ย้อนรอยอดีต ยุคช้างโบราณในดินแดนสุวุรรณภูมิ
ในวันหนึ่งที่เราได้พานักเรียนไปศึกษานอกสถานที่ ตามคำเรียกร้องก็คือไปที่จังหวัดนครราชสีมา สิ่งที่นักเรียนอยากไปและอยากเห็นมากที่สุดก็คือ พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหินและทรัพยากรธรณี ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เฉลิมพระเกียรติ ที่อยู่ห่างตัวเมืองไป 14 กม และเมื่อเรารถจอดลงแล้ว หลังจากที่ทำธุระส่วนตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
จุดประสงค์ของเรา คือต้องการเรียนรู้เรื่องราวของสุสานช้างโบราณ เราได้ข้อมูลของดินแดนสุวรรณภูมิยุคดึกดำบรรพ์ และยุคไดโนเสาร์มาแล้ว คราวนี้เราต้องการนำเสนอเรื่องราวของยุคช้างโบราณบ้าง เราจึงบุกไปถึงสุสานช้าง ซึ่งเป็นช้างที่แปลกมากคือ ช้างที่เราเคยพบมี 2 งา แต่เรากับแปลกใจมากมาย ที่ได้พบช้างที่มีสี่งาด้วย
หลังจากที่ลงรถแล้ว สิ่งแรกที่เราเข้าไปในอาคารหลังแรกที่จัดแสดงสวนไม้กลายเป็นหิน ก็สร้างความตื่นเต้นให้เรามากมายทีเดียว ภายในพิพิธภัณฑ์ สิ่งแรกที่เราจะได้สัมผัสก็คือ ความสวยงามของอาคารและสวนหิน ซึ่งออกแบบได้งดงามมาก ๆ สำหรับหินที่นำมาใช้ ก็เป็นไม้กลายเป็นหิน ที่ถูกขุดพบในประเทศเรามาจัดแสดง คิดดูก็แล้วกันค่ะว่ามีเยอะขนาดไหน ถึงขนาดนำมาจัดสวนได้ขนาดนี้ ในตอนหลังจะเล่าเรื่องราวโดยละเอียดให้ท่านได้รับทราบนะคะ
จากอาคารหลัก (หลังแรก) ก็ไปสู่อาคารหลังที่สอง ที่เป็นที่จัดแสดง สุสานช้างโบราณ
และเมื่อเราเดินทางเข้าสู่อาคารหลังที่สองของพิพิธภัณฑ์ ซึ่งจะเป็นเรื่องของซากสัตว์ดึกดำบรรพ์ ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของนครราชสีมา เพราะว่าเป็นแหล่งที่พบซากสัตว์ดึกดำบรรพ์ชนิดนี้มากเป็นพิเศษ นั่นก็คือ ช้าง นั่นเองค่ะ
แหล่งค้นพบซากช้างดึกดำบรรพ์ในจังหวัดนครราชสีมานี้ ถือเป็นแหล่งค้นพบฟอสซิลของช้างโบราณที่มีขนาดใหญ่ที่สุด หลากหลายที่สุด และสมบูรณ์ที่สุดในโลก โดยแหล่งที่มีการค้นพบมากที่สุดนั้นอยู่ที่ ต.ท่าช้าง และ ต.ช้างทอง อ.เฉลิมพระเกียรติ จนได้รับการขนานนามว่า สุสานช้างโบราณ
พิพิธภัณฑ์ช้างดำึดำบรรพ์ ดินแดนโคราช พบช้างฟอสซิลของช้างดึกดำพรรพ์ถึง 8 สกุลจาก 42 สกุลทั่วโลก อายุประมาณ 5-16 ล้านปีก่อน
อันได้แก่
ช้างกอมโพธิเรียม
ช้างโปรไดโนธีเรียม
ช้างโปรตานันคัส
ช้างเตตระโลโฟดอน
ช้างสเตโกโลโฟดอน
ช้างสเตโกตอน
ช้างซิโนมาสโตดอน
ช้างเอลิฟาส
นอกจากจะจัดแสดงซากฟอสซิลของช้างที่พบในประเทศไทยแล้ว ก็ยังมี แผนภูมิการวิวัฒนาการของช้าง ดึกดำบรรพ์มาจนถึงช้างปัจจุบัน ไล่ตั้งแต่บรรพบุรุษของช้างที่มีขนาดตัวเท่ากับหมูในปัจจุบัน มีงวงเพียงสั้น ๆ และไม่มีงา มีชื่อว่า มีริธิเรียม
จุดเด่นของช้างดึกดำบรรพ์ที่ค้นพบในภูมิภาคนี้ก็คือ ช้าง 4 งา เราสารภาพตามตรงเลยค่ะ ว่าเราไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า บรรพบุรุษของช้างจะมีสี่งา แต่มันก็มีจริง ๆ ค่ะ โดยช้างสี่งานั้นก็มีอยู่ตั้งหลายชนิดเสียด้วย
สำหรับรูปจำลองของช้างสี่งานั้น เราสามารถพบเห็นได้ทั่วไปตามถนนหนทาง บริเวณ ต.ท่าช้าง ซึ่ง ถ้าใครแวะกินไก่ย่างท่าช้าง ก็อย่าลืมมองหารูปจำลองช้าง 4 งา แล้วถ่ายรูปกลับมาแบ่งกันบ้างนะคะ
ภาพปากทางเข้า ทำเป็นอุโมงค์ย้อนเวลาจากยุคหินใหม่ไปสู่ยุคสมัยของช้างดึกดำบรรพ์
ซากฟันของช้างดึกดำบรรพ์ (ของจริงนะคะ)
โครงกระดูกช้างของจริง ที่ล้มเมื่อ 7-8 ปีก่อน ไม่ใช่ช้างโบราณนะคะ แต่งาเทียมเพราะตอนขุดพบก็ไม่มีงาแล้ว
โครงกระดูกช้างของจริง ที่ล้มเมื่อ 7-8 ปีก่อน ไม่ใช่ช้างโบราณนะคะ แต่งาเทียมเพราะตอนขุดพบก็ไม่มีงาแล้ว
ภาพจำลองไดโนเสาร์ และตู้จัดโชว์ซากโครงกระดูกช้างโบราณของจริง
นอกจากนี้ยังงาช้างที่กลายเป็นหิน มีความยาว 1.53 เมตรด้วยนะคะ
รายละเอียดเพิ่มเติม
สุวรรณภูมิยุคช้างดึกดำบรรพ์
นอกจากพบซากดึกดำบรรพ์ของไดโนเสาร์แล้ว ยังพบว่ามีการสำรวจพบซากดึกดำบรรพ์ของช้างดึกดำบรรพ์เป็นจำนวนมากใน พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะแผ่นดินที่อยู่ในเขตจังหวัดนครราชสีมา พื้นที่ในตำบลท่าช้างและตำบลช้างทอง อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครราชสีมา มีการพบซษกดึกดำบรรพ์(FOSSIL)ที่เป็นกระดูก ฟัน งา จำนวนมาก เป็นหลักฐานที่แสดงว่าบริเวณพื้นที่ประมาณ ๖พันไร่นั้น ในโลกยุคก่อนเมื่อประมาณ ๒๕ ล้านปี
บริเวณนี้เคยเป็นแหล่งที่อยู่ของช้างดึกดำบรรพ์มาก่อน และ พบว่ามีหลายสกุลที่สูญพันธ์ไปแล้ว อยู่จำนวนมาก คาดว่ามีไม่น้อยกว่า ๑๐๐ เชือก
ซากดึกดำบรรพ์ที่เป็นชิ้นส่วนของช้างโบราณนั้น ได้มาจากบ่อทรายหรือเหมืองทรายหลายแห่ง ในพื้นที่ตำบลท่าช้างและตำบลช้างทอง จากการตรวจสอบโดยศาสตราจารย์ จัง จาคส์ เจเจร์
นักโบราณคดีชีววิทยา จากประเทศฝรั่งเศส ดร.วราวุธ สุธีธร และดร.เยาวลักษณ์ ชัยมณี นักโบราณชีววิทยา ของกรมทรัพยากรธรณี พบว่าเป็นซากดึกดำบรรพ์ชิ้นส่วนของช้างโบราณที่เป็นส่วนกระดูก งา ขากรรไกรและฟันกราม ของช้างสกุลต่างๆ ได้แก่
ช้างกอมโฟธีเรียม ช้างโบราณที่มี ๔ งา มีอายุอยู่เมื่อ ๒๕-๑๓ ล้านปี
ช้างสเตโกโลโฟดอน ช้างโบราณมีงาคู่บน ๑ คู่ มีอายุอยู่เมื่อ ๒๕ -๕ ล้านปี
ช้างไดโนธีเรียม ช้างโบราณที่มีงา ๑ คู่อยู่ด้านล่างในลักษณะงาจอบ มีอายุอยู่เมื่อ ๒๕-๑.๗ ล้านปี
ช้างสเตโกดอน ช้างโบราณที่มีงาคู่บน ๑ คู่ มีอายุอยู่เมื่อ ๕-๐.๐๑ ล้านปี
ช้างพาลีดอโลโซดอน และช้างเอลลิฟาส ช้างโบราณที่เป็นสกุลของช้างในยุคปัจจุบันอีกด้วย
นอกจากนี้ยังได้พบซากดึกดำบรรพ์ที่เป็นชิ้นส่วนของช้างโบราณในพื้นที่อื่นๆอีกคือพบในเหมืองถ่านหิน จังหวัดลำปาง ลำพูน พะเยา เป็นต้น ทำให้ได้ข้อมูลว่า พื้นที่แหล่งนี้เคยเป็นที่อยู่ของช้างดึกดำบรรพ์เช่นกัน แต่มีจำนวนน้อยกว่าที่พบในจังหวัดนครราชสีมา เช่นเดียวกันในพื้นที่อำเภอเฉลิมพระเกียรติที่พบซากดึกดำบรรพ์ของชิ้นส่วนช้างโบราณนั้น
ได้พบซากดึกดำบรรพ์ที่เป็นชิ้นส่วนของแรดโบราณ จระเข้โบราณ หอยหินขนาดใหญ่ ต้นไม้และไผ่ที่กลายเป็นหิน และโครงกระดูกมนุษย์สมัยดึกดำบรรพ์หรือก่อนประวัติศาสตร์ อันเป็นหลักฐานสำคัญที่แสดงถึงการเป็นแผ่นดินในโลกยุดดึกดำบรรพ์ที่วิวัฒนาการแหล่งที่อยู่ของสิ่งมีชีวิตมาตั้งแต่ยุคไดโนเสาร์ และ ยุคช้างดึกดำบรรพ์มาจนถึง ยุคมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์
บริเวณส่วนที่เป็นพื้นที่ชายทะเลในอ่าวไทยนั้น ได้สำรวจพบว่า
เคยเป็นแหล่งน้ำจืดมาก่อน จากหลักฐานสุสานหอยที่พบบริเวณ ชายทะเลบ้านแหลมโพธิ์ อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ ปรากฏว่าเป็น ทรากหอยขมสกุลวิวิพารัส(VIVIPARIS)ที่อาศัยอยู่ในน้ำจืดครั้งโลกยุคดึกดำบรรพ์ซึ่งมีจำนวนมากจนทับถมกันเป็นแผ่นบนชั้นถ่านหิน มีอายุอยู่ประมาณ ๒๕–๗๕ ล้านปี
และที่เหมืองถ่านหินลิกไนท์ บ้านหนองปูดำ อำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่ นั้นได้ขุดพบซากหินของลิงดึกดำบรรพ์ที่กลายเป็นฟอสซิลแล้ว ปรากฏว่าเป็นลิงชนิด “สยามโมพิเคทัสอีโอซีนิค” คือลิงที่มีลักษณะคล้ายลิงอุรังอุตัง เกิดขึ้นบนโลกเมื่อประมาณ
๓๕–๔๐ ล้านปี ซึ่งถือว่าเป็นสายพันธ์เดียวกับมนุษย์วานร เป็นหลักฐานสำคัญชิ้นเดียวที่มีอายุเก่าแก่เช่นเดียวกับมนุษย์ยุคดึกดำบรรพ์ที่มีการขุดพบกระโหลกมนุษย์ชวาที่เกาะชวา ประเทศอินโดนีเชีย และโครงกระดูกของมนุษย์ปักกิ่งที่ประเทศจีน
สรุปได้ว่าในแผ่นดินทางใต้ของประเทศไทยนั้นเป็นแหล่งที่เคยมีมนุษย์คล้ายวานรอาศัยอยู่บริเวณนี้(คือ กระบี่)ในโลกดึกดำบรรพ์ และเป็นแผ่นดินผืนเดียวกันกับเกาะชวาและจีน ก่อนที่โลกจะเกิดการไหวตัวแยกแผ่นดินเป็นเกาะหรือทวีปขึ้น
…………………………………………………..
ขอบคุณ
วิกิพีเดีย สามานุกรมเสรี
พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหินและทรัพยากรธรณี ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เฉลิมพระเกียรติ
siamrecorder.com
*********************************
Bookmarks