"เขียนถึงมหาเศรษฐีรวยที่สุดในโลกมาหลายต่อหลายคน อาทิตย์นี้ขอยกพื้นที่ให้มหาเศรษฐีร่ำรวยที่สุด
เป็นอันดับหนึ่งของเมืองไทยบ้าง โดยเมื่อกลางสัปดาห์ นิตยสารฟอร์บส์เพิ่งประกาศผลการจัดอันดับ 40 บิลเลียนแนร์มั่งคั่งที่สุดของบ้านเรา มีสินทรัพย์รวมกันไม่ต่ำกว่า 36,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ปีนี้นับเป็นปีแรกที่แชมป์เก่าหลายสมัยอย่าง "โกเหลียว-เฉลียว อยู่วิทยา" ร่วงจากอันดับหนึ่ง ลงมาอยู่ที่อันดับสอง ทั้งๆที่ไม่ได้รวยน้อยลงสักนิด เพราะยังมีสินทรัพย์ในครอบครองถึง 4,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
แต่เจ้าสัวที่มาแย่งชิงความเป็นหนึ่งคือ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ เจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ ไต่จากอันดับสาม ขึ้นแท่นเป็นมหาเศรษฐีอู้ฟู่ที่สุดอันดับหนึ่งของเมืองไทยเป็นครั้งแรก เพราะมูลค่าหุ้นในมือพุ่งขึ้นจากปีที่แล้วเป็นสองเท่าตัว ทำให้ สินทรัพย์ทะยานขึ้นเป็น 7,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ รวยกว่าเจ้าสัวกระทิงแดง และเสี่ยเจริญ สิริวัฒนภักดี เจ้าพ่อเบียร์ช้างเห็นๆ ส่วนหนึ่งยังน่าจะเป็นอานิสงส์จากสายสัมพันธ์ที่กระชับแนบแน่นกับทางการจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งนับวันจะยิ่งทรงอิทธิพลขึ้นเรื่อยๆ และกำลังจ่อคิวขึ้นเป็นมหาอำนาจเศรษฐกิจอันดับสองของโลกแทนญี่ปุ่น
แม้ภาพลักษณ์ภายนอกของ "เจ้าสัวธนินท์" จะไม่ เก็บเนื้อเก็บตัว และโลว์โปรไฟล์ เท่ากับ "โกเหลียว" แต่ถ้าพูดถึงผู้กุมบังเหียนใหญ่แห่งเครือเจริญโภคภัณฑ์ ทุกคนต่างยอมรับว่า เจ้าสัว วัย 71 ปีผู้นี้ คือต้นแบบ ของคนรวยที่แสนจะติดดิน และยึดหลักการใช้ชีวิตแบบพอเพียง คือ ไม่กินจนเกินไป ทำให้สุขภาพมีปัญหา และใช้จ่ายอย่างพอเหมาะ ไม่ใช่ไม่ใช้เงินเลย แต่ไม่ใช้จนเกินตัว มีเงินแล้วใช้เงินโดยไม่ ทำให้ตนเอง หรือคนอื่นเดือดร้อน
หลักเศรษฐกิจพอเพียงยังเป็นแนวทางที่เจ้าสัวซีพียึดถือในการทำธุรกิจ โดยเฉพาะในเรื่องการลงทุนต้องรู้จักประเมินตัวเองก่อนเสมอว่ามีความสามารถลงทุนเท่าใด และจะลงทุนอย่างไรไม่ให้มีภาระมากเกินไป โดยต้องทำตามความสามารถที่ตนเองมีอยู่ ไม่ใช่ทุ่มจนสุดตัว หรือเกินตัว เพราะหากมีวิกฤตการณ์ใดๆเกิดขึ้น ไม่ว่าจะด้านเศรษฐกิจ การเงิน คน หรือสิ่งแวดล้อม บริษัทก็ต้องอยู่ได้ด้วย โดยไม่ทำให้พนักงาน ผู้ถือหุ้น ธนาคารที่ให้เงินกู้ และสังคมต้องเดือดร้อน
สำหรับเวทีระดับโลก ชื่อเสียงของ "เจ้าสัวธนินท์" โด่งดังเป็นที่รู้จักในฐานะนักธุรกิจชาวจีนโพ้นทะเลเพียงคนเดียว ที่ติดอันดับผู้ทรงอิทธิพลต่อเศรษฐกิจจีนมากที่สุด และยังได้รับเลือกให้เป็นนายกคนแรกของสมาคมนักธุรกิจชาวจีนโพ้นทะเลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยสมาคมนี้เกิดจากการรวมตัวของนักธุรกิจชาวจีนที่ประสบความสำเร็จกว่า 200 คนจากทั่วโลกซึ่งรัฐบาลจีนเชิญมานั่งเป็นที่ปรึกษาด้านการค้า และการลงทุนในต่างประเทศ
ถ้าพูดถึงซีพี หรือที่ชาวจีนรู้จักกันในชื่อ "เจียไต๋" ก็ประสบความสำเร็จในฐานะบริษัทต่างชาติเจ้าแรก ที่เข้าไปลงทุนในจีน และภายหลังได้ขยายกิจการไปลงทุนในประเทศต่างๆทั่วโลกมากกว่า 20 ประเทศ มีธุรกิจในเครือมากถึง 10 กลุ่มธุรกิจ ครอบคลุมตั้งแต่กลุ่มธุรกิจด้านการเกษตรและอาหาร ไปจนถึงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และโทรคมนาคม
หลังจากเก็บตัวเงียบมาพักใหญ่ เมื่อสองปีก่อน "เจ้าสัวธนินท์" ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมืองอย่างตรงไปตรงมา โดยเรียกเสียงฮือฮามากสุด เมื่อเสนอแนะแนวทางแก้วิกฤติเศรษฐกิจเมืองไทย ด้วยการชูทฤษฎี 2 สูง กระตุ้นรัฐบาลบริหารประเทศ โดยปล่อยให้สินค้าราคาสูง และเงินเดือนสูงตาม ภายใต้ทฤษฎีนี้ เจ้าสัวชี้แนะว่า สินค้าเกษตรต้องปล่อยให้ราคาสูงตามความเป็นจริง เพื่อเป็นน้ำมันบนดิน ให้เกษตรกรมีความเป็นอยู่ดีขึ้น โดยไม่ปล่อยให้น้ำมันใต้ดินราคาสูงเพียงอย่างเดียว ขณะเดียวกัน เงินเดือนของข้าราชการ และลูกจ้าง ก็ต้องสูงขึ้นตามไปด้วย เพื่อให้มีเงินจับจ่ายใช้สอย ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีสินค้าให้คนซื้อ เพราะปัจจุบันโลกมีเทคโนโลยีทันสมัย สามารถผลิตสินค้าได้มากขึ้น และตอบสนองคนได้อย่างเต็มที่
ก่อนจะประสบความสำเร็จกลายเป็นนักธุรกิจที่ทรงอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งของโลก "เจ้าสัวธนินท์" ยอมรับว่าชีวิตผมเจอวิกฤติมาหลายครั้ง แต่ผมก็เชื่อว่าคนที่มีความสามารถ คือคนที่สามารถทำวิกฤติให้เป็นโอกาสได้ รู้จักทำวัคซีนให้ตัวเราเข้มแข็ง ผมไม่เคยท้อถอย เพราะถือว่านี่คือโอกาส เมื่อมืดที่สุดก็ต้องมีสว่าง เมื่อสว่างสุด จะต้องมีมืด ตอนสว่างทำกำไรดี ก็ต้องคิดว่าวิกฤติมาจะทำอย่างไร."
มิสแซฟไฟร์ คนดังอะราวนด์เดอะเวิลด์ นสพ. ไทยรัฐ
:l-
Bookmarks