นักท่องเที่ยว ประสบอุบัติเหตุพายุฝนถล่มที่เกาะช้าง
ตราด : กำลังช่วยเหลือนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศ ที่ประสบเหตุพายุฝนถล่มเกาะช้าง เมื่อ ช่วงตี 3 ของวันที่ 11 ตุลาคม
ทำให้ดินโคลนทลายลงมาทับรีสอร์ตและบ้านเรือนเสียหาย
ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย
เกิดน้ำท่วมดินถล่ม อ.เกาะช้าง ทับรีสอร์ตเสียหาย 6 ห้อง มีพนักงานเสิร์ฟ 2 คน ติดอยู่ในซาก พบเสียชีวิต 1 คน ช่วยชีวิตได้ 1 คน แต่อาการสาหัส ขณะไฟฟ้าดับทั้งเกาะ ส่งผลเกาะช้างอัมพาต นักท่องเที่ยวไทยเทศนับพันต้องเดินเท้ากลับภูมิลำเนา
ตลอดทั้งคืนของวันที่ 10 ต.ค.ต่อเนื่องจนถึงเช้าวันนี้ (11 ต.ค.) ได้เกิดฝนตกหนักที่ อ.เกาะช้าง และ อ.แหลมงอบ จ.ตราด รวมทั้งพื้นที่ อ.เมืองตราด ส่งผลให้เกิดน้ำไหลหลากเข้าท่วมถนนและบ้านเรือนที่บ้านเนินดินแดง ต.คลองใหญ่ อ.แหลมงอบ จ.ตราด
เจ้าหน้าที่กู้ภัย จ.ตราด ว่า ระดับน้ำได้ท่วมถนนทางเข้าหมู่บ้าน และระดับน้ำสูงขึ้นมีแนวโน้มท่วมบ้านเรือนในพื้นที่ แต่ยังไม่สามารถสรุปจำนวนผู้ได้รับผลกระทบและบ้านเรือนเนื่องจากทางราชการอยู่ระหว่างการเข้าไปตรวจสอบในพื้นที่
ทางด้านอำเภอเกาะช้าง ได้เกิดน้ำไหลหลาก และดินโคลนถล่มบ้านเรือนบริเวณบ้านหาดทรายขาว ต.เกาะช้าง อ.เกาะช้าง จ.ตราด บ้านคลองสน บ้านไก่แบ้ โดยเฉพาะบริเวณหาดทรายขาว มีโคลนไหลมากองอยู่บริเวณหน้าโรงแรมเคซี แกรนด์ รีสอร์ท หน้าร้าน 7-11 มีระยะทางยาวกว่า 100 เมตร มีร้านค้า 2-3 ร้าน ถูกน้ำซัดพังเสียหาย กระจกร้าน 7-11 ได้รับความเสียหาย และมีน้ำท่วมไหลหลากเข้ามาบริเวณบ้านหาดทรายขาวและบ้านไก่แบ้บางส่วน ขณะที่คลื่นทะเลมีความแรง และกัดเซาะบริเวณชายหาดได้รับความเสียหายเป็นช่วงๆ และเศษขยะต่าง ๆ มากองรวมบริเวณชายฝั่งด้วย รวมทั้งมีคลื่นแรงสูง 1-2 เมตร
บริเวณที่เกิดเหตุดินถล่มทับรีสอร์ท ชื่อ ริชเทิลช้าง ซึ่งก่อสร้างด้วยไม้ มีห้องพักจำนวน 8-10 ห้อง 2 ชั้นได้ถูกดินสไลด์ถล่มลงมาใส่ห้องพักจำนวน 6 ห้อง ซึ่งมีนางนารี โคก อายุ 43 ปี และนายริน เป็นพนักงานเสิร์ฟกำลังนอนพักผ่อนอยู่ ได้รับความเสียหายและพังลงทั้ง 6 ห้องโดยพนักงานทั้ง 2 คนถูกเศษหิน เศษดินเศษไม้ ทับอยู่ส่งผลให้นางนารี โคก เสียชิวิต ส่วนนายริน ยังมีชีวิตอยู่และร้องเรียกให้คนช่วยเหลือ
ซึ่งขณะนั้นเวลาที่เกิดเหตุเป็นเวลา 03.00 น.ของวันที่ 11 ตุลาคม 2553 โดยในเวลา 06.00 น. อาสาสมัครกู้ภัยและเจ้าหน้าที่รวมทั้งคนงานในรีสอร์ตเข้าไปช่วย เหลือแต่เป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากขาดอุปกรณ์ในการช่วยเหลือ มีเพียงชะแลและค้อนปอนด์ และกำลังคนเท่านั้น จึงทำให้ไม่สามารถช่วยชีวิตคนงานได้ทันท่วงที
กระทั่งในเวลา 11.00 น.นา สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ตราด ได้เดินทางมาช่วยเหลือ แต่ก็การช่วยเหลือก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากพนักงานยังติดอยู่ภายใน ต้องใช้แรงคนในการนำซากปรักหักพักออกจากพื้นที่ จึงสามารถดึงร่างของ นายริน ออกมาได้ในสภาพที่อิดโรยอย่างหนัก หลังถูกทับมาเป็นนานกว่า 10 ชม.ส่วน นางนารี โคก เสียชีวิต
ขณะเดียวกัน นักท่องเที่ยวจำนวนมาก ทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างประเทศ ต่างทยอยเดินทางกลับจากเกาะช้าง แต่เป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากต้องขึ้นรถโดยสารสองแถวแล้วลงเดินข้ามดินที่สไลด์ลงมาปิดขวางเส้นทาง ซึ่งยังไม่สามารถนำดินออกมาได้หมด มีนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศกว่า 200 คน และนักท่องเที่ยวชาวไทยหลายร้อยคนต้องเดินด้วยเท้าเพื่อมาขึ้นรถสองแถวข้ามกองดินออกมา แต่ทุกคนสนุกและตื่นเต้นกับเหตุการณ์ที่ได้พบเห็น
ส่วนที่บ้านสลักเพชร ต.เกาะช้างใต้ อ.เกาะช้าง จ.ตราด ประชาชนได้แจ้งขอความช่วยเหลือจากทางอำเภอเกาะช้างว่ามีเรือประมงพื้นบ้านจำนวน 2 ลำ จมน้ำแต่ไม่มีผู้เสียชีวิต ขณะที่บ้านสลักเพชรมีน้ำท่วมในหมู่บ้านแต่ยังไม่ทราบความเสียหายมากน้อยแค่ไหน
นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลเกาะช้าง กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นบนเกาะช้างเป็นประจำทุกปี แต่ปีนี้มีความรุนแรงมากกว่าทุกครั้ง โดยเฉพาะดินสไลด์ลงมาทีเดียวหลายจุด เนื่องจากเมื่อคืนนี้มีฝนตกลงมาทั้งคืน ทำให้ดินไม่สามารถอุ้มน้ำไว้ได้ ทำให้สไลด์ลงมาขวางทางไปบ้านหาดทรายขาวจำนวน 4-5 จุด ทางเทศบาลได้ร่วมกับทางอำเภอเกาะช้าง ผู้ประกอบการและเจ้าหน้าที่ทหารเรือจากฐานส่งกำลังบำรุงทหารเรือตราด และ นพค.14 บ่อไร่ ร่วมกันแก้ปัญหา และคาดว่าในเวลา 15.00 น.จะสามารถให้รถยนต์เดินทางไปได้ตลอดเส้นทาง
ส่วนกระแสไฟฟ้าบนเกาะช้างขณะนี้ ไม่สามารถจ่ายให้ได้ เนื่องจากไฟฟ้าแรงสูงกว่า 20 ต้น ล้มลงจนสายไฟฟ้าขาดเป็นเหตุให้ไฟฟ้าดับทั้งเกาะ ทางการไฟฟ้าเกาะช้างได้นำรถเครนเข้ามาแก้ไขสถานการณ์เป็นการเร่งด่วน แต่ยังไม่สามารถปล่อยกระแสไฟฟ้าได้ ทางขึ้นไปบ้านหาดทรายขาวทำให้การสัญจรไปมาระหว่าง 2 หมู่บ้านไม่สามารถทำได้ และไฟฟ้าดับทั้งเกาะ ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจของอำเภอเกาะช้างทั้งหมด เพราะไม่สามารถติดต่อหรือสื่อสารกันได้ ยกเว้นการติดต่อทางโทรศัพท์มือถือเท่านั้น
ขอบคุณ
ไทยโพสต์
เอเอสทีวีผู้จัดการ
*******************************************
ปีนี้ หนาวสุดรอบ 30 ปี กทม.แค่ 16 องศา
กรมอุตุฯ ประกาศฤดูหนาวปีนี้จะมีอากาศเย็นขึ้นหลายองศา คาดอุณหภูมิต่ำสุดทุบสถิติปี 52 ทั่วประเทศ ส่วนกรุงเทพฯ จะมีอุณหภูมิต่ำสุด 16-18 องศา ขณะเดียวกันผลกระทบจากปรากฏการณ์ลานีญาจะส่งผลให้ประเทศไทยมีปริมาณฝนสูงขึ้นกว่าปกติ พร้อมเตือนรับมือพายุหมุนเขตร้อนและคลื่นพายุซัดฝั่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศการคาดหมายลักษณะอากาศช่วงฤดูหนาวของประเทศไทย ตั้งแต่กลางเดือนตุลาคม 2553 ถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2554 สำหรับในปีนี้คาดว่าจะมีอากาศหนาวกว่าปีที่แล้ว และอุณหภูมิจะต่ำกว่าค่าปกติหรือค่าเฉลี่ยในรอบ 30 ปีเล็กน้อย
ในช่วงต้นฤดูระหว่างเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน ประเทศไทยตอนบนจะยังคงมีฝนตกชุกในบางพื้นที่ สำหรับภาคใต้จะมีอากาศเย็นในบางวัน ส่วนมากตอนบนของภาค โดยจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ในช่วงกลางเดือนตุลาคมถึงเดือนธันวาคม โดยเฉพาะทางฝั่งตะวันออกตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไป
สำหรับการคาดหมายอุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ยในเดือนธันวาคม 2553 ภาคเหนือ เช่น จ.เชียงราย จะมีอุณหภูมิ 6-8 องศา ต่ำกว่าเมื่อปี 2552 ที่วัดได้ต่ำสุด 11.1 องศา จ.เชียงใหม่ จะมีอุณหภูมิ 7-9 องศา ต่ำกว่าเมื่อปี 2552 ที่วัดได้ต่ำสุด 13.2 องศา และ จ.พิษณุโลก จะมีอุณหภูมิ 11-13 องศา ต่ำกว่าเมื่อปี 2552 ที่วัดได้ต่ำสุด 17.3 องศา ซึ่งการคาดหมายไม่รวมอุณหภูมิต่ำสุดบริเวณยอดดอยและยอดภู
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น จ.อุดรธานี จะมีอุณหภูมิ 7-9 องศา ต่ำกว่าเมื่อปี 2552 ที่วัดได้ต่ำสุด 14.3 องศา จ.เลย จะมีอุณหภูมิ 6-8 องศา ต่ำกว่าเมื่อปี 2552 ที่วัดได้ต่ำสุด 13.6 องศา จ.อุบลราชธานี จะมีอุณหภูมิ 12-14 องศา ต่ำกว่าเมื่อปี 2552 ที่วัดได้ต่ำสุด 15.3 องศา และ จ.นครราชสีมา จะมีอุณหภูมิ 12-14 องศา ต่ำกว่าเมื่อปี 2552 ที่วัดได้ต่ำสุด 17.3 องศา
ภาคกลาง เช่น จ.นครสวรรค์ จะมีอุณหภูมิ 13-15 องศา ต่ำกว่าเมื่อปี 2552 ที่วัดได้ต่ำสุด 16.8 องศา จ.สุพรรณบุรี จะมีอุณหภูมิ 14-16 องศา ต่ำกว่าเมื่อปี 2552 ที่วัดได้ต่ำสุด 18.0 องศา และ จ.กาญจนบุรี จะมีอุณหภูมิ 13-15 องศา ต่ำกว่าเมื่อปี 2552 ที่วัดได้ต่ำสุด 15.6 องศา
ภาคตะวันออก เช่น จ.สระแก้ว จะมีอุณหภูมิ 14-16 องศา ต่ำกว่าเมื่อปี 2552 ที่วัดได้ต่ำสุด 18.9 องศา และ จ.ชลบุรี จะมีอุณหภูมิ 16-18 องศา ต่ำกว่าเมื่อปี 2552 ที่วัดได้ต่ำสุด 21.3 องศา
ภาคใต้ เช่น จ.ประจวบคีรีขันธ์ จะมีอุณหภูมิ 17-19 องศา ต่ำกว่าเมื่อปี 2552 ที่วัดได้ต่ำสุด 20.5 องศา และ จ.ภูเก็ต จะมีอุณหภูมิ 20-22 องศา ต่ำกว่าเมื่อปี 2552 ที่วัดได้ต่ำสุด
ปีนี้ หนาวที่สุดในรอบ 30 ปี กรุงเทพ 16 องศา
สำหรับกรุงเทพมหานคร ที่จะมีอุณหภูมิ 16-18 องศา ต่ำกว่าเมื่อปี 2552 ที่วัดได้ต่ำสุด 20.0 องศา
กรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า จากการเฝ้าติดตามปรากฏการณ์เอลนีโญและลานีญา
พบว่าสถานการณ์อุณหภูมิน้ำทะเลในมหาสมุทรแปซิฟิกบ่งบอกถึงการพัฒนาของปรากฏการณ์ลานีญา ซึ่งคาดว่าจะต่อเนื่องไปจนถึงต้นปี 2554 ทำให้ตลอดช่วงฤดูหนาวปีนี้
ประเทศไทยจะมีปริมาณฝนสูงกว่าค่าปกติ โดยเฉพาะบริเวณภาคใต้ อาจมีพายุหมุนเขตร้อนก่อตัวในมหาสมุทรแปซิฟิกเหนือด้านตะวันตก เคลื่อนตัวผ่านประเทศฟิลิปปินส์ลงสู่ทะเลจีนใต้ และมีแนวโน้มที่พายุหมุนเขตร้อนจะเคลื่อนเข้าใกล้หรือเคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย
โดยในเดือนตุลาคมมีโอกาสเคลื่อนเข้าใกล้หรือเข้าสู่ประเทศไทยในแนวภาคตะวันออกและภาคใต้ ส่วนในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมมีโอกาสเคลื่อนเข้าสู่ภาคใต้ ซึ่งจะส่งผลให้ประเทศไทยมีฝนตกเพิ่มขึ้นและอาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากในบางพื้นที่ได้ รวมทั้งคลื่นลมจะมีกำลังแรงขึ้น หรืออาจเกิดคลื่นพายุซัดฝั่ง
สรุปว่า
ฤดูหนาวในปีนี้จะมีความหนาวเย็นกว่าปกติ เพราะสาเหตุมากจากปัจจัยจากปรากฏการณ์ลานีญา ทำให้มีปริมาณฝนและความชื้นสูง อีกทั้งยังมีความกดอากาศสูงกำลังแรงจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทย จึงทำให้ปีนี้อากาศหนาวมากขึ้น
ขอบคุณ
กรมอุตุนิยมฯ
**********************************
อ้างข้อความนี้
Bookmarks