เมื่อเดือนที่แล้ว ผมได้ไปติดต่องานที่จังหวัดพิษณุโลก กับพี่คนหนึ่งที่บริษัท ต้องขับรถออกจากกรุงเทพ ฯ ตั้งแต่ ตี 4 ขาไปให้พี่เขาเป็นคนขับ สำหรับผมนั่งทอดสายตา ใจลอยกับบรรยากาศยามเช้าของต่างจังหวัด สายตาของผมก็มองไปเห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่ง ที่กำลังหาบน้ำจากท่งนาไปบ้านโดยมีน้องสาวอีกคนที่กำลังเดินหาบตามหลัง เห็นภาพนี้แล้วทำให้ผมนึกย้อนไปหาอดีตตัวเองที่ตอนเป็นเด็กน้อย... เด็ก ๆ สมัยนั้นจะหัดหาบน้ำตั้งแต่ช่วงที่เรียน ประมาณ ป.3 – ป.4 โดยเริ่มหัดหาบคุถังขนาดเล็กให้ชินก่อน แล้วจึงเพิ่มขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ
พ่อจะทำไม้คานให้เราคนละด้าม ไม้คานที่ทำใหม่ใช้ตอนแรก ๆ จะแข็งมากเวลาหาบจะเจ็บไหล่ โดยเฉพาะในหน้าหนาว แต่เมื่อใช้ไปสักพักไม้จะเริ่มอ่อนหาบง่ายขึ้น ขณะที่เราไปหาบน้ำกับพี่สาว พ่อใหญ่ แม่ใหญ่ พ่อแม่ก็จะนั่งผิงไฟอยู่ที่ใต้ถุนบ้าน บางทีก็จะหมกมันสำปะหลัง หมกเม็ดมะขามไว้รอให้เราเอาไปกินเล่นที่โรงเรียน เป็นเรื่องปกติในหน้าหนาวที่จะได้ยินเสียงขบเคี้ยวเม็ดมะขามดังเป็นระยะในห้องเรียน และที่ตามมาก็คือเศษเปลือกดำ ๆ ของมันที่หล่นอยู่ตามพื้นห้อง ก็ได้เม็ดมะขามนี่แหละที่ทำให้ตอนเรียนประถม พวกเราไม่ต้องขอเงินพ่อ แม่ ค่าขนมไปโรงเรียนเลย
พอเลิกเรียน ก็ต้องตักน้ำอีกรอบโดยผมจะไปตักน้ำดื่มที่บ่อของหมู่บ้านที่อยู่ไกลออกไปแถวชายป่า เป็นบ่อที่ชาวบ้านช่วยกันขุดแล้วใช้ปลอกท่อซีเมนต์วางเรียงต่อกันเป็นชั้น ๆ ขึ้นมาจากก้นบ่อ “เรียกว่า สร้างท่อ”
พอหาบน้ำใกล้เสร็จก็จะเตรียม สบู่ ผ้าขาวม้า และชุดเปลี่ยนไปด้วยเพราะจะต้องอาบน้ำให้เสร็จก่อนหาบน้ำกลับมารอบสุดท้าย
บริเวณบ่อน้ำจะเป็นที่ชุมชุมของหนุ่ม สาวที่จะมาตักน้ำและอาบน้ำในตอนเย็น พอเดินเข้าไปใกล้ บ่อก็จะได้กลิ่นหอมของสบู่ แซมพู่ เคล้ากับกลิ่นหอมของดิน ของต้นไม้ใบหญ้าที่ขึ้นครึ้ม เพราะได้น้ำและปุ๋ยจากขี้ไคล รวมถึงปัสสาวะของคนที่มาอาบน้ำตลอดปี
บางคนก็จะเก็บผัก เสม็ด หรือ ผักเม็ก ที่ขึ้นในป่ารอบ ๆ บ่อ เอาไปกินกับป่น หรือแจ่วมื้อเย็นโดยเอาใส่ในคุถังให้ลอยอยู่ในนั้นเป็นการล้างผักไปในตัว และยังช่วยไม่ให้น้ำกระฉอกออกมาขณะหาบกลับด้วย
วันเสาร์ – อาทิตย์ เราต้องตื่นแต่เช้าไปรดน้ำผักที่โรงเรียนที่คุณครูให้เราปลูกเอาคะแนน คนละแปลงสองแปลง ตอนเช้าอากาศหนาวมาก เดินผ่านยอดหญ้าที่มีน้ำค้างปกคุลมอยู่ยิ่งทำให้ทั้งเย็นทั้งคัน เท้าเปียกไปหมดเพราะใส่รองเท้าแตะพอรดน้ำเสร็จก็จะเก็บเอาผักที่ปลุกไว้กลับไปด้วย
ที่โรงเรียนมีต้นมะกอกก็จะเก็บมะกอกกลับไปด้วย มะกอกต้นใหญ่มองขึ้นไปบนต้นจะเห็นผลห้อยระย้าเป็นพวง ใบหล่นใกล้จะหมดแล้ว ได้กลิ่นหอมของผลที่สุกหล่น ลงมาอยู่ตามกอหญ้าแห้ง ๆ จะเก็บใส่ชายเสื้อยืดที่ม้วนขึ้นมาด้านหน้า แล้วใส่มะกอกไว้รวมกันที่พุง เรียกว่า “ พกเสื้อ ” พอแหวกหญ้าเจอมะกอกแต่ละลูกแสนจะดีใจเป็นหนักหนา ถ้าได้เยอะ พกเสื้อ จะตุง ๆ กลับบ้านไปอวดแม่ แม่ก็จะยิ้มพอใจจนมองเห็นฟันดำ ๆ เพราะแม่เคี้ยวหมาก
มะกอกสุกนั้นนำมาใส่ป่น ใส่แจ่ว ใส่สัมตำ อร่อยมากเพราะจะทำให้มีกลิ่นหอม และมีรสเปรี้ยวพอดี ๆ
หรือเก็บไว้ใส่ ก้อยกุ้ง จะอร่อยมาก.............
ติดตามตอน ที่ ๒
Bookmarks