ทริปนี้จบที่การเดินชมเมืองYpresจ้า นั่งรถจ้าเมืองLaPanneมาที่นี่ประมาณ40กม.
เมืองนี้ได้สร้างขึ้นมาใหม่หมดทั้งเมือง เนื่องจากพังทลายลงจากสงครามปีค.ศ1914-1918
ภาษาท้องถิ่นคือดัตช์จ้า บ้านเมืองเขาสะอาดมากจ้าฝั่งนี้ บ่คือฝั่งที่สาวทองแพงอยู่
โดยส่วนตัวแล้วเมืองนี้คล้ายๆกับเมืองบรูจส์มากเลยจ้า แต่นักท่องเที่ยวอาจจะน้อยกว่านิดหนึ่ง
แต่ความสวยงามบ่แพ้กันจ้า ถ้าจะแพ้กันก็แพ้ที่เมืองYpres ขาดความเก่าแก่กว่าเมืองบรูจส์แค่นั้นเองจ้า
โบสถ์Saint-martinจ้า
สวนข้างๆโบสถ์
ซากโบสถ์เก่าSaint-martin สร้างในปีค.ศ1200และปีค.ศ1500ที่ยังหลงเหลืออยู่
อีกด้านของโบสถ์จ้า
ประตูเข้าโบสถ์อีกด้านจ้า
หัวกระสูนตั้งแต่สงครามปีค.ศ1914-1918จ้า แต่บ่รู้ว่ากระสูนอิหยังจ้าใหญ่ๆ
รำลึกถึงวิญญาณทหารผู้กล้า
หอระฆังหรือBeffroi
ด้านข้างของหอระฆัง
ธนาคารจ้า
อาคารต่างๆในเมืองYpres
อาคารเหมือนที่เมืองบรูจส์เลยจ้า
มุมกว้างของจัตตุรัสกลางใจเมือง
ประตูเมืองYpresจ้า ในนี้เป็นที่จารึกชื่อทหารที่เสียชีวิตในสนามรบจ้า
ผนังข้างในของประตูเมืองจะเต็มไปด้วยรายชื่อของทหารผู้กล้าจ้า
เดี๋ยวมาต่อใหม่จ้า ข้อความเกินพะนะจ้า
Bump: Bump:
แบบจำลองของประตูเมืองทั้ง4ด้านจ้า
Bump: มาเบิ่งสุสานทหารผู้กล้ากันจ้า มีทั้งสามารถระบุชื่อ สัญชาติได้
และไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นไผจ้า สุสานงามๆจ้า
แต่ปานนั้นยังแอบวังเวงเด้จ้า ก็คนมันย้านน้อจ้า
หนึ่งวันกับการออกไปสูดอากาศนอกบ้าน ทั้งสนุกและน่าขำตัวเองกับการเก็บภาพ
ประตูทางเข้าสุสานจ้า
ข้างในสุสานจ้า(ฝั่งขวามือของประตูทางเข้า)
หญ้าก็ตัดอย่างดี ดอกไม้ก็จัดแต่งอย่างดี
ข้อมูลของสุสานนี้จ้า (มีหลายสุสานจ้า )
สุดท้ายขอลาด้วยดอกไม้ในป่าช้าพะนะจ้าสวยบ่เลือกที่จ้า
เหมือนได้ชาร์ตแบตเตอรี่แห่งชีวิต แต่ชีวิตนี้เหมือนต้องคำสาป
เมื่อมีความสุขก็ไม่ยั่งยืนนานพอที่ยิ้มอย่างสวยงาม
กลับเข้าบ้านไม่ถึงครึ่งชั่วโมง รอยยิ้มก็ต้องเลือนลาง
ความงงงวยเป็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญเข้ามาแทนรอยยิ้มแห่งความสุข
พร้อมกับความถามที่ผุดขึ้นในใจแต่ไม่คิดจะค้นหาคำตอบ
เพียงปล่อยให้มันเลือนลางไปกับการเวลา...
ธุจ้า ขอบคุณสำหรับพื้นที่และทุกกำลังใจ
ขอบคุณสำหรับมิตรภาพ ขอให้ทุกคนมีแต่ความสุข
สาวทองแพงจะขอเก็บความทรงจำดีๆนี้ตลอดไป โชคดีทุกท่านจ้า
Bookmarks