ต่อคำถามที่ว่าทำไมต้นไม้จึงทำให้เกิดฝน
คำตอบก็คือ
ฝนเกิดมาจากเมฆ
เมฆนี้มาจากไอน้ำที่ไหนก็ได้ไม่จำเป็นต้องมาจากต้นไม้ เพราะส่วนใหญ่มาจากทะเล เมื่อรวมตัวเป็นเมฆแล้ว เมฆก็จะรวมตัวกันมากขึ้นเรื่อยๆ...จนไม่สามารถที่จะพยุงตัวไว้ได้ จึงต้องตกลงมาเป็นฝน
แต่ในบางพื้นที่ฝนตกได้ยาก เช่นทะเลทราย หรือ เมืองใหญ่
เหตุผลก็คือ
1 คลื่นความร้อน(อินฟาเรด) ที่มาจากดวงอาทิตย์ลงมาที่พื้นโลกแล้วสะท้อนกลับขึ้นไปแหวกเมฆออกไปที่อื่น
2 อุณภูมิสูงนี้ทำให้เมฆไม่ยอมควบแน่นซะที
ในส่วนต้นไม้นั้น
พบว่าต้นไม้มีคุณสมบัติดูดคลื่นอินฟาเรดได้ดีพอสมควร(ดีกว่าหิน ทรายและตึก) จึงทำให้ไม่มี คลื่นความร้อนไปกระทำต่อเมฆ
ดังนั้นที่มีต้นไม้มากเช่น ป่า หรือตามชนบทที่มีป่า ฝนจะตกได้ดี แม้เมฆไม่หนาฝนก็ตกได้ นี่คือคำตอบว่า ต้นไม้ช่วยให้ฝนตกได้
ป่า
ในความเป็นจริงแล้ว ป่าไม่ต้องไปปลูกก็จะสามารถขึ้นเองได้ตามธรรมชาติ
แต่ขอเพียงแต่คนอย่าเอาพื้นที่เพาะปลูกกับพื้นที่เมืองลุกเข้าไปในป่าก็พอ เพราะสิ่งที่ทำกันทุกวันนี้ก็คือการทำร้ายป่า
ป่าเกิดจากลักษณะภูมิอากาศกับลักษณะภูมิประเทศประกอบกัน
อย่างบริเวณที่เป็นประเทศไทยอยู่ในภูมิประเทศและภูมิอากาศที่เอื้อต่อการดำรงซึ่งความอุดมสมบูรณ์ของป่าอยู่แล้ว ปัจจัยตามธรรมชาติจะทำให้ป่าฟื้นตัวเองได้ไม่ยากนักเลยเชียวละค่ะ
สมมุติว่าวันใด และจะด้วยเหตุใดก็แล้วแต่ ถ้าผู้คนพร้อมใจกันอพยพออกจากพื้นที่ที่เป็นประเทศไทยจนหมด
เชื่อหรือไม่ว่าหลังจากนั้นภายใน 20 ปี พื้นที่ประเทศไทยก็จะมีป่าปกคลุมเกือบ 100% และที่สำคัญก็คือสามารถที่จะเป็นป่าดิบอุดมสมบูรณ์เกือบหมดใน 40 - 60 ปี ทีเดียวเลยค่ะ
และอีกประมาณ 100 กว่าปี ก็จะพบว่าสำหรับที่ที่เคยเป็นพื้นที่เมือง หรือเป็นถนนหรือเป็นคอนกรีต จะโดนพลังของป่าค่อยๆแทรกชำแรกจนกลายเป็นซากปรักหักพังไป อย่างเช่นเมืองในประวัติศาสตร์ทั้งหลายนั่นเอง
ถ้าเรา ที่ดินว่างเปล่าเพียง100 ตารางวากลางกรุงเทพ
ท่ามกลางป่าคอนกรีตล้อมรอบมีคนซื้อแล้วปล่อยทิ้งไว้สัก 5 ปี
ก็จะกลายเป็นที่ที่รกไปด้วยวัชพืช
หากอีก 10 -20 ปีต่อมายังไม่มีใครเหยียบย่างเข้าไป
จะเริ่มมีต้นไม้ใหญ่ขึ้นและเจริญเติบโตโดยไม่ต้องมีคนคอยดูแล
กลายเป็นระบบนิเวศเล็กๆที่มีความสมบูรณ์ในตัว
สรุปก็คือ คนอย่าไปบุกรุกทำลายป่า ป่าก็พร้อมจะฟื้นตัวเองอยู่แล้ว….
Bookmarks