แสงแดดอ่อนๆตอนใกล้จะผ่านไปศักราชใหม่ ตอนเช้าๆสร้างความอบอุ่นให้กับผู้เฒ่า ผู้แก่และเด็กน้อยชาวชนบทเป็นอย่างดี
ยายทุมกับหลานน้อย พากันปูเสื่อนั่งผิงแดดอยู่หน้าบ้าน อินางน้อยกับบักเคนและพี่เขยช่วยกันเอาข้าวขึ้นเก็บในยุ้งข้าว เป็นอันหมดหน้าฤดูเก็บเกี่ยวและทำนาไปอีกปี
" อ้ายเคนเจ้าบ่ไปถามข่าวเอือนอิสายติ พ่อใหญ่มีเลาเอาข้าวขึ้นเล้าหละไป่" เสียงถามแบบแหย่ๆพี่ชายนิดหน่อย
" บ่แหล่ว เพิ่นสิแล้วหละตี้ ปานนิ " บักเคนตอบแบบไม่มองหน้า มือก็ตักข้าวเปลือกใส่ถังไป
" ไปบ่หละ มื้อแลงสิพาไปถาม " อินางน้อย พูดพลางยิ้มพลาง นึกเอ็นดูกัท่าทีขัดเขินๆ ในบางครั้งของพี่ชาย
วันนี้รู้สึกบ้านของยายทุมจะอบอุ่นเป็นพิเศษ ครูขุนไม่ได้ออกไปสอนหนังสือเด็กน้อย เพราะเป็นวันหยุดวันส่งท้ายปีเก่า บ้านของอิจันลูกสาวคนโต ก็ยกสำรับกับข้าวมากินด้วยกันที่บ้านของยายทุม เด็กน้อยหน้าตาขะมุกขะมอม เล่นกันอยู่ใต้ต้นมะขาม ส่วนผู้ใหญ่ก็นั่งล้อมวงคุยกันอยู่บนแคร่ ใต้ถุนบ้าน
"เคน เฮดหยังกินหละ " ครูขุนเอ่ยปากถามน้องชาย จากที่พี่น้องทั้งสองไม่ค่อยมีโอกาสได้คุยกันบ่อยนัก
"ปลายุหนองมันน้ำค่อนแล้ว เลยว่าสิสา เอามาให้อิแม่ตากแห้ง สุมนี้กะสิก้อยกับต้มใส่หง่ายมื้อนี้หละ " ปากพูดไป แต่ตาไม่ได้หันมามองผู้เป็นพี่ชาย
" เคน มื้อแลงพาอ้ายไปเล่นสาวแน่ " ครูขุนพูดไป พลางทำหน้ายิ้มย่อง ในหัวใจที่กำลังมีรัก
" สาวได่ หละ " บักเคนถามไป แบบไม่อยากรู้คำตอบเท่าได่นัก
" สาวทางคุ้มใต้ พุ้นหละ " เสียงตอบเรียบๆจากพี่ชาย เล่นเอาหัวใจบักเคนแทบหล่นมาอยู่ตาตุ่มแทน
" บ่ยากดอก " บักเคนตอบพี่ชาย พร้อมกลืนก้อนแข็งๆที่ทันจุกอยู่ที่คอลงไป
อาหารเช้าวันนั้นผ่านไปแบบอบอุ่น ทุกคนพูดถึงเรืองการทำมาหากินและการเฉลิมฉลองวันขึ้นปีใหม่ ส่วนในใจของบักเคน ไม่รุ่มร้อนผิดปกติ มันจะทำหน้าอย่างไร เมือไปถึงบ้านสาวที่พี่ชายมันหมายปอง ซึงเป็นคนเดียวกันกับที่ใจมันถวิลหาอยู่ตลอดเวลานั่นเอง
" แม่ ข้อยกับบักเคน สิออกไปหาเบิงผุสาวเข็นฝ้ายทางคุ้มใต้เด้อแม่ " พอสิ้นแสงตะวันของวันนั้น หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จ ครูขุน เอ่ยปากบอกกับแม่ในกิจกรรมที่จะทำต่อไป
" พากัน เบิ่งหมาแน่หละ " ยายทุมพุดไป ยิ้มไป นึกเอ็นดูลูกชายตังเองยิ่งนัก
ระหว่างทางที่เดินไป บ้านสาว ครูขุนกับบักเคนน้องชายไม่ได้คุยอะไรกันมากนัก จิตใจบักเคนมันกะสับกะส่าย อยากหันหลังกลับบ้านซะให้มันแล้ว แต่ติดที่เกรงใจพี่ชายคนเดียวของมัน
เป็นปกติของบ้านอิสาย และสาวชาวบ้านคนอื่นๆหลังกินข้าวเสร็จ พ่อใหญ่มีก็นั่งสูบบุหรี่อยู่ชานบ้าน นางสำรวย ผู้เป็นเมียและแม่ของอิสายก็พาลูกสาวเข็นฝ้ายอยู่อีกทาง
"อ้าว มาธุระอันได่หละครู " เสียงทักทายจาก พ่อใหญ่มี ถึงแขกผู้มาเยือน
"มาถามข่าว ข้าวขึ้นเล้าแล้วหละบ่อน่อ พ่อใหญ่ " ครูขุนตอบรับคำทักทายอย่างเป็นกันเอง เพราะคุ้นเคยกันมาตั้งแต่ยังบวชอยู่ที่วัดแล้ว
" มา มา ขึ้นมานั่งเทิงพี่ โสกันก่อน " เสียงตอบรับอย่างเป็นมิตร จากพ่อใหญ่มีเชื้อเชิญให้ แขกขึ้นมาบนบ้าน
บักเคนนั่งรอพี่ชายอยู่ข้างล่าง สายตาของมันไม่วายที่จะมองไปยังอิสายซึ่งนั่งอยู่กับแม่ไม่ไกลมากนัก ช่างเป็นโอกาสดีที่สายตาของบักเคนจะได้มองสาวแบบเต็มๆตาโดยไม่ต้องขัดเขิน
ครูขุนพูดกับพ่อใหญ่มีสามสี่คำ โดยที่บักเคนจับใจความไม่ได้ว่าพูดอะไรกันบ้าง เพราะความสนใจของมันไม่ได้อยู่ที่พี่ชายเท่าไหร่นัก
'' เคน ขึ้นมานี้กะน๊า .." บักเคนสะดุ้งนิดหน่อย ที่ได้ยินเสียงพี่ชายเรียกให้ขึ้นบ้าน
" สาย มาเว่านำอ้ายให้อ้ายถามข่าวจักน่อย แน่หล่า " เสียงเรียกเบาๆ จากครูขุน เรียกให้สองหนุ่มสาว เข้ามาหา หลังจากที่พ่อใหญ่มีกับแม่ของอิสายจะเดินเข้าบ้านไป ปล่อยให้หนุ่มสาวได้มีโอกาสคุยกัน
"เคนเอ้ย ..มึงกะเป็น้องชายคนเดียวของอ้าย อ้ายเกือบเอดให้น้องชายอ้ายเสียใจ คั่นอินางน้อยมันบ่วาเว่านำอ้าย เทิงอ้ายกะถามสายคักแล้ว จั่งได้มั่นใจว่าน้องสองคนฮักกัน
มีหยังกะเว่ากันเด้อหล่า บาดนิ เว่ากันเบิ่ง ถามกันเบิ่ง อ้ายสิไปถ่ายุทางล่างเด้อ"
คำพูดจากผู้เป็นพี่ชายสร้างความตกตะลึงและความซึ้งใจ จากน้ำใจของพี่ชายให้แก่บักเคนได้เป็นอย่างมาก มันได้แต่ขอบคุณพี่ชายเบาๆ และเงยหน้าขึ้นมามองหน้าของอิสาย สาวทีมันปักใจรักสุดหัวใจ
เป็นครั้งแรกที่สองหนุ่มสาวได้คุยกันแบบที่ไม่ต้องเก็บความรู้สึก หลังจากที่มรสุมลูกใหญ่ผ่านพ้นไป เวลาผ่านไปเกือบชัวโมง ก่อนที่สมควรแก่เวลาที่จะต้องกลับ
"เข้าพรรษาปีนี้อ้ายสิบวช แล้วอ้ายสิให้อิแม่ มาเว่ากับพ่อใหญ่เพิ่นเรืองของเฮา สายสิขัดข้องบ่หล่า'' เสียงบักเคนเอ่ยถามเบาๆ
'' แล้วแต่ อ้ายเคนว่านั่นแหล่ว อิพ่อเลาว่าหยังกะถามเลาเบิ่งเอาเด้อ " อิสายพูดพลางก้มหน้า เก็บความเขินอาย
ออกพรรษาปีนั้น หลังจากที่เคนบวชเพื่อทดแทนพระคุณแม่ และได้ศึกษาร่ำเรียนพระธรรม เรียบร้อย งานแต่งงานของเคนและสายได้จัดขึ้นอย่างเรียบง่าย ตามประเพณี ของชาวอิสาน บักเคนต้องมาเป็นเขยสมาชิกใหม่ของชาวคุ้มใต้ และอีก 10 ปีต่อมา เคนได้เป็นผู้ใหญ่บ้านที่มีคนนับหน้าถือตา ของชาวบ้านเป้นอย่างมาก สืบเนื่องมาจากความขยัน อดทน จนสามารถสร้างฐานะครอบครัวและเป็นเกษตรตัวอย่างที่ได้รับพระราชทานจากหลวง
อินางน้อยก้ได้แต่งงานและมีครอบครัวกับสมศักดิ์ลูกชายเถ่าแก่หลี่ เจ้าของโรงสีข้าวที่ใหญ่ทีสุดในอำเภอ จากการทีสมศักดิ์มาตกหลุมรักน้องสาวเพื่อนหรือครูขุน นั่นเอง
ส่วนครูขุนก็ได้แต่งงานกับครูแดง ครูสาวต่างหมู่บ้าน จากความใกล้ชิดที่ได้ไปร่วมงานกันและมีทายาทด้วยกัน สามคน
( ชีวิตแต่ละชีวิตดำเนินไปตามกาละเวลา ถึงอาชีพและโอกาสของคนสิต่างกัน ไก่น้อยตั้งใจเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาย้อนอยากสื่อถึงความรักของพี่น้องแม้สิขาดพ่อ แต่ความรักของพี่น้องยังมั่นแก่น และความรักของครอบครัวสิค้ำจุนเฮาไป ถ้าเฮามีความรักทีมั่นคงต่อกันจ้า )
Bookmarks