กำลังแสดงผล 1 ถึง 5 จากทั้งหมด 5

หัวข้อ: ทำอย่างไรเมื่อต้องขับรถนานๆ..

  1. #1
    ร่วมถ่ายทอดความรู้สู่สังคม สัญลักษณ์ของ Boom69
    วันที่สมัคร
    Aug 2007
    ที่อยู่
    Khon kaen ThaiLand
    กระทู้
    960
    บล็อก
    4

    เรื่องฮิตน่าอ่าน ทำอย่างไรเมื่อต้องขับรถนานๆ..

    ทำอย่างไรเมื่อต้องขับรถนานๆ...(อันนี้ บุ๋มบิ๋ม เป็นมาแล้ว..แล้วลองทำได้ผลนะค่ะ อ่านให้จบนะค่ะ)

    ทั่วๆไปแล้วอาการปวดบ่า
    กระบอกตา คอ หลัง หน้าขา(สะโพก) และน่อง เป็นอาการที่พบได้บ่อย
    เรามาลองดูสาเหตุและการบรรเทาอาการเหล่านี้กัน

    เมื่อ ขับรถต้องใช้สายตามากไม่สามารถพักสายตาได้
    ต้องเพ่งและมองไปข้างหน้าตลอด ถ้าหากแสงแดดจ้าก็จะทำให้ตาต้องทำงานหนักเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันการเพ่งสายตามีผลต่อท่าทางของคอ
    คือคอต้องตั้งตรงนานๆ ย่อมมีผลต่อการทำงานของกล้ามเนื้อคอ
    ทำให้กล้ามเนื้อคอทำงานหนักและเกิดอาการล้าได้

    การเมื่อยล้าของคอส่งผลต่อการบีบรัดเส้นประสาทโดยเฉพาะ
    ที่ฐานกะโหลกด้านหลังทำให้ปวดศีรษะและกระบอกตาได้

    วิธีการแก้ไขปัญหาปวดกระบอกตาและล้าของตาคือ
    ต้อง ใส่แว่นปรับสายตาหากมีปัญหาเรื่องสายตาสั้นหรือยาว
    จะทำให้ลดการเพ่งในขณะขับรถและหากขับรถในเวลาที่แดดจัดควรใช้แว่นกันแดด
    เพื่อลดปริมาณแสงที่อาจทำให้ม่านตาทำงานหนักได้

    ขณะ ที่พักรถหรือช่วงติดไฟแดงอาจใช้เวลาเล็กน้อยที่จะมองไปยังต้นไม้ที่มีสี
    เขียวหรือหลับตาพักสายตาสักครู่ และหากเป็นไปได้การนวดบริเวณต้นคอและบ่า 2 ข้าง จะสามารถลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อบริเวณนั้นส่งผลให้ความรู้สึกล้าลดลงได้

    ในขณะขับรถกล้ามเนื้อบ่าจะทำงานเพื่อยกบ่าและแขนในการควบคุมพวงมาลัย
    หาก การจับพวงมาลัยห่างจากตัวมากจะมีผลทำให้ต้องเอื้อมมือยืดแขนไปข้างหน้า
    กล้ามเนื้อบ่าและไหล่จึงทำงานมากขึ้นอีกและทำให้เกิดอาการเมื่อยล้ากล้าม
    เนื้อบ่าและเกิดกล้ามเนื้ออักเสบได้ในที่สุด ซึ่งสามารถตรวจได้โดยการคลำกล้ามเนื้อนั้นๆ จะพบลำหรือปมแข็งในกล้ามเนื้อ เมื่อกดก็จะมีอาการเจ็บและร้าวได้

    ดัง นั้นการปรับระยะและความสูงของพวงมาลัยเป็นสิ่งที่สำคัญ
    แต่ต้องเข้าใจว่าในขณะขับต้องทิ้งน้ำหนักแขนส่วนหนึ่งไว้ที่พวงมาลัย
    ไม่เกร็งแขนและไหล่ตลอด การเกร็งและยกแขนนี้อาจทำให้การควบคุมพวงมาลัยทำได้ยากกว่าที่ควรจะเป็น

    อย่างไรก็ตามคุณสามารถลดอาการตึงและปวดเมื่อยบ่านี้ได้โดยการหมุนไหล่แบบกายบริหารของ เด็กๆ ที่หมุนไหล่มาข้างหน้าและย้อนกลับหลัง โดย ทำเมื่อหยุดพักหรือหากเมื่อยในขณะขับรถท่านสามารถทำการแบะไหล่ไปด้านหลังและ แอ่นตัวมาข้างหน้าหรือทำการหมุนไหล่ข้างเดียวได้ โดยพิจารณาถึงความปลอดภัยในขณะขับขี่เป็นหลัก

    สำหรับ อาการปวดเมื่อยหลังเกิดขึ้นได้เนื่องจากท่านั่งเป็นท่าที่หมอนรองกระดูก
    สันหลังมีแรงกด มากกว่าท่าอื่นๆ แม้ว่าจะมีเบาะพนักพิงก็ตาม แต่หลังที่อยู่ในลักษณะโค้งงอ ย่อมส่งผลต่อแรงดันในหมอนรองกระดูกสันหลัง โดย มีแรงกดด้านหน้าหมอนรองกระดูกมากกว่าด้านหลัง หมอนรองกระดูกจึงมีแนวโน้มที่จะปลิ้นไปทางด้านหลังและอาจเกิดปัญหาของหมอน รองกระดูกสันหลังทับเส้นประสาทได้ เอ็นและกล้ามเนื้อที่อยู่ด้านหลังจะถูกยืดมากกว่าเมื่อหลังอยู่ในท่าตรง

    ดัง นั้น สิ่งที่ควรทำเมื่อพักรถคือ ค่อยๆ ลงจากรถ ไม่ลุกแบบพรวดพราดและก่อนจะลุกขึ้นควรทำการยืดตัวและแอ่นหลังประมาณ 3-4 ครั้งก่อน แล้วค่อยลุกขึ้น และเมื่อลุกขึ้นแล้วควรทำการยืดหลังและแอ่นหลังในขณะท่ายืนอีก 10 ครั้ง แล้วถึงจะทำการก้มหลังหรือใช้งานหลังได้ตามปกติ เหตุที่ให้ทำเช่นนี้ เพราะว่าเอ็นที่อยู่ด้านหลังเมื่อนั่งนานๆ จะล้า ขาดความยืดหยุ่นตัวและถ้าก้มบิดตัวหรือใช้งานหลังหนักๆ(เช่น การยกของหนัก) การก้มขณะที่จะลุกจากรถ อาจมีผลต่อการเคลื่อนหรือปลิ้นตัวของหมอนรองกระดูกสันหลังได้

    หาก เกิดอาการปวดเมื่อยล้าหลังขณะขับรถคุณสามารถนำหมอนเล็กๆ
    สอดไว้ที่หลังส่วนล่างระหว่างเบาะกับหลังของคุณเพื่อให้หมอนเป็นตัวดันให้ หลังแอ่นตัวเล็กน้อย แต่ไม่ควรนั่งพิงหมอนนั้นตลอด เพราะจะเกิดความล้าต่อหลังได้เช่นกัน

    การขับรถเกียร์อัตโนมัติ ความเมื่อยล้ากล้ามเนื้อหน้าขาและน่องเกิดได้จากการที่ต้องขยับขาเพื่อการ เหยียบเบรกและคันเร่ง

    ขณะที่ถ้าขับรถเกียร์ธรรมดาจะมีอาการเมื่อยล้าขาซ้ายเพิ่มขึ้นเนื่องจากการเหยียบคลัตช์

    การแก้ไขหรือลดอาการปวดขณะขับรถสามารถทำได้โดยการหมุนข้อเท้าจิกปลายเท้า กระดกปลายเท้าขึ้น เหยียดปลายเท้าลงให้สุด โดย สามารถทำกับเท้าข้างซ้ายข้างเดียวในขณะขับรถและหากเมื่อหยุดพักแล้วคุณ สามารถทำการหมุนหรือดัดต่อเท้าข้างขวา รวมทั้งทำการยืดกล้ามเนื้อหน้าขาได้ การยืดกล้ามเนื้อหน้าขาทำได้โดยยืนแล้วพับเข่าไปด้านหลังโดยเอามือช่วยจับ เข่างอเข้ามายังก้น

    อย่างไรก็ตามการขยับ เขยื้อนออกกำลังกายแบบนี้เป็นการบรรเทาอาการเท่านั้น และหากทำขณะขับรถให้คำนึงถึงความปลอดภัยในการขับขี่เป็นหลักด้วย

    สิ่ง ที่จะต้องทำที่สุดคือ การหยุดพักบ่อยๆ เพื่อเปลี่ยนอิริยาบถ
    ล้างหน้าล้างตาและทำการออกกำลังกายตามที่ได้กล่าวมา
    หรือทำการบิดขี้เกียจก็ได้ในลักษณะเหมือนการบิดขี้เกียจตอนเช้าก่อนลุกขึ้น
    มาอาบน้ำ และเมื่อถึงที่หมายแล้ว ควรทำการนอนยกขาสูง
    โดยการนอนราบกับพื้นแล้วทำการยกขาแบบงอเข่าเล็กน้อยพาดกับเก้าอี้หรือโซฟา
    เพื่อให้เลือดไหลและน้ำเหลืองไหลกลับได้ง่ายขึ้น และทำให้หลังได้พักตัวลดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อหลังได้


    ที่มา วิชาการดอทคอม

  2. #2
    เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ สัญลักษณ์ของ บ่าวจัย
    วันที่สมัคร
    Jun 2008
    กระทู้
    2,872
    ขอบคุณจ้าน้องบุ๋มสำหรับข้อมูลดีๆอ้ายผุหนึ่งละที่ขับรถไกลๆแล้วมักสิปวดบีแข่งปวดตาเป็นแบบนี้เองเนาะ
    หล่อคืออ้าย กินข้าวบายกบตั๋วะหล่า

  3. #3
    ศิลปิน นักแต่งเพลง สัญลักษณ์ของ ธีระปลัด
    วันที่สมัคร
    Oct 2009
    กระทู้
    529
    บล็อก
    8
    กะเดินทางไกลดู๋อยู่ครับ จันทบุรี-บุรีรัมย์จนทางคุ่มผุ้นหละ

  4. #4
    ศิลปิน นักแสดง สัญลักษณ์ของ แมงงอดน้ำ
    วันที่สมัคร
    Mar 2010
    ที่อยู่
    จอมเทียน เมืองพัทยา
    กระทู้
    291
    ขอบคุณจ้าน้องบุ๋ม เป็นตาหน่ายอิหลีเด้อ ขับรถดนๆกั่วสิฮอดบ้าน ไปฮอดกะไปนอนซมยุกั่วสิฟื้น
    สิลองเบิ่งยุจ้า

  5. #5
    ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านมหา สัญลักษณ์ของ lukhin_inter
    วันที่สมัคร
    Sep 2007
    ที่อยู่
    อิสานใต้ ประเทศไทย
    กระทู้
    1,860
    ขอบคุณมากมากจ้า ลูกหินนี่เป็นผู้นึงที่ต้องขับรถไกลๆ
    แบบว่า บ่ มีผู้ซ่อยเลยนะ บางทีเมื่อยหลาย พักหลังๆมีแสบตา
    ขอบคุณข้อมูลดีดี จ้า
    อุปสรรคเป็นได้ทั้งบันไดให้ก้าวขึ้นไป...หรือ
    เป็นภูผาที่ขวางกั้น...ขึ้นอยู่กับว่าจะมองมุมไหน

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •