24 ตุลาคม 2533 เป็นวันที่เธอกับผมตกลงใจที่จะใช้ชีวิตร่วมกัน คืนก่อนวันแต่งงานผมรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก ผมเข็นน้ำใส่ตุ่มทั้งคืน แต่ไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย ญาติพี่น้องเดินทางมาพักที่บ้านผม เสียงพูดคุยปนกับเสียงหัวเราะสนุกสนาน อีกกลุ่มก็ตั้งวงก๊งเหล้าขาวเพื่อเตรียมตัวไปจับหมูจับวัวมาชำแหละ
“พักผ่อนบ้างนะเจ้าบ่าว คืนพรุ่งนี้จะต้องใช้แรงเยอะ” เสียงญาติ ๆ กระเซ้าเย้าแหย่
24 ตุลาคม 2533 วันงานเริ่มขึ้น ผมแต่งองค์ทรงเครื่องด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาว มีผ้าขาวม้าพาดเฉียงบ่า กางเกงสีกรมท่า นั่งรอเจ้าสาวอยู่ที่บ้าน เพราะคนเฒ่าคนแก่บอกว่าดาวเพดานโคจรไปทางทิศตะวันตก หากเจ้าบ่าวจะแห่ขันหมากไปจะอันตรายมาก ก็เลยแก้เคล็ดให้เจ้าสาวแห่มาหาเจ้าบ่าว ซึ่งปรากฏการณ์นี้จะมีให้เห็นไม่บ่อยนัก พี่สาวผมก็แห่ไปหาเจ้าบ่าวเช่นเดียวกัน เพราะช่วงเดือนหก ดาวที่ว่านี้จะตกไปทางทิศเหนือ
เจ้าสาวของผมโดยปกติก็สวยอยู่แล้ว วันนี้เธอสวยเป็นพิเศษ เธอแต่งชุดไทย เสื้อขาว ผ้าไหมมัดหมี่ ผมของเธอแซมด้วยดอกไม้สีขาวดูงดงาม สายตาของเราประสานกันต่างคนต่างยิ้มให้กัน ผมจูงมือเธอมานั่งตรงที่จะทำพิธีสู่ขวัญคู่บ่าวสาว เจ้าบ่าวเริ่มออกอาการง่วง เพราะนอนไม่หลับทั้งคืน ภาพที่ออกมาเจ้าบ่าวจะหลับตาตลอด ฮ่า ๆ ในที่สุดถือว่าเราเป็นสามีภรรยากันโดยพฤตินัย และสองวันต่อมาเราก็เป็นสามีภรรยากันโดยถูกต้องตามกฎหมายด้วยการจูงมือกันจดทะเบียนสมรสที่ว่าการอำเภอคอนสวรรค์ จ.ชัยภูมิ
ผมทำงานที่ จ.กาญจนบุรี ส่วนเธอพักอยู่ที่บ้านผมที่ชัยภูมิ เสาร์ - อาทิตย์ ผมต้องเดินทางไปกลับกาญจนบุรี – ชัยภูมิ อยู่หลายเดือน ตอนเย็นวันอาทิตย์วันที่ผมจะต้องเดินทางกลับกาญจนบุรี คงไม่ต้องบอกว่าในใจผมมีความรู้สึกทรมานแค่ไหน ทันทีที่รถโดยสารเคลื่อนที่ออกจากหน้าบ้านผม ผมรู้สึกใจหายคิดถึงเธออย่างบอกไม่ถูก ส่วนเธอไม่กล้าไปส่งผมขึ้นรถ เธอจะวิ่งขึ้นไปบนบ้านเพื่อไปแอบร้องไห้ ผมนึกอยู่ในใจว่า ชีวิตเราจะแยกกันอยู่อย่างนี้อีกนานแค่ไหน
ปลายปี 2533 เธอตัดสินใจเข้ามาทำงานที่กรุงเทพฯ เพื่อจะได้อยู่ใกล้ ๆ ผม เธอพักอยู่บ้านเช่าคนเดียวแถว ๆ สามแยกไฟฉาย ส่วนผมจะเดินทางมาหาเธอช่วงเสาร์-อาทิตย์ วันจันทร์ตอนตี 3 ผมก็จะตื่น และเดินออกไปหน้าปากซอย เพื่อขึ้นรถเมล์ไปลงที่แยก 35 โบว์ รอรถเมล์สาย 28 เข้าสายใต้ใหม่อีกทอด
ชีวิตช่วงนั้นลำบากมาก (ตอนนี้ก็ยิ่งหนักกว่าเดิม) เพราะต่างคนต่างอยู่ ผมคิดถึงเธอทุกวัน ทำงานก็ไร้ประสิทธิภาพ เพราะใจผมจดจ่ออยู่กับเธอด้วยความเป็นห่วง อยากเห็นหน้าเธอ อยากอยู่กับเธอเหมือนสามีภรรยาคนอื่น ๆ เพราะเธอก็ท้องแก่ด้วย เป็นห่วงเวลาเดินขึ้นลงบันไดห้องเช่า ถ้าจะเข้ามาหาเธอทุกวันบวกลบคูณหารดูแล้วเงินไม่พอใช้
บางวันไข่ไก่ใบเดียวต้องแบ่งกันกินคนละครึ่ง ถ้าไข่ใบเล็กกลัวไม่อิ่มบางทีก็ตำใส่พริกป่นใช้น้ำร้อนคน ๆ กลายเป็นป่นไข่ มีอยู่ครั้งหนึ่ง วันที่รับเงินเดือน เงินเหลือ 50 บาท เธอแบ่งให้ผม 30 บาท เพื่อจะเดินทางไปกาญจนบุรี ส่วนเธอเอาไป 20 บาท เพื่อขึ้นรถเมล์ไปทำงาน
ช่วงเสาร์-อาทิตย์ ไม่มีเงินผมก็จะเดินมาซื้อผักบุ้งกำละ 2 บาท หน้าวัดยาง ไปผัดกินกัน แต่พอรู้แหล่งที่มาของผักบุ้งแล้วก็เลยเลิกซื้อ เพราะผมเห็นป้าที่แกขายผักบุ้ง แกเก็บผักบุ้งจากน้ำสกปรกแถว ๆ ใต้ถุนบ้านเช่านั่นเอง
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
Bookmarks