กำลังแสดงผล 1 ถึง 2 จากทั้งหมด 2

หัวข้อ: สิงคโปร์เขาเตรียมผู้บริหารรุ่นใหม่แบบนี้นี่เองถึงได้เป็นผู้นำภูมิภาค‏

  1. #1
    ร่วมถ่ายทอดความรู้สู่สังคม สัญลักษณ์ของ สาวเมืองกะสิน
    วันที่สมัคร
    Sep 2007
    กระทู้
    584

    สิงคโปร์เขาเตรียมผู้บริหารรุ่นใหม่แบบนี้นี่เองถึงได้เป็นผู้นำภูมิภาค‏

    สิงคโปร์เตรียมผู้บริหารรุ่นใหม่


    "ผมเพิ่งอ่านคำให้สัมภาษณ์ของนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ นายลี เซียนลุง นายกรัฐมนตรีลีพูดถึงผู้บริหารชาติบ้านเมืองของตนในรุ่นต่อไปว่า ขณะนี้ตนอายุ 58 ปีแล้ว สิงคโปร์ไม่ควรจะมีนายกรัฐมนตรีที่อายุ 70 ปี หรือมากกว่า 70 ปี สิ่งที่ตนเองและคณะผู้นำรุ่นปัจจุบันให้ความสำคัญอย่างมากก็คือ ในการเลือกตั้งครั้งหน้า เราจะต้องหาผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหน้าใหม่ๆ ซึ่งเป็นพวกที่มีศักยภาพที่จะดำรงตำแหน่งหน้าที่สำคัญของประเทศ เพื่อให้ สิงคโปร์เดินไปข้างหน้าอย่างมีอนาคต

    ผมเคยอ่านบทสัมภาษณ์ในลักษณะคล้ายกันมาก่อน แต่เป็นของนายลี กวน ยิว นายกรัฐมนตรีคนแรกของสิงคโปร์ ว่าจะต้องเตรียมนักการเมือง และผู้บริหารชาติบ้านเมืองรุ่นใหม่ ซึ่งในตอนนั้น นายลียังไม่ได้ทาบทามนายโก๊ะ จก ตง ให้มาลงเล่นการเมือง แต่ให้คนไปเก็บประวัติพวกที่เรียนหนังสือเก่ง เอามาเข้าไปไว้ในแฟ้ม เพื่อค้นหาคณะผู้นำรุ่นใหม่ของสิงคโปร์

    นายลีประทับใจนายโก๊ะ ซึ่งจบเศรษฐศาสตร์ (เกียรตินิยมอันดับ 1) จากมหาวิทยาลัยสิงคโปร์ นายลีชวนนายโก๊ะสมัคร ส.ส. นายโก๊ะจึงได้เป็น ส.ส. ในสังกัดรัฐบาลของพรรคกิจประชาเมื่ออายุ 35 ปี จากนั้นก็ได้ทดลองทำงานในตำแหน่งรัฐมนตรีในมากมายหลายกระทรวง


    เมื่อเห็นว่าทำงานได้ดี นายลีก็เทรนนายโก๊ะเข้มข้นขึ้นในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี เมื่อเห็นว่ามะม่วงบนต้นสุกงอมหอมหวานน่ารับประทานแล้ว วันที่ 28 พฤศจิกายน 2533 นายโก๊ะก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 2 ของสิงคโปร์ โดยนายลี กวน ยิว ยังมีตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีอาวุโส คอยแนะนำและประคองสถานะของประเทศ

    ยุคของนายโก๊ะเป็นผู้นำประเทศ มีการคัดคุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคกิจประชากันอย่างเข้มข้น ต้องเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีการศึกษาดียอดเยี่ยม และต้องเคยแสดงฝีมือในการทำงานทั้งของเอกชนและของรัฐมาก่อน ความละเอียดในการเลือกคนเข้าพรรค ทำให้ประชาชนคนสิงคโปร์ไว้ใจพรรคกิจประชาเพิ่มขึ้น ในห้วง 14 ปีที่นายโก๊ะเป็นนายกรัฐมนตรีนี่ พรรคกิจประชาได้ ส.ส.จากการเลือกตั้งทั่วไปมากขึ้นเรื่อยๆ พ.ศ.2534 ได้ 61% พ.ศ.2540 ได้ 65% พ.ศ.2544 ได้มากถึง 75%

    ระหว่างที่คณะผู้บริหารและสมาชิกรัฐสภารุ่นที่ 2 เริ่มทำงานกันอย่างมีประสิทธิภาพใน พ.ศ.2533 นั้น ก็มีการเตรียมผู้คนรุ่นที่ 3 กันแล้ว

    ไม่ต้องไปค้นคว้าหานายกรัฐมนตรีรุ่นที่ 3 ที่ไหน เพราะคนที่เป็นทั้งพ่อ และผู้นำประเทศอย่างนายลี กวน ยิว เตรียมลูกชายคือนายลี เซียน ลุง ไว้พร้อม

    นายลี เซียน ลุง จบปริญญาตรีเกียรตินิยมทางฟิสิกส์จากเคมบริดจ์ ปริญญาโททางการบริหารรัฐกิจจากสหรัฐอเมริกา กลับมาก็เป็นทหาร ทำงานจนได้ยศพลจัตวา เมื่อ พ.ศ.2527 ก็ลาออกจากราชการมาทำงานการเมือง ได้เป็น ส.ส.ครั้งแรกเมื่ออายุ 32 ปี ก่อนขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศเมื่อ 12 สิงหาคม 2547 นายลีได้ฝึกฝนงานการบริหารในมากมายหลายกระทรวง


    ใครที่ติดตามการพูดจาปราศรัยของนายลี เซียน ลุง จะเห็นว่าระยะหลังแกพูดถึงคณะผู้นำรุ่นใหม่บ่อยมาก ผู้คนเชื่อกันว่าหลังจากการเลือกตั้งทั่วไป ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2555 ก็เป็นไปได้ที่นายลีผู้ลูกอาจจะเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปอีกเพียงสมัยเดียว จากนั้นก็จะปล่อยหน้าที่การบริหารบ้านเมืองไปให้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ซึ่งตอนนี้ก็คงจะกำลังฝึกงานการบริหารกันอย่างเข้มข้น


    ความบันเทิงเริงใจของนิติภูมิในสมัยก่อนตอนโน้นก็คือ การไปท่องเที่ยว ไปดื่มเหล้าเข้าสังคมกับเพื่อน หรือไม่ก็ออกไปหาซื้อหนังสือมาอ่าน แต่ในสมัยนี้ เพราะความเฒ่าชะแรแก่ชรามาเยือน ทำให้ผมเที่ยวแบบก่อนไม่สนุก แถมโลกทุกวันนี้ยังมีอินเตอร์เน็ตให้ท่อง ผมเที่ยวไปในโลกไซเบอร์สนุกกว่าเที่ยวในโลกมนุษย์ สนใจผู้คนในประเทศไหน ผมก็เข้าไปอ่านประวัติตั้งแต่เกิดจนถึงปัจจุบัน ไม่ใช่เปิดไปดูแค่รูปร่างหน้าตา ทว่า ผมอ่านลึกเข้าไปในเรื่องของการศึกษา และการเตรียมตัวของผู้บริหารประเทศ และพวกสมาชิกรัฐสภา พบว่าประเทศอย่างจีน อินเดีย เกาหลี ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ฯลฯ นั้น คนที่จะก้าวเข้ามาทำงานตรงนี้ ต้องเป็นยอดมนุษย์ของแท้จริงๆ

    ทรัพยากรมนุษย์ของไทยในปัจจุบันทุกวันนี้ ยังไม่แย่กระไรนัก ยังพอถูไถนำชาติบ้านเมืองไปได้อย่างถูลู่ถูกัง ทว่า มนุษย์พันธุ์ไทยที่จะก้าวขึ้นไปเป็นนักบริหารถัดจากรุ่นเรา ผมว่าน่าเป็นห่วง เขียนไปพูดไปก็จะวนไปที่เรื่องของการศึกษา


    ในกลุ่มอาเซียนนี่ ก็ไม่ใช่เราเพียงชาติเดียวดอกครับ ที่จะเผชิญกับปัญหานี้ ผมว่ายังมีเวียดนามอีกชาติหนึ่ง ซึ่งเมื่อก่อนย้อนหลังไปสัก 6-10 ปี ผมเขียนชมการสร้างทรัพยากรมนุษย์ของประเทศนี้มาตลอด ถ้าสังเกตผู้อ่านท่านจะเห็นว่าระยะหลังมานี้ ผมเงียบไปในเรื่องทรัพยากรมนุษย์ของเวียดนาม เพราะตั้งแต่สถานีโทรทัศน์ญวนปล่อยให้หนังเกาหลีเข้ามามีบทบาท คุณภาพเยาวชนคนญวนในสมัยนี้ล้มไม่เป็นท่า มีแต่เรื่องบ้าบอคอแตก ในสถาบันการศึกษาก็มีแต่นักเรียนหญิงตีกันเพื่อแย่งผู้ชาย ไปกันใหญ่ กู่ไม่กลับแล้วครับ เพื่อนผมไปทำโรงงานที่เวียดนามเล่าว่า ความบ้าวัตถุนิยมของเยาวชนญวนในขณะนี้มีมากกว่าเยาวชนคนในสังคมไทยซะอีก

    กลับมาเรื่องความพิถีพิถันในการคัดคนของสิงคโปร์ หลังจากเขตเศรษฐกิจเสรีสมบูรณ์เต็มที่ในปี พ.ศ.2558 ผมเชื่อว่าสิงคโปร์กินรวบทั้งภูมิภาคแน่."


    นิติภูมิ นวรัตน์ จากส่องโลก 5/11/10 ไทยรัฐ

    อ่านเรื่องสิงคโปร์แล้วทึ่งในความรักชาติและมองการณ์ไกล ทั้งที่เป็นประเทศเล็กๆไม่มีทรัพยากรทางธรรมชาติมากมายแต่กลายมาเป็นประเทศผู้นำทางเศรษฐกิจที่แข่งกับจีนได้อย่างสบายๆเพราะเขาเตรียมคนของเขาแบบนี้นี่เอง หันมาแลไทย แล้วเราช่วยกันเตรียมคนของเราหรือยังคะ เด็กทุกคนมีสิทธิเติบโตมาเป็นผู้บริหารที่ดีได้ค่ะ (บริหารตัวเอง ผู้อื่นและประเทศชาติ)

    "การให้ความช่วยเหลือเด็ก เหมือนเรากำลังช่วยสร้างชาติ เพราะเด็กในวันนี้คือผู้ใหญ่ในวันหน้า" ช่วยๆกันนะคะ สู้ๆๆๆ:l-


  2. #2
    เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ สัญลักษณ์ของ คนบ้านบ้าน
    วันที่สมัคร
    Mar 2009
    กระทู้
    452
    lสนับ สนุน ครูพันธุ์ใหม่ ทำให้เด็กฉลาด ชาติเจริญครับ

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •