ทุ่งสังหาร (the killing fields) ตอนที่ 1
ใครเลยจะคิดว่า ในดินแดนแห่งรอยยิ้ม บริเวณเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะมีการทารุณกรรม เป็นดินแดนที่มีการฆ่าอย่างมหาศาล ณ "ทุ่งสังหาร"(the killing fields)
ตำนานสังหารโหดประชาชนที่โลกไม่เคยลืมสำหรับบทบันทึกทางประวัติศาสตร์ที่คนทั้งโลกสะพึง กลัว ความเลวร้ายนี้ได้ปรากฏขึ้นในดินแดนที่เป็นเพื่อนบ้านของไทย มันการทารุณกรรมที่มนุษย์กระทำต่อมนุษย์ด้วยกันเองอย่างป่าเถื่อนและโหดร้ายที่สุด
โศกนาฏกรรมในดินแดนของประเทศ "กัมพูชา" ซึ่งเป็นช่วงที่เขมรแดงเรืองอำนาจ หลังจากที่พวกเขาได้ยึดกรุงพนมเปญได้ในปี 2518 ทั่วทั้งแผ่นดินแดน ของกัมพูชา แดงฉานด้วยเลือดประชาชน และเสียงร่ำไห้ ของผู้คนมากมายมหาศาล และผู้คนเหล่านั้นล้วนเป็นผู้บริสุทธิ์....ที่ตกเป็นเหยื่อความโหดเหี้ยมของคนชาติเดียวกัน ที่ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กันเอง ....ช่างโหดร้าย อำมหิต ....อย่างที่มนุษย์ชาติควร ประณามอย่างยิ่ง
หลายศตวรรษให้หลังมหาอาณาจักรอันเกรียงไกร ประวัติศาสตร์กัมพูชายุคใหม่เริ่มต้นเมื่อได้รับเอกราชอย่างสมบูรณ์ ตามข้อตกลงเจนีวา ระหว่างเวียดนามกับฝรั่งเศสเมื่อพ.ศ.2497
สมเด็จเจ้านโรดมสีหนุปกครองประเทศมาอย่างต่อเนื่อง กระทั่งผลกระทบของสงครามเย็นทำให้กัมพูชาในช่วงปี 2508 สภาพเศรษฐกิจและสังคมตกต่ำเสื่อมโทรมถึงขีดสุด เกิดความวุ่นวายทางการเมืองและการเดินขบวนประท้วงรัฐของนักศึกษาประชาชน มีทั่วทุกแห่งหนในดินแดนแห่งนี้
แล้วใน เดือนเมษายน 2510 ชาวบ้านและชาวนาในอำเภอซัมลูด จังหวัดพระตะบอง ก่อการจลาจล รัฐบาลส่งทหารเข้าปราบปรามอย่างรุนแรง ทำให้ประชาชนซึ่งถูกรวมเรียกเป็นฝ่ายซ้ายหลบหนีเข้าร่วมกับฝ่ายคอมมิวนิสต์กัมพูชา ที่ตั้งฐานที่มั่นอยู่ในพื้นที่ป่าเขา
ต่อมาเดือนมีนาคม 2513 นายพลลอน นอล ทำการรัฐประหาร
ต่อมากองกำลังฝ่ายคอมมิวนิสต์กัมพูชา หรือเขมรแดง (Khmer Rouge) มีเวียดกงเป็นพันธมิตร เข้ายึดอำนาจปกครองกัมพูชาได้เบ็ดเสร็จเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2518
นายพล พต ผู้นำเขมรแดง
จากนั้นมาประเทศกัมพูชา ก็ตกอยู่ภายใต้การปกครองของ นายพล พต ผู้นำกลุ่มเขมรแดง ผู้โค่นล้มรัฐบาลลอน นอล ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา
แต่แล้วกัมพูชาในกำมือ นายพล พต ระหว่างปี 2518-2522 ตกอยู่ในความรุนแรงสุดขั้ว เพราะเหตุผลที่ว่า ต้องการปรับปรุงระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยมพึ่งตนเอง ไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากภายนอกประเทศ และไม่ยอมเป็นพันธมิตรกับชาติใดๆ โดดเดี่ยวประเทศออกจากอิทธิพลของต่างชาติ ปิดโรงเรียน โรงพยาบาล โรงงาน ยกเลิกระบบธนาคาร ระบบเงินตรา ยึดทรัพย์สินจากเอกชนทั้งหมด ให้ตกเป็นของรัฐบาลขณะนั้น
อย่างไรก็ตามหลังจากที่เขมรแดงยึดอำนาจได้ สมเด็จนโรดม สีหนุนั้นได้เสด็จกลับมายังกัมพูชาเพื่อดำรงตำแหน่งเป็นประมุขของรัฐต่อไป แต่ความจริงแล้วอำนาจอยู่ในมือของ พอล พตต่างหาก
พอล พตได้รับการขนานนามว่าเป็นพี่ชายหมายเลขหนึ่งตามชื่อเรื่องที่เราใส่ไว้ เพราะเขาเป็นผู้นำที่มีอำนาจมากที่สุดในพรรค และยังเป็นเลขาธิการของพรรคหรือคณะกรรมการกลาง นอกจากนี้ยังมีพี่ชายหมายเลขรองลงมาเช่น
นวลเจียงเป็น "พี่ชายหมายเลข 2"ตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี
เอียง สารี เป็น"พี่ชายหมายเลข 3" ตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี
ตา ม็อค เป็น"พี่ชายหมายเลข 4" ตำแหน่งผู้บังคับบัญชากองทัพของเขมรแดง
นายเขียว สัมพันธ์ เป็น"พี่ชายหมายเลข 5" ตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งเขมร
จนถึงไปอันดับสิบกว่าไล่ลงไปเรื่อย ๆ ดังนั้นกิจกรรมความชั่วร้ายทั้งหมดจึงน่าจะเกิดจากตัวพอล พต ถึงจะไม่ทั้งหมดแต่ก็มากที่สุด
นายเขียว สัมพันธ์
จากซ้าย สหายดุจ ,นวน เจีย,นายพลตา ม็อก, เขียว สัมพัน, เอียง สารี
นายเอียง สารีในสมัยที่เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศจับมือกับท่านประธานเหมาระหว่างเยือนจีนอย่างเป็นทางการ โดยมีนายพอลพตยืนยิ้มอยู่ตรงกลาง ภาพจากซินหัว
นายเอียง สารีภาพ แฟ้มภาพเมื่อปีที่แล้วแสดงอาการโรคหัวใจกำเริบ
สหายเขียว สัมพันในวัยชราผู้ต้องหาอาชญากรสงครามของเขมรคนล่าสุด
ภาพประวัติศาสตร์นายเขียว สัมพันคนที่สองจากซ้าย ขณะถ่ายภาพร่วมกับคณะรัฐบาลเขมรแดงและอาคันตุกะจากจีนแผ่นดินใหญ่
นอกจากนี้พวกเขมรแดงยังถือได้ว่าเป็นพวกหน้าไหว้หลังหลอกสุด ๆ นั้น คือปากก็กล่าวว่าจะพาสังคมเขมรไปสู่สังคมคอมมิวนิสต์ที่ไร้ชนชั้นมีแต่ ชาวนาเป็นใหญ่ แต่พวกตนก็ยังแต่งตั้งลูกเมียของตัวเองให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองสำคัญ ๆ ทั้งที่คนเหล่านั้นไม่ค่อยมีความสามารถเท่าไร
สมเด็จสีหนุทรงได้ประจักษ์ต่อธาตุแท้ของพอล พต
แล้วในวันที่ 4 เมษายน 1976 สมเด็จสีหนุทรงได้ประจักษ์ต่อธาตุแท้ของพอล พต เมื่อถูกเขาบังคับให้ลาออกจากตำแหน่งประมุขของรัฐ และถูกกักบริเวณไว้แต่ใน บ้านพัก พร้อมกับราชวงศ์ แน่นอนว่ารวมไปถึงพระโอรสของพระองค์ซึ่งเป็นกษัตริย์องค์ปัจจุบันเช่นกัน
ตลอดเวลานั้นพระองค์ทรงอยู่ด้วยความหวาดกลัวว่าจะมีชะตากรรมเหมือนกับ ประชาชนผู้โชคร้ายทั้งหลาย
ต่อมานายพอล พตก็แต่งตั้งตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรี
ส่วน นายเขียว สัมพันเป็นประธานาธิบดี
กระนั้นในช่วงสี่ปีนั้นพวกเขมรแดงบางกลุ่มพยายามแย่งชิงอำนาจจาก พอล พต แต่ก็ไม่สำเร็จ
แนวคิดของ นายพล พต คือ ลัทธิซ้ายสุดๆ เพราะเขาเชื่อว่าระบบสังคมนิยมจะนำกัมพูชา สู่ความเจริญรุ่งเรืองเหมือนในอดีตได้ โดยประเทศควรจะอยู่อย่างสันโดษ ไม่ต้องเพิ่งวิทยาการเทคโนโลยีใดๆ ขอให้มีข้าวกินก็อยู่ได้ เขาจึงกวาดล้างผู้ที่เป็นปฏิปักษ์ทางความคิด นักศึกษาปัญญาชน แพทย์ วิศวกร นักปราชญ์ ศิลปิน ให้หมดไปจากแผ่นดินของ กัมพูชา ในขณะนั้น
มีเรื่องที่เล่ากล่าวขานกันว่า แม้คนใส่แว่นสายตาที่ดูเหมือนมีความรู้ ก็ถือว่าเป็นภัยต่อความมั่นคง ปกครองยาก จะถูกฆ่าอย่างไร้เหตุผล เขาต้องการให้กัมพูชามีแต่ชนชั้นกรรมาชีพ
ความจริงที่มนุษย์กระทำต่อมนุษย์ด้วยกันอย่างป่าเถื่อนทารุณ ไม่ใช่การแสดงละคร ความโหดร้าย ป่าเถื่อน อำมหิต ครอบงำกัมพูชา จากรัฐบาลเขมรแดงในขณะนั้นโดยสิ้นเชิง ถือว่าเป็น 4 ปีแห่งความเลยร้ายที่สุดของกัมพูชาก็ว่าได้
เขมรแดงยึดกรุงพนมเปญประชาชนพลเมืองถูกหลอกออกจากเมืองไปยังชนบทกันดาร พล พต ต้องการเปลี่ยนให้ชาวกัมพูชากลับไปเป็นชนดั้งเดิม ใช้แรงงานเพื่อการเกษตร ทุกคนต้องเป็นชาวนาชาวไร่ อาศัยอยู่ในค่ายแรงงาน ทำงานวันละ 12 ชั่วโมงโดยไม่หยุดพัก และไม่มีอาหารเพียงพอ
4 ปีที่ พล พต อยู่ในอำนาจผู้คนล้มตายนับล้านชีวิต ทั้งอดอยาก ทั้งถูกทารุณกรรมถูกฆ่ายิ่งมหาศาล "ทุ่งสังหาร" อุบัติขึ้นเวลานั้น
ภาพโครงกระดูกของผู้คนที่ถูกทับถม กองเป็นภูเขา
ติดตามตอนที่ 2
……………………………………………………..
ข้อมูลจาก
เดลินิวส์
http://www.voanews.com
http://forums.212cafe.com
http://www.bloggang.com
AP. New York Times, AFP, dpa
ผู้จัดการออนไลน์, สำนักข่าวซินหัว
………………………………………………
Bookmarks