน้ำมากมาย แต่
เชื่อเถอะว่า ปลาในนายังไม่หมด เมื่อถึงช่วงข้าวกำลังออกรวงน้ำในนาแห้งขอด ยังมีปลา
หลงเหลือตกขลักอยู่ตามทุ่งนาให้เราต้องตามเก็บอีก ถึงช่วงนั้นแม่จะไม่เอาปลาพวกนี้มา
ทำอาหาร แต่จะเอาไปปล่อยตามสระน้ำแทน ด้วยเหตุผลง่าย ๆ ว่า “ขี้เกียจทำ
แล้ว” แต่ฉันคิดว่าแม่คงปล่อยไว้ให้มันออกลูกออกหลานเพื่อปีหน้าเราจะมีปลาร้า
กินกันกระมัง เมื่อต้นปีฉันเป็นเดือดเป็นร้อนกลัวว่าฝนจะไม่ตก กลัวว่าบ้านเราจะไม่มีข้าว
กินกัน แต่ถึงตอนนี้ฉันแน่ใจแล้วว่ามีข้าวกินแน่นอน แต่คงไม่ถึงกับมากพอที่จะขายได้
เหมือนทุกปี เพราะฝนมาช้าและทิ้งช่วงนาน พ่อฟังข่าวเรื่องน้ำท่วมในที่ต่าง ๆ ในข่าวภาค
ค่ำทุกวัน บ่นพึมพำคนเดียวว่า สงสารพี่น้องที่นาข้าวเสียหาย อะไรหนอที่ทำให้สภาพ
อากาศแปรปรวนเช่นนี้ ธรรมชาติกำลังลงโทษมนุษย์ใช่ไหม หรือเพราะผลที่มนุษย์ได้ลง
มือทำร้ายธรรมชาติกำลังจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเราเอง ฉันเคยคิดเล่น ๆ ว่าหากปีหน้า
ธรรมชาติแปรปรวนมากกว่านี้ ฉากชีวิตนี้จะเป็นอย่างไร จะมีข้าวถอดหางไก่ในนาอีกหรือ
ไม่ มีปลาในนาให้ทำปลาร้าอีกไหม และจะมีปูหนุ่มเดินอวดกร้ามโต ตามคันนาเป็นเพื่อน
ฉันอีกหรือไม่นะ สงสัยจริง..
Bookmarks