3 อาทิตย์ ที่เมืองไทย มีเรื่องราวมากมาย
อาทิตย์แรกประสบการณ์ การตามล่าหาโรงพยาบาล
อาทิตย์ที่สองทำบุญพ่อ พาลูกเที่ยว และช่วยงานเข้าพรรษาโรงเรียน
อาทิตย์ที่สามฝึกสมาธิดูใจ
กลับบ้านเมืองไทยนัยว่าไปพักผ่อน แต่ดูแล้ว พักผ่อนตรงไหนนะนี่
กลับมาเมกาเป็นเดือนหาทางกลับเข้าบ้านมหาไม่ได้ ไม่ใช่ลืมรหัสแต่อย่างได แต่เหตุว่าลองเปลี่ยนระหัสแล้ว ระหัสใหม่ส่งทางฮออทเมล์ แล้วเปิดไมได้
ก็ได้ดีเจเต็มใจให้เธอ และ เวบมาสเตอร์ท่านกรุณาช่วย ส่งลิ้งค์แก้ไขระหัสมาให้ทางยะฮู เฮ้อ ไขกุญแจเข้าบ้านได้สักที ก็เลยมารายตัวว่าแจ่มใสยิ้มสวย กลับมาแล้ว เอยๆๆๆๆๆๆๆ
คือแบบว่าเขียนใว้ค้างๆ คาๆ ต้องรีบทำงานไม่งั้นเดี๋ยวไม่ทันลูกค้า
อาทิตย์แรก
นัดเพื่อนมารับ เจ็ดโมงเช้า เพราะตามกำหนดเวลาจะถึงประมาณ 6 โมงเช้ากะว่ากว่าจะออกมาได้คง 7 โมงเช้าว่างั้น แต่ที่ไหนได้เครื่องถึงตี 5 เลยได้ยืนรอเพื่อนไม่เป็นไร ดูสถานการณบ้านเมืองที่สนามบินเพลิน เช่น การเช่าเบอร์โทรศัพท์ นับว่าแพงกว่าการซื้อโทรศัพท์ใหม่เสียอีกค่ะ ราคาประกันเครื่องและเบอร์อยู่ที่ 9500 บาทแหนะ
น้ำดื่มประเภทน้ำแร่ ก็ขวดละ 52 บาทแหนะ ข้างนอก 32 บาทเอง อ้อ ลืมไป ได้ช่วยเหลือ น้องคนหนึ่งเป็นชาวยโสธร น้องเขาไปอยู่สหรัฐสี่ปีไม่เคยกลับไทยเลย และนี่เป็นครั้งแรกที่กลับ พาสปอตก็เล่มใหม่ซึ่ง ไม่มีใบกลับเข้าเมือง ด้วย ก็เลยต้องช่วยกันตามล่าหาใบเข้าเมืองมาเขียนแหละค่ะ
หมายเหตุ ค่าเครื่องช่วงนี้แพงค่ะ อยู่ 1650$ ความรู้ใหม่เรื่อง น้ำหนักกระเป๋า ไม่คิดรวมแล้วนะค่ะ ตอนนี้กฏหมายแรงงานของสหรัฐ ออกมาคือ น้ำหนักกระเป๋าหนึ่งใบต้องหนักไม่เกิน 50 ปอนด์ หรือ 23 กิโลกรัม สามารถโหลดลงเครื่องได้ไม่เกิน 2 ใบ
พี่แจ่มใสมีกระเป๋าสองใบใบหนึ่งถือขึ้นเครื่อง อีกใบโหลดปรากฏว่า ใบโหลดน้ำหนักเกิน ต้องจ่ายเงินเพิ่ม 132 $ ที่อัดในใบเดียวเพราะว่าคิดว่าเขาคิดน้ำหนักรวม แต่ไม่เป็นเช่นนั้นแล้วค่ะ เลยได้จ่ายค่าธรรมเนียมกระเป๋าน้ำหนักเกินทั้งไปทั้งกลับค่ะ
วันแรกที่ถึงกรุงเทพ เนื่องนอนเต็มที่บนเครื่องแล้ว ก็เลยต่อไปซื้อของที่สวนจตุจักร ก็มีของมากมายค่ะซื้อของที่จตุจักร ไม่รู้เพื่อน หรือ พี่แจ่มใสที่เบลอ เพราะซื้อของแล้ว ไม่แน่ใจว่าคนขาย เขาใส่ถถุงให้หรือไม่ หรือเราทำหล่นหายเอง นึกย้อนอีกทีเราก้คิดว่าเขาเอาผ้าที่ซื้อให้เพื่อน ส่วนตัวเรายืนรอตังค์ทอน เลยไม่ได้ของ ต้องย้อนกลับ แต่จะหาร้านเจอรื้อ คิดดู เลยได้ซื้อ เป็นว่าซื้อผ้าปูโต๊ะสองครั้ง ได้ผืนเดียว ฮ่าๆๆ ขำที่ตัวเองเซ่อๆซ่าๆ
วันที่สองก็ปฏิการ ตาล่าหาโรงพยาบาล
ต้องย้อนนิดหนึ่งว่า เมื่อหลายปีก่อน มีอาการปวดๆ ใต้รักแร้ เนื่องจากทำงานในจุดที่ต้องใช้แขนมาก ไปหาหมอ คุณหมอบอกว่าเดี๋ยวก็หายแค่ต่อมอะไรสักอย่างนี่แหละโต เราก็เชื่อ และไม่เคยใส่ใจหรือสนใจอีกเลย จนเมื่อปี 2008 เห็นเพื่อนคุยกันเรื่องซีส ก็สงสัย เพราะก้อนใต้รักแร้นี่ก็ใหญ่ และก็เจ็บเป็นบางครั้ง ก้เลยไปหาหมอ ที่โรงพยาบาลมีชื่อแห่งหนึ่งในโคราช คุณหมอใจดีทำอุลตร้าซาวน์ให้ ปรากฏว่าเป็นก้อนไขมัน ไม่อันตราย คุณหมอว่า ถ้าจะเอาออก ก้จะเข้าข่ายศัลยกรรมเสริมสวย ประกันสังคมไม่คุ้มครอง ก็เลยไม่เอาออก จนมาอยู่เมกา นานเข้าชักมีอาการเจ็บและตึง เหมือนเต้านมตึงก่อนมีประจำเดือน ก็เลยไปทำ แมมโมแกรมดูอีก ผลก็เหมือนเดิมค่ะ คือเห็นเป็นแค่ก้อนไขมัน และค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดออกที่เมกานี่ ก็ร่วมหลายแสน
วันที่สองที่กรุงเทพก็เลยไปหาหมอที่คลีนิคที่เพื่อนแนะนำให้ปรากฏว่า ค่าผ่าอยู่ที่ 37000 บาทและยังต้องรอหมออีก 4 วัน โอยก็อยากรีบผ่าตัดเอาออกซะแต่ต้องรอหมอ อีก ที่จริงก็นัดแล้วหละ แต่บังเอิญว่า มีเพื่อนอีกคนหนึ่งบอกว่าให้ลองไปโรงพยาบาลไกล้ที่พักดูสิอาจได้ผ่าตัดเลย พี่แจ่มใสพักอยู่ไกล้กล้วยน้ำไท เช้าวันรุ่งขึ้นก็เลยนั่งวินมอไซด์ ออกไปดูที่โรงพยาบาลมีชื่อแห่งนั้น เล่าอาการให้คุณหมอฟังเสร็จคุณหมอก็สรุปเลยค่ะว่า เราเป็น ก้อนเนื้อเต้านมที่สาม เพิ่งเคยได้ยิน แหละ คุณหมอบอกว่าคนเป็นเยอะแยะ ผู้ชายก็มี
หน้าเหรอเลยเรา
คุณหมอนัดผ่าและให้พยาบาลจองห้องให้เหมือนผ่าตัดใหญ่ต้องรมยาว่างั้น ให้มาตอนเช้า และนอนพักฟื้นหนึ่งคืน เราก็โอเค ดูราคาแล้วก็เท่ากันกับดลีนิคที่แรก แถมได้ผ่าเลย วันรุ่งชึ้นไม่ต้องรอ
ขากลับกลับก่อนเข้าที่พักก็เลยแวะนวดตัว ที่สปาหน้าแฟลตที่พัก ปรากฏว่าเขาแนะนำให้ไปโรงพยาบาลใหญ่อีกแห่ง ดีและถูก แต่ต้องไปรอ ตั้งแต่ตีห้านะ เขาแจกบัตรคิว หกโมงเช้า เราก็เอ๊าเพื่อความประหยัด เช้าขึ้นตีห้าแทนที่จะไปโรรงพยาบาลที่นัดใว้ กลับไปรอรับบัตรคิว รออย่างทรมานและทรหดอดทน กับผู้คนที่มากล้น จนได้พบคุณ หมอ แต่ที่นี่ต้องการการมั่นใจ เลยต้องอุลตร้าซาวน์ ดูตำแหน่ง ให้ถี่ถ้วนนับว่าดีค่ะ แต่ปรากฏว่าถ้าจะรอคิวผ่าแบบคนไข้ปกติคิวยาวจนถึงสิ้นปีหน้าโห พระเจ้า ข่อยมิต้องเสียค่าเครื่องบิน มาอีกหรือ เลยถูกส่งไปคลินิคพิเศษ ที่คุณหมอรับคนไข้นอกเวลาราชการ เพิ่งรู้เหมือนกันแหละว่ามีแบบนี้ แต่พระเจ้าจอร์จ เมื่อพี่แจ่มใสขอทราบค่าใช้จ่าย ลมแทบจับ 48000 บาท นี่ยังไมรวามค่าบริการพิเศษอีก 20 % นะเจ้าค่ะ ผิดหวังหมดเลยค่ะ นี่แหละเขาถึงว่าเลือกนักมักได้แร่
แต่ค่ะ ยังไม่ได้แร่ซะทีเดียว วันถัดมาหลังจากเซ็งๆ อยู่ว่าจะทำไงดี รอคุณหมอที่นัดใว้แต่แรกหรือหาอีก ก็สะดุดใจนึกถึงโฆณาที่ติดตามรถแทกซี่ ก็เลยกด 1133 ขอเบอร์โรงพยาบาลนี้ โทรไปคนรับสายเสียงพูดเพราะ ถามว่าถ้าพี่จะผ่าก้อนเนื้อใต้รักแร้ เราพูดยังไม่ทันจบ น้องก็สวนกลับเลยว่า
เนื้อเต้านมที่สามหรือค่ะพี่ ค่าบริการอยู่ที่ข้างละ 15000 บาทค่ะ พี่จะผ่าวันนี้เลยไหมค่ะหนูจะจองคิวใว้ให้ พี่ว่างเข้ามาตอนไหนค่ะ เออทำไมมันง่ายดายซะปานนี้ แถมถูกกว่าเป็นเท่าตัว โรงพยาบาลก้ใช่ว่ากระจอกมีชื่อเสียงด้านศัลยกรรมความงามเชียวแหละ จนคราแรกเราคิดว่าน่าจะแพงหูฉี่ ที่ไหนได้ และแล้วก็ได้ผ่าสมใจ ด้วยราคาที่ไม่แพงจนรับไม่ได้ และยังบริการเป็นเลิศอีกต่างหากค่ะ ไปถึงคุณหมอดูลักษณะก้อนเนื้อ วัดขนาด ตำแหน่ง จ่ายเงิน แล้วเข้าห้องผ่าตัดเลย เย้ๆๆๆ หนึ่งอาทิตย์ ผ่านไปก็ตัดไหม ค่ะ
เดี๋ยวรูปภาพหวาดเสียวมีมาให้ชม ตอนนี้ไปติดลาเบลขวดก่อนเจ้าค่ะ
Bookmarks