กระจกส่องใจ

[สะใภ้อิสาน]

กระจกส่องใจ

กระจก...ไม่เลือกที่จะสะท้อนภาพทุกชนิด ฉันใด

จิตใจ... จงเอาเยี่ยงอย่างกระจก

กระจก...รับรู้ แต่ไม่ยึดถือครอบครอง

ดังนั้น...จึงไม่มีภาพใดใดหลงเหลือติดอยู่ในกระจก

สายฝน...ในกระจก หาได้เปียกกระจกไม่

เปลวไฟ...ในกระจก ก็หาได้เผาลนกระจกเช่นกัน

ทั้งนี้...เพราะกระจกไม่ได้ให้อำนาจแก่สายฝน และเปลวไฟ

ดังนั้น...จงทำจิตใจของท่านให้เป็นดุจการรับรู้ของกระจก เพราะถ้าหากจิตของท่าน
หลงยึดถือหรือตกเป็นทาสของกิเลสเมื่ิอใด ความทุกข์ ความเศร้าหมองใจย่อมตามมา เมื่อนั้น

[บ่าวกบินทร์]

ฟังเบิ่ง กะสิพอเข้าใจยุดอกครับ....
แต่สิให้เฮ็ดนำ คือสิยากยุดอก....

[พล พระยาแล]

บางทีเราเองรับรู้ทุกอย่างถึงความเป็นไปในชีวิต และสิ่งที่ทำให้เกิดทุกข์ แต่เราเองก็หาทางออกให้กับปัญหานั้นไม่ได้ นี่คือเรื่องจริงที่สุด และถ้าไม่เจอกับใครก็ไม่รู้หรอกว่า ความรักมันเป็นทุกข์ การให้ความคิดของเราจมปรักอยู่กับสิ่งเดียวก็เป็นทุกข์

เราอาจหนีจากความทุกข์ทั้งหลายได้ด้วยการไม่คิดถึงมัน แต่ก็เป็นเพียงชั่วขณะ เพราะจิตสำนึกของเราเตือนเราอยู่เสมอว่า ลืมไม่ได้จะต้องคิด

ทางออกไม่ใช่ทำลายเจ้าของความคิดคือตัวเอง แต่ต้องทำลายกิเลสที่มากระทบจิตใจ ด้วยการฝึกจิตให้แข็ง ซึ่งเมื่อจิตแข็งแรง ก็จะเป็นปราการป้องกันความคิดของเราไม่ให้ออกไปเที่ยวไหนให้ฟุ้งซ่านนั่นเอง

กระจกมีไว้ส่องดูตัวเรา สำรวจตัวเรา แต่คนส่วนมากมองกระจกน้อยมาก บางคนแทบไม่มองกระจกเลยเพราะคิดว่าตัวเองเรียบร้อยแล้ว ดูดีแล้ว มองแต่กายภายนอก แต่ไม่เลย จะต้องส่องเข้าไปข้างในใจของเรา ว่าใจของเราเรียบร้อยหรือยัง มีอะไรที่ต้องแก้ไข เมื่อเราเห็นจุดบกพร่องในตัวเรา เราก็แก้ไขให้ดี

อะไรที่มันทำให้เราเกิดทุกข์ หนีออกจากความทุกข์นั้น อะไรที่ทำให้เรามีความสุข จงวิ่งเข้าหามัน

[จูลเชียงราย]

เราทุกข์คนจะมองดูกระจกแต่เพียงว่าสิ่งที่เราต้องการดู้ว่าเป็นอะใรแต่ไม่มีใครที่จะคิดว่าสิ่งที่เรามองเห็นในกระจกอีกด้านหนึ่งเป็นสิ่งที่ดีหลือชั่วกระจกก็ยังส่องดูไม่เห็นตัวตนที่แท้จริงของเราเราเองก็ยังไม่รู้เลยว่าสิ่งที่กระจกส่องมองไม่เห็นมีอะใรบ้างกระจกได้แต่ส่องสะท้อนออกมาให้เราเห็นแต่แค่ภายนอกแต่ในส่วนลึกของหัวใจกระจกก็ไม่สามารถส่องสะท้อนออกมาได้นอกจากใจของตัวเราเองใจคิดอย่างใรทำอย่างนั้นถ้าคนเราทำอะใรไม่ตรงกับใจก็เหมือนกับการที่เราส่องกระจกเพื่อมองหาสิ่งที่ไม่ดีที่มองเห็นและก็ปกปิดสิ่งที่สะท้อนออกมาจากกระจกเพื่อที่จะไม่ให้ใครมองเห็นสิ่งที่ไม่ดีของตัวเราเองต่างหาก

[Baimon]

คนเราเกิดมาในชาตินี้
โตตนของเรากะเที่ยงแท้
แต่การกระทำดี คิดดี ไม่ยึดติดกับแสงสีของโลก
ผู้นั้นน่ายกย่องเหมือนกระจกเงาเอื้อยสะใภ้อิสานว่านั่นหล่ะค้า
ผุใดเฮ็ดใดนู๋ก็ขออนุโมทนาสาธุนำจ้า
บทความนี้ถูกใจน้องหลาย

[Baimon]

คนเราเกิดมาในชาตินี้
โตตนของเรากะเที่ยงแท้
แต่การกระทำดี คิดดี ไม่ยึดติดกับแสงสีของโลก
ผู้นั้นน่ายกย่องเหมือนกระจกเงาเอื้อยสะใภ้อิสานว่านั่นหล่ะค้า
ผุใดเฮ็ดใดนู๋ก็ขออนุโมทนาสาธุนำจ้า
บทความนี้ถูกใจน้องหลาย:l-

[pui.lab]

กระจกมีสองด้านเนาะจ้า เราก็มองมุมของเรา ส่วนอีกมุมพี่ๆน้องๆคอยแนะนำเนาะจ้า อิ อิ

[เมษา]

ส่องกระจกทุกวันค่ะ มักหลาย เดินตามห้างเห็นกระจกบ่อได้แล่นใส่โลด ได้ส่องหน่อยเดียวก่าเอา

กิเลศยังหลายค่ะ ความอยากมีเต็มอัตตาเอาโลด อิพ่อบอกอยู่เสมอว่า อย่าไปยึดติดกับ อัตตา ตัวตนหลายเด้อ มันสิทุกข์ พะนะ

สิพยายามเด้อพ่อเด้อ แต่อั่นความอยากหนี่ตี้ มันหลายคัก อยากไปทั่ว อยากได้ไปหมด อยากกินนั่น กินนี่

[chudhancock]

สาธุ จ้าหลาน นิจ๋า แหม เก่งจังเลย พูดอีกก็ถูกอีก กระจกก็ไม่มีกริยามาทักทาย หรือ แม้แต่จะพูดว่าใครส่องแล้วจะสวย จะไม่สวยจะร้ายหรือว่าจะดี กระจกจะไม่มีคำทักทายโต้ตอบ นอกเสียจากว่า
เมื่อเราส่องกระจกแล้ว ต้องนั่งมองหน้าและก็สายตาตัวเอง พร้อมกับ ส่องดูภายในใจของเราไปด้วย
สายตาจะบอกในกระจกออกมาว่า ในใจของเราเป็นเช่นไร ป้าก็ขอให้หลานมีแต่ความสุขมากๆนะจ๊ะคนดี

[สะใภ้อิสาน]

อ่านบทความนี้เจอในหนังสือคะ แต่เค้าไม่ได้บอกว่าใครเขัยน
อ่านแล้ว ถ้าทำได้ชีวิตคนเราคงพ้นทุกข์ อ่านแล้วมาพิจารณาตัวเอง
หากเราทำจิตใจให้เหมือกระจกได้ ไม่ว่าสิ่งไดผ่านเข้าและผ่านไป ไม่มีร่องรอยไดเหลือทิ้งไว้ให้เห็นเลย ไม่ยึดติดที่จิตใจ