ตอนเช้าเดินไปตาม คันแทนา พระอาทิตย์กำลังขึ้นเป็นรูปวงกลมสีแดง วงใหญ่ลอยอยู่เหนือทุ่งนาข้าวสีเหลืองทองอร่าม ตอนเช้ามีหมอกสีขาวจาง ๆปกคลุมไปทั่ว ลมพัดโชยมาอากาศแสนจะสดชื่น ยอดข้าวก็พลิ้วไหวไปตามแรงลม เป็นภาพที่สวยงามมาก..
ตอนเป็นเด็กน้อย..ถึงช่วงเกี่ยวข้าวในวันหยุด เราก็จะไปนา ช่วยพ่อแม่เกี่ยวข้าวซึ่งต้องเดินเท้าไป ประมาณ 2 กิโลเมตร ผมยังเกี่ยวข้าวไม่เก่ง แม่จึงให้ไปหาขุดปูนามาไว้ทำกับข้าวตอนเที่ยง
ต้องสะพายข้องเดินหารูปูที่มีกองดินเล็ก ๆ อยู่ข้างรู เรียกว่า “ขวยปู” ขุดลงไปประมาณศอก ก็จะเจอปูถ้าขวยใหญ่ก็จะลึก..
บางทีก็จะไปด้อม ๆมอง ๆ ที่กอหน่อไม้เพื่อหาแขนงหน่อไม้มาให้แม่แกง คงเป็นเพราะตอนเด็กนั้น อาหารส่วนใหญ่นั้นมีแต่ป่น กับแจ่ว นาน ๆ ทีถึงจะได้กินไก่ย่าง หรือเนื้อสักที ทำให้ชอบกินผักมาตั้งแต่เด็กเพราะอาหารที่ค่อนข้างเผ็ดแต่ก็อร่อยมาก..
พอเกี่ยวข้าวเสร็จก็จะขนข้าวขึ้นลาน โดยพ่อจะเป็นคนมัดฟ่อนข้าวไว้เป็นมัด ๆ และจะใช้ไม้หาบเป็นไม้ไผ่ยาว ๆ ตัดแฉลบที่ปลายทั้งสองข้าง เรียกว่า “ไม้หลาว”เสียบที่ฟ่อนข้าว หาบมาวางไว้ที่ลานข้างละ6 – 7 มัด ส่วนคนที่เด็กหน่อยแม่ก็จะใช้ผ้าขาวม้าพันรอบหัวและไหล่ แล้วแบกที่ละ2มัด
บางที่ก็มีญาติที่เขาทำนาเสร็จก่อนมาช่วยขน การนวดข้าวก็จะใช้ไม้ขนาดพอดีมือ 2 ท่อนมีเชือกผูกตรงปลาย เรียกว่า “ไม้ตีข้าว” หนีบที่มัดข้าวแล้วตีให้รวงข้าวกระทบกับไม้แข็ง ๆ ให้เมล็ดข้าวหลุดออกมา..
พวกเราจะนอนค้างที่นาเพื่อนวดข้าว ตอนกลางคืนมองขึ้นไปบนท้องฟ้าเห็นดาวระยิบระยับ มองเห็นดาวลูกไก่ มองเห็นดาวไถ มองออกไปที่ทุ่งนาก็จะเห็นแสงตะเกียงวับ ๆ แวม ๆ
มาจากลานข้าวของคนอื่น ได้ยินเสียงตีข้าวดังตุ๊บตั๊บมาแต่ไกล..
ก่อนนอนพ่อจะ พาพวกเราทำตูบ คือ กระโจมเล็ก ๆ ทำจากฟางข้าว ทำเป็นบ้านหลังเล็ก ๆแล้วใช้ฟางข้าวปูพื้นให้หนาๆ ใช้เสื่อปูทับอีกชั้นเวลานอนได้กลิ่นหอมของฟางข้าวและนอนบนที่นอนนุ่ม ๆ นอนเบียดกันทำให้อบอุ่นมีความสุขมาก ทุ่งนาใครได้ข้าวมาก นวดกันเองไม่ไหวก็จะวานญาติ ๆ มาช่วยโดยส่วนมากก็จะเป็นหนุ่ม สาวที่ใช้โอกาสนี้คุยกัน จีบกัน ส่วนเด็ก ๆ อย่างพวกเราก็ออกมาเล่นไป ตีข้าวไปอีกทางหนึ่ง ส่วนแม่ก็จะใช้กระด้งฝัดเมล็ดข้าวที่ลีบออก พอเสร็จงานก็จะเป็นการเลี้ยงขอบคุณอาหารก็จะ มีส้มตำ กินกับข้าวปุ้น หรือขนมจีน และที่ขาดไม่ได้คือ ต้มส้มไก่บ้านหม้อใหญ่และ เหล้าสาโท ที่แม่ทำไว้ให้คนที่มาช่วยกิน..
ปัจจุบันนี้ หมู่บ้านของเราก็ใช้น้ำประปาใช้กันทุกบ้าน บ่อ น้ำของหมู่บ้านกลายเป็น บ่อสำหรับให้คนที่เลี้ยงวัวเลี้ยงควายแถวนั้นตักให้วัว ควายกิน ต้นไม้ที่ขึ้นรอบ ๆ ก็ถูกตัดถางจนเตียนสำหรับ ไม้คานหาบน้ำก็ไม่มีติดบ้านมาหลายปีแล้วต้นมะกอกที่โรงเรียนก็ตัดถูกโค่นหมดแล้วเพื่อเอาพื้นที่ไปทำอย่างอื่นแทน..
เห็นเด็ก ๆ ทุกวันนี้ใช้เวลาว่างไปกับการดูการ์ตูน ดูโทรทัศน์และไม่เห็นเขาต้องปลุกผักและรับผิดชอบดูแลมันเหมือนตอนที่เรายังเด็กเลย การอาบน้ำก็อาบที่ห้องน้ำบ้านใครบ้านมัน ความสามัคคีหรือความมีน้ำใจในช่วงหน้านาที่มีมาแต่เดิมนั้นเริ่มลดน้อยลง มีการจ้างแรงงานคนหรือไม่ก็จะใช้เครื่องจักรมารับจ้างแทน ทุกวันนี้วัยรุ่นบางคนแทบจะไม่อยากไปเหยียบนาเลย ไม่กระตือรือร้นที่จะช่วยงานพ่อ แม่ทำงาน แม้ว่าจะโตจนช่วยการช่วยงานได้แล้วก็ตาม ตอนนี้จะทำอะไรก็ต้องจ้าง
ถึงแม้ว่าจะเป็นญาติกันก็ตาม ไม่มีการถือแรง ไม่มีการลงแขกช่วยกันทำ เหมือนเมื่อก่อน เห็นแบบนี้แล้วทำให้อดระลึกนึกถึงอดีตไม่ได้ เมื่อก่อนแม้ว่าจะดำเนินชีวิตด้วยความยากลำบาก แต่ก็ฝึกให้มีความอดทน ฝึกให้รู้จักความเสียสละ ความมีวินัยและที่สำคัญทำให้เรารู้จักรักและหวงแหนแผ่นดินที่เราเกิดมา.......
Bookmarks