การแปรเปลี่ยนของกาลเวลา ความเจริญทางด้านเทคโนโลยี มีผลกระทบต่อวัฒนธรรมดั้งเดิมของคนอีสานบ้านเฮา แต่ก็มีบางกลุ่มพยายามที่จะอนุรักษ์ไว้และกลับไปใช้วิถีแบบเดิม ๆ เช่น การกลับไปใช้ควายไถนา ช่วยเหลือกันด้านแรงงานลงแขกเกี่ยวข้าว ใช้คนนวดข้าว ฯลฯ เพราะนอกจากจะเป็นการออกกำลังกาย ได้ความรักความอบอุ่น และยังได้วิถีแห่งความเป็นอีสานขนานแท้กลับคืนมาอีกครั้ง
หลายคนอาจมองว่าล้าหลัง ไม่รวดเร็วเหมือนการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ แต่การใช้ปุ๋ยเคมี ยาฆ่าแมลง เครื่องจักรกล สารเคมีกำจัดศัตรูพืช ได้ทำลายชีวิตกุ้งหอยปูปลา สัตว์เล็กสัตว์น้อยอีกจำนวนมหาศาลที่อาศัยอยู่ในดินในน้ำ
และการตกค้างของสารเคมีเหล่านี้ก็เป็นอันตรายกับผู้บริโภค หลายคนมองว่าผักผลไม้ในตลาดมีสารพิษเจือปนอยู่มาก แต่ในความคิดของผม ผมว่า "ข้าว" ที่เรารับประทานทุกวันนี้แหละอาจจะมีสารพิษหรือสารเคมีตกค้างมากกว่าด้วยซ้ำ เพราะผมสังเกตว่า คนเราทุกวันนี้อายุสั้น จิตใจแปรเปลี่ยน ฉุนเฉียวง่าย หงุดหงิด และเห็นแก่ตัวมากขึ้น (เกี่ยวกันมั้ยเนี่ย)
ผมมองออกไปท้องทุ่งนา ทำให้ผมหวลถึงภาพเก่า ๆ ในอดีต ตอนเช้า ๆ ผมเห็นผู้คนเอาควายไถนา มองเห็นฝูงวัวฝูงควายเล็มหญ้าเต็มท้องทุ่ง เห็นวิถีของการทำมาหากินไม่ว่าหน้าฝนหรือหน้าแล้ง
เสียงสะนูว่าวดังปะทะกับสายลม เหมือนเสียงดนตรีกล่อมให้หลับฝัน เสียงผู้คนนวดข้าวตอนดึก ๆ ใกล้สว่างในวันที่มีเดือนหงาย เหมือนเสียงกลองรัวที่ปลุกให้เราตื่นต้อนรับกับวันใหม่
เสียงแม่หักไม้ลำปอก่อไฟนึ่งข้าวเหนียว กลิ่นต้มปลาร้าทำน้ำพริกหอมหวนชวนดม เสียงพ่อเรียกให้ลูก ๆ ลงไปนั่งผิงไฟในวันที่เหน็บหนาว จี่ข้าวจี่ให้ลูก ๆ กิน เสียงกระดิ่งของฝูงวัวควายที่เดินผ่านหน้าบ้าน เสียงไก่ขัน เสียงเป็ดเสียงไก่ร้องเพื่อตื่นขึ้นรับวันใหม่ มันยังดังก้องอยู่ในความรู้สึกของผมไม่เสื่อมคลาย
กลิ่นโคลนสาบควาย กลิ่นไอของความเป็นอีสาน แม้วันนี้ผมจากอีสานบ้านเฮามาเกือบ 30 ปี แต่ความสำนึกในความเป็นอีสานของผม ยังไม่เคยเปลี่ยนไปจากจิตวิญญาณแม้แต่น้อย
Bookmarks