-
ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย
ซื้อขายประกันชีวิต...ทางโทรศัพท์
ซื้อขายประกันชีวิต...ทางโทรศัพท์ (Lisa ฉ.4/2553)
โดย อ.ประมาณ เลืองวัฒนะวณิช
น.บ. , น.บ.ท. , น.ม. (กฎหมายมหาชน)
ชีวิตยุคปัจจุบันนี้ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีครับ และเมื่อพูดถึงเทคโนโลยีแล้ว ก็คงไม่มีสิ่งใดเกินไปกว่า “โทรศัพท์มือถือ” แล้วครับ ผมหล่ะอยากสำรวจจริงๆ ว่ามีใครหน้าไหนในประเทศไทยบ้างครับที่ไม่ใช้โทรศัพท์มือถือ คำตอบที่ได้ก็คงจะเป็นชาวบ้านที่อยู่ห่างไกลออกไปไม่กี่คนในหมู่บ้าน เพราะทุกวันนี้โทรศัพท์มือถือนั้นมีสัญญาณการรับส่งกว้างไกลแถมค่าบริการก็ไม่แพงมาก ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเจ้าของธุรกิจพันแปดร้อยล้านหรือกรรมกรค่าแรงไม่กี่สิบบาทต่อวันต่างก็มีโทรศัพท์มือถือเป็นเหมือนบัตรประชาชนไปแล้วจะต่างกันก็ราคาและบริการเสริมต่างๆ ซึ่งปัจจุบันโทรศัพท์มือถือก็มีบริการเสริมมากมาย ขึ้นอยู่กับว่าคุณพร้อมจะจ่ายค่าบริการเสริมต่างๆ หรือไม่
ถามขายสินค้าและบริการ...ผ่านโทรศัพท์มือถือ
เมื่อโทรศัพท์มือถือทุกเครื่องในประเทศไทยจำเป็นต้องจดทะเบียนว่าใครเป็นเจ้าของเบอร์โทรศัพท์ ดังนั้นบริษัทที่ให้บริการโทรศัพท์มือถือก็ย่อมมีข้อมูลของลูกค้า ซึ่งคุณก็ไม่ต้องแปลกใจหากคุณจะได้รับข้อความสั้น SMS เพื่อขายสินค้าหรือบริการประเภทต่างๆ ซึ่งหากมันน่ารำคาญคุณก็สามารถโทรศัพท์เข้าไปที่ศูนย์บริการโทรศัพท์มือถือของคุณให้ระงับการรับ SMS โฆษณาขายสินค้าหรือบริการได้นะครับ นอกจากการได้รับ SMS แล้วบางคนอาจจะรำคาญใจกับการรับสายจากบริการด้านการตลาดทางโทรศัพท์ประเภทขายสินค้าหรือบริการต่างๆ โดยเฉพาะขายบัตรเครดิตหรือขายประกัน
อันนี้หากไม่ต้องการคุณก็ต้องปฏิเสธไปเลยนะครับ เช่น ถ้าเขาเสนอให้สมัครบัตรเครดิตคุณก็อาจจะบอกว่า “ชื่อดิฉันยังอยู่ในบัญชีดำของเครดิตบูโรอยู่เลย” หรือไม่ก็ “กำลังจะย้ายไปทำงานต่างจังหวัดแล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้บัตรเครดิต” ฯลฯ ส่วนการเสนอขายประกันชีวิตนั้นง่ายๆ เลยครับบอกไปเลยว่า “มีแล้ว พอแล้ว” หรือไม่ก็บอกว่าเป็นโรคร้ายโดยเฉพาะโรคที่ประกันฯ ทั้งหลายไม่อยากจะรับเป็นลูกค้า เช่น ความดันโลหิต เบาหวาน มะเร็ง ฯลฯ
ถามขายประกัน...ผ่านโทรศัพท์มือถือ
บริการหนึ่งที่มักถูกเสนอขายทางโทรศัพท์มือถือก็คือ “การขายประกัน” ซึ่งผู้ที่ถูกเสนอขายมักจะเป็นผู้ถือบัตรเครดิต ซึ่งบริษัทประกันชีวิตและบริษัทประกันภัยจะได้ข้อมูลลูกค้าจากบริษัทผู้ให้บริการบัตรเครดิต แล้วจะมีเจ้าหน้าที่โทรศัพท์ ไปเชิญชวนให้ซื้อประกัน ที่นิยมมาก คือการขายประกันอุบัติเหตุ โดยผู้รับโทรศัพท์มักได้รับการหว่านล้อมว่าการซื้อประกันผ่านโทรศัพท์เบี้ยประกันจะต่ำ เฉลี่ยเดือนละ 150-200 บาท และได้รับวงเงินความคุ้มครองสูง 100,000 – 500,000 บาท ซึ่งจากข้อมูลการร้องเรียนผ่านสายด่วนประกันภัย 1186 ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ประชาชนจำนวนมากถูกหลอกให้ซื้อประกันภัยและประกันชีวิตทางโทรศัพท์ ซึ่งต่อมาเมื่อเกิดอุบัติเหตุแล้วกลับไม่สามารถเรียกร้องค่าสินไหมได้ตามที่เสนอขายไว้
เพื่อป้องกันการถูกหลอก ถ้ามีคนติดต่อมาขายประกันทางโทรศัพท์ ให้คุณสอบถามชื่อ นามสกุล ชื่อของบริษัทประกันภัยและเลขที่ใบอนุญาตการเป็นนายหน้าขายประกัน และถ้าคุณตัดสินใจไปแล้วไม่พอใจสามารถยกเลิกได้ภายใน 15 วันครับ
อย่าพูดว่า “ ค่ะ” “ตกลง” หรือ “สนใจ”
ปัญหาหนึ่งที่เป็นผลจากการที่มีบริการเสนอขายประกันทางโทรศัพท์ก็คือ บริษัทประกันหลายแห่งใช้วิธีการโทรศัพท์เข้าไปที่เบอร์มือถือของผู้บริโภคและชักชวนให้ทำประกันชีวิต โดยอวดอ้างว่ามีสิทธิประโยชน์มากมาย ผู้บริโภครายหนึ่งตัดความรำคาญเลยบอกว่า “ค่ะ” เพียงแค่คำเดียว ก็มีการบันทึกเสียงไว้ว่าผู้บริโภครายนั้นสมัครบริการประกันชีวิตแล้ว พอต้องการยกเลิกก็ไม่ยอมและแจ้งว่าให้ชำระเงินงวดแรกก่อนแล้วค่อยยกเลิกภายหลัง แบบนี้ต้องไปฟ้องร้องเป็นคดีผู้บริโภคที่ศาลสถิตยุติธรรมใกล้บ้านท่านได้เลย แถมไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมในการฟ้องร้องหรือดำเนินคดีอีกด้วยนะครับ เพราะได้รับการยกเว้นตามพ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551 มาตรา 17 และมาตรา 18 ครับ
อย่างไรก็ตาม คุณผู้อ่านจำไว้เลยนะครับว่าอย่าบอกรับทางโทรศัพท์ ว่า "สนใจ" หรือ "ตกลง" เพราะอาจถือได้ว่าสัญญาได้เกิดขึ้นแล้ว และหากคุณต้องการยกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยหรือประกันชีวิต คุณอาจต้องเสียค่ายกเลิกกรมธรรม์ตามระเบียบของบริษัทประกันก็เป็นได้ ดังนั้นขอแนะนำว่าหากได้รับโทรศัพท์เสนอขายประกันให้ยืนยันเสียงแข็งว่า “ไม่” หรือไม่ก็ขอให้เขาส่งตัวแทนประกันมาพบเพื่ออธิบายผลประโยชน์ อย่าพูดแม้แต่คำว่า “สนใจ” เพราะอาจมีผลผูกพันท่านตามสัญญาประกันภัยทันทีเลยนะครับ
ขอขอบคุณ อ.ประมาณฯเจ้าของบทความทางกฎหมายครับ
-
ฝ่ายกิจการพิเศษ
..ผมเองก็เคยเป็นตัวแทนขายประกันชีวิต และเป็นลูกค้าของบริษัทประกันชิวิตเหมือนกัน... การตอบรับทางโทรศัพท์จะถือว่าเป็นการยินยอมหรือตกลงไม่ได้ คือสัญญาการทำประกันยังไม่เกิด แต่ตัวแทนขายประกันอาจพูดจาหว่านล้อมให้กลัว ผู้ที่จะทำประกันชีวิตต้องมีแบบฟอร์มเอกสารกรอก ลงรายละเอียดต่างๆให้ครบ ทั้งผู้ทำประกัน
ต้องระบุผู้รับผลประโยชน์ให้ถูกต้องชัดเจน เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการออกกรมธรรม์ ถ้าทำประกันในวงเงินที่สูง ทางบริษัทประกันก็อาจให้ลูกค้าตรวจสุขภาพเพิ่ม..ส่วนการประกันภัยต่างๆ ก็คล้ายๆกัน...
..เพราะฉะนั้น อย่าไปกลัวครับแค่การพูดคุยทางโทรศัพท์ เพราะตัวแทนประกันคงไม่
สามารถทำอะไรได้มากกว่าสร้างความรำคาญเล็กๆน้อยๆ เพราะที่ผ่านมาก็ไม่มีตัวแทนประกันรายไหนไปแจ้งความแค่การโทรไปหาลูกค้า ลูกค้ารับปากแล้วเปลี่ยนใจไม่ทำ
ประกันชิวิต... ที่สำคัญอย่าบอกรายละเอียดเกี่ยวกับตัวเราให้เขารู้ เช่น เลขที่บัตรประชาชน เลขที่บนบัตรเครดิตทั้ง 16 หลัก เพราะถ้าบอกไปเราอาจต้องตามแก้ปัญหาในภายหลัง
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย กำพร้าผีน้อย; 15-11-2010 at 09:21.
-
ร่วมถ่ายทอดความรู้สู่สังคม
เจอมาหลายเทื่อแล้วคับ ทั้งที่ฮู้แต่บางเทื่อกะตอบตกลงไป จักเป็นอีหยังแล้วกะยากเจ้าของโทรไปยกเลิก ...ทีหลังท่องไว้ๆ อย่าไปเชื่อคนปากหวาน
-
ศึกษาหาความรู้
เห็นด้วยกับอ้ายบ่าวยางตลาดจ้า...ตัวแทนขายประกันชีวิตทุกคนทุกบริษัทมีจรรยาบรรณค่ะ
-
ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย
ขอยืนยันว่าเกิดขึ้นจริง
ผมขอยืนยันว่า เรื่องนี้มันเกิดขึ้นจริงและเกิดขึ้นกับตัวผมเองด้วย จึงอยากให้สมาชิกเราได้รู้เท่าทัน ส่วนมากมันจะเกิดขึ้นกับคนที่มีบัตรเฟิร์สช้อย อีออน ฯลฯ ของผมมีบัตรเฟิร์สช้อย
ครับ โทรหาผมประมาณ 4 ครั้ง บอกว่ามาจากกรุงศรีเฟิร์สช้อยค่ะขออนุณาตบันทึกเสียงการสนทนานะคะ คุณได้รับสิทธิพิเศษ...(ร่ายยาว)...ผมปฏิเสธและถามว่าเป็นการขายประกันใช่หรือไม่ เขาตอบว่า ใช่ ผมด่าไปว่ามีที่ไหนเขาทำกันขายประกันทางโทรศัพท์แล้วผมก็ปิดเครื่อง หลังจากนั้นก็ยังโทรมาอีกหลายครั้ง โดยเปลี่ยนคนสนทนา..
-
ศิลปิน นักแสดง
หืออออ สาวอำนาจ ฟ้าวออกโตน้อเผิ่น อิอิ
กฎการส่งข้อความ
- You may not post new threads
- You may not post replies
- You may not post attachments
- You may not edit your posts
-
กฎฟอรั่ม
Bookmarks