ปลายขวานทอง 1
เรื่องราวที่เล็กจะนำเสนอ เป็นเรื่องราวที่นำเรื่องที่เกี่ยวกับปลายขวานทองในเหตุการณ์ ภาคปัจจุบัน ผนวกกับภาคในอดีต ให้ได้รับทั้งเหตุการณ์ปัจจุบัน และเหตุการณ์ในอดีตไปพร้อมกันค่ะ
แล้วเราค่อยมาศึกษาภาพรวมปัจจุบัน กับภาพในอดีตตั้งแต่ปี 2545 นะคะ
อาจจะได้บทเรียนสอนใจได้อย่างหนึ่งทีเดียวค่ะ
ภาพข่าวจากกรุงเทพธุรกิจ
ภาพข่าวจากคมชัดลึก โจรใต้วางระเบิดรับปีใหม่ดับ2ศพที่สุไหงปาดี นราธิวาส
ก่อนอื่นสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันขึ้นปีใหม่ไทย 1 มกราคม 2554
บ้านมหาดอทคอม ขอร่วมไว้อาลัยแก่ตำรวจชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ตชด.447 จ.นราธิวาส ด้วยค่ะ
สืบเนื่องมากจากเหตุการณ์ในวันที่ 1 มกราคม 2554 เป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทย บางคนอาจจะกำลังทำบุญใส่บาตร บางคนอาจจะอยู่บนที่นอนทุกคนร่วมฉลองกันอย่างสนุกสนาน
แต่ปลายขวานทองของไทย ได้เกิดเหตุการณ์ที่น่าสลดอย่างยิ่ง นั่นก็คือ
การที่เกิดระเบิด โดยผู้ก่อการร้ายในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
ตำรวจชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ตชด.447 จ.นราธิวาส เข้าเก็บกู้วัตถุระเบิด โดยครั้งแรกใช้หุ่นยนต์ยก แต่ปรากฎว่าหุ่นยนต์เกิดขัดข้อง ล้อติดขัด ด.ต.กิตติฯ จึงสวมชุดบอมส์สูทเข้าเก็บกู้เอง คนร้ายที่รอจังหวะอยู่แล้วก็สั่งระเบิด ขณะที่เครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์ก็ไม่ทำงาน เป็นเหตุให้ ด.ต.กิตติฯ เสียชีวิตทันที โดยแขนขาดกระเด็นไปไกล ร่างกายโดนแรงระเบิดแหลกในชุดบอมส์สูท
วันนี้ (1 ม.ค.) เมื่อเวลา 07.45 น. ร.ต.อ.หมัดอูเซ็ง เหมาะสะนิ ร้อยเวร สภ.
สุไหงปาดี จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุระเบิดขึ้นที่บริเวณริมถนนตรงข้ามร้านขายผักเลขที่ 820/4 ถ.ฉัตรวาริน เขตเทศบาลตำบลปะลุรู ทำให้มีผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บ
จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.พีระพล ณ พัทลุง ผกก.สภ.สุไหงปาดี
นายจำนัล เหมือนดำ นายอำเภอสุไหงปาดี
พ.ต.ท.จันที แจ่มจันทร์ หน.กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส
และเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด นปพ.จ.นราธิวาส รวมทั้งกำลัง
เจ้าหน้าที่ตำรวจทหารจำนวนหนึ่งรุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ทั้งนี้ เมื่อถึงที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ทำการปิดกั้นการจราจรก่อนเข้าตรวจสอบ และพบว่ามีศพเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนซึ่งสวมชุดบอมบ์สูทนอนเสียชีวิตจมกองเลือดอยู่ข้างรถยนต์ที่ล้มตะแคงอยู่ นั่นคือ ด.ต.กิตติ มิ่งสุข อายุ 50 ปี ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิดสังกัด ตชด.447 บ้านเจาะวา อ.สุไหงปาดี โดยอยู่ในสภาพที่ร่างกายแหลกเหลวจากอนุภาพของแรงระเบิด
ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ อส.ที่ว่าการอำเภอสุไหงปาดี และชาวบ้าน มีพลเมืองดีได้นำตัวส่งรักษาโรงพยาบาลสุไหงปาดีไปก่อนหน้าแล้ว
ที่เกิดเหตุพบว่ามีเศษซากชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในกล่องเหล็กหนัก 5 ก.ก.จุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือตกกระจายเกลื่อนพื้นถนน และยังมีบ้านของชาวบ้านได้รับความเสียหายอีกจำนวน 2 หลัง
ต่อมาผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาล จ.ส.ต.กฤษดา ทองโอ ซึ่งเป็น ผบ.หมู่งานจราจร สภ.สุไหงปาดี มีบาดแผลถูกสะเก็ดระเบิดเข้าที่หน้าอกตัดขั้วหัวใจได้เสียชีวิตเพิ่มเติมอีก 1 นาย
ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 9 ราย ซึ่งถูกสะเก็ดระเบิดตามบริเวณลำตัวและแขนขา ประกอบด้วย
1. ร.ต.อ.วรวิเชียร คงถม หน.ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด ตชด.447,
2.ด.ต.เจริญ โต๊ะหมอ เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด ตชด.447,
3.ส.ต.อ.ศราวุธ ชูภักดี ผบ.หมู่งานป้องกันและปราบปราม สภ.สุไหงปาดี,
4. อาสาสมัครอุสตาแม ยือละ อส.สุไหงปาดี,
5. อาสาสมัครธีระศักดิ์ สะแลแม,
6. ด.ช.รุสดี เจ๊ะอาแว,
7.น.ส.รุสดียา อาแวกะจิ,
8. นายอนันต์ ทองหลอด และ
9. นายรอปีอาม อารง
นายสว่าง ทองนพคุณ เจ้าของร้านขายผัก เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุได้มีชายวัยรุ่นจำนวน 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดแล้วนำวัตถุต้องสงสัยซึ่งใส่ไว้ในตะกร้า และมาวางไว้ที่ริมถนนตรงข้ามบ้านพักอย่างมีพิรุธ จึงได้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่มาทำการตรวจสอบ
เมื่อรับแจ้ง ร.ต.อ.วรวิเชียร หัวหน้าชุดหน่วยเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด ตชด.447 และพวกเดินทางมาถึง โดยให้ ด.ต.กิตติ ผู้ตายสวมใส่ชุดบอมบ์สูทเข้าทำการตรวจสอบวัตถุต้องสงสัย โดยมี จ.ส.ต.กฤษดา ผู้ตายอีก 1 นาย ซึ่งเป็นตำรวจจราจร ทำหน้าหน้าที่วางแผงเหล็กกันเส้นทาง เพื่อป้องกันผู้ไม่เกี่ยวข้องและชาวบ้านออกห่างจากจุดเกิดเหตุ 50 เมตร
ทันใดนั้นคนร้ายที่แฝงตัวอยู่ในละแวกจุดเกิดเหตุ ได้ใช้โทรศัพท์มือถือจุด
ชนวนระเบิดที่นำไปวางไว้ จนเกิดระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ทำให้ ด.ต.กิตติ เสียชีวิตคาที ส่วน จ.ส.ต.กฤษดา ได้รับบาดเจ็บสาหัส และไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล
ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าเครื่องหุ่นยนต์เก็บกู้วัตถุระเบิดเกิดขัดข้อง ทำให้ ด.ต.กิตติ มิ่งสุข อายุ 50 ปี เจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิดสังกัด ตชด.447 เข้าไปเก็บกู้เอง โดยใส่ชุดบอมส์สูท ซึ่งระหว่างการเก็บกู้นั้น ได้เกิดระเบิดขึ้นทำให้ ด.ต.กิตติ เสียชีวิตทันที และสะเก็ดระเบิดยังไปโดน จ.ส.ต.กฤษดา ทองโอ ผบ.หมู่งานจราจร สภ.สุไหงปาดี ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 80 เมตร ทำให้เสียชีวิต แสดงว่าวัตถุระเบิดมีอานุภาพร้ายแรงมาก
บ้านมหาดอทคอมของไว้อาลัยตำรวจหน่วยเก็บกู้ระเบิด ตชด.447 จ.นราธิวาส พร้อมตำรวจจราจร สภ.สุไหงปาดี ด้วยนะคะ ขอให้ดวงวิญญาณผู้ที่เสียสละเพื่อชาติไปสู่ที่สุขคติ ด้วย
........................................................................
และถ้ามองย้อนอดีตที่ผ่านมานั้น
เริ่มแต่ พ.ศ. 2545 เหตุการณ์ที่ ปลายขวานทอง
หลังจากรับปากพี่ที่เป็นทหารชายแดนใต้ ว่าจะพยายามค้นคว้าเรื่องราวของปลายขวานทอง มาให้อ่านให้ได้ ก็พยายามที่จะติดตามเรื่องราวในอดีตที่ละเอียดอ่อนมาก และยากที่จะหาข้อสรุปได้ แต่ทุกอย่างก็เป็นข้อมูลทางประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นกับปลายขวานเล่มนี้ของเราเอง อยากติดตามและพยายามเขียนไม่ให้เกี่ยวข้องกับข้อมูลทางศาสนามากนักค่ะ ก็บอกแล้วว่าละเอียดอ่อนมาก เรื่องนี้ยาวมาก อาจใช้เวลาหลายตอน แต่อย่างไรเสียปลายด้ามขวาน นี้ก็คือดินแดนของประเทศไทย ที่นับวันปัญหาจะหนักและบานปลายมากขึ้น
ทหารในแดนใต้ ถามได้เลยส่วนใหญ่เป็นทหารจากภาคอีสานเรา ซึ่งจำต้องจากบ้านเกิดเมืองนอนไปทำงานที่ชายแดนใต้ มีหลายคนที่นำชีวิตไปทิ้งที่นี่ ไม่เพียงแต่ทหารที่นำชีวิตไปทิ้ง ทราบมาว่าพ่อค้า แม่ค้า ที่เป็น ข้าราชการหน่วยงานของรัฐ ก็เอาชีวิตไปเซ่นสังเวยคนแล้วคนเล่า ณ ดินแดนที่เรียกว่า สามจังหวัดชายแดนใต้ ปลายขวานทองเล่มนี้ ที่นับวันสถานการณ์รุนแรงมาก จนไม่ทราบจะหาทางเยียวยาได้อย่างไร
เล็กเลยถือเอาวันที่หยุดยาว ค้นคว้ามาให้อ่านนะคะ อย่าลืมว่าทุกอย่างเป็นข้อมูลทางประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา และไม่สามารถลบข้อมูลลงไปได้เลยละค่ะ
คราวนี้เรามาเข้าเรื่องราวได้แล้วจ้า เริ่มต้นที่... พ.ศ. 2545
รัฐบาลได้มีการประมวลสถานการณ์ก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้
1 การประเมินสถานการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ 2545
การประเมินสถานการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ รัฐบาลในขณะนั้นประเมินข้อมูลดังนี้
1.1 ข้อมูลแหล่งข่าวระดับสูงของรัฐบาลยืนยันชัดเจนว่า ปัจจุบัน ขบวนการก่อการร้าย (ขจก.) ในประเทศไทยหมดสิ้นไปแล้วอย่างแน่นอน ข้อมูลดังกล่าว สอดคล้องกับข้อมูลของ ซีไอเอ. หน่วยข่าวของรัฐบาลระบุว่า แม้แกนนำองค์กรก่อการร้ายในต่างประเทศจะยังคงอยู่ แต่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากมุสลิม ส่วนใหญ่ในประเทศ โดยเฉพาะผู้นำศาสนาอิสลามคือโต๊ะครู และโต๊ะอิหม่าม เนื่องจากมุสลิมในประเทศไทย ถือเป็นมุสลิมที่สุขสบายกว่ามุสลิมชาติอื่นในโลก (ผู้จัดการรายวัน 9 เม.ย.45)
1.2 นายวิสุทธิ์ สิงหวรกุล อดีต ผอ.ศอบต. เปิดเผยถึงสถานการณ์ความวุ่นวายในจังหวัดชายแดนภาคใต้ในช่วงเดือนมีนาคม 2545 ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรอบนี้ ถือว่าเป็นปัญหาใหม่ ไม่ใช่ผลตกค้างจากประวัติศาสตร์ และมั่นใจว่าข้อมูลทั้งหมดของรัฐบาล ได้วิเคราะห์สถานการณ์ถูกต้องพอสมควรแล้ว โดยปัญหาใหม่เหล่านี้ก็คือ ปัญหาที่เกิดจากภายใน เป็นปัญหาเรื่องของอิทธิพลการสูญเสีย หรือการได้ประโยชน์ของเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานในพื้นที่ (ผู้จัดการรายวัน 29 มี.ค.45)
1.3 พล.อ.กิตติ รัตนฉายา อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า จริง ๆ แล้ว ณ วันนี้ยังไม่มีใครหาคำตอบได้ว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในภาคใต้นั้น เป็นโจรธรรมดา หรือกลุ่มขบวนการ แต่ความจริงเรื่องหนึ่งที่สังคมต้องยอมรับก็คือ ขบวนการโจรก่อการร้ายนั้นยังมีอยู่ โดยส่วนนำอยู่ที่ประเทศมาเลเซีย ตะวันออกกลาง และในกลุ่มประเทศยุโรป ซึ่งแนวร่วมก็คือประชาชนในพื้นที่นั่นเอง"วันนี้ เราชอบพูดว่า ไม่มีแล้วขบวนการ แต่จริง ๆ นั้นมี และเรื่องภาคใต้วันนี้ก็เชื่อมโยงถึงขบวนการแน่นอน" (ผู้จัดการรายวัน 29 มี.ค.45)
แต่ในขณะนั้นแล้ว ความจริงแล้วต้องยอมรับว่า ขจก.ยังมีอยู่ ไม่ว่าจะเป็น
1 หน่วยนำหรือองค์กรนำ
2 กองกำลังเคลื่อนไหว ทั้งที่ถืออาวุธอยู่ในป่าหรืออยู่ในเมือง และ
3 แนวร่วมซึ่งเป็นชาวบ้านและไม่พอใจการปกครอง ไม่พอใจตำรวจ - ทหาร หรือนโยบายรัฐบาล
ปัญหาเหล่านี้สามารถแก้ไขได้โดยการจัดระเบียบสังคม และกำจัดอิทธิพลกลุ่มต่าง ๆ สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับและไม่สามารถปฏิเสธได้คือ
1.ผู้นำองค์กรก่อการร้ายซึ่งอยู่ในต่างประเทศยังมีอยู่ จำเป็นต้องให้กระทรวงการต่างประเทศ สำนักข่าวกรอง หรือบุคคลใดคนหนึ่ง ติดตามและต่อต้าน
2. กองกำลังที่เคลื่อนไหวอยู่ ตำรวจต้องเข้าจัดการ หากเกินกำลังก็สามารถขอทหารเข้าไปช่วยเหลือได้
3. แนวร่วมก่อการร้าย วงจรนี้จำเป็นต้องมีการแยกแยะให้ชัดเจนว่าแนวร่วมเหล่านี้ประกอบด้วยอะไรบ้าง จะแยกโดยการข่าว และการจัดระเบียบสังคม
ถ้ารัฐบาลตอบว่าขบวนการโจรก่อการร้ายหมดแล้ว ถือว่าได้คะแนนศูนย์เลย แทนที่จะได้คะแนนบ้าง (ผู้จัดการรายวัน 9 เม.ย.45)
1.4 เมื่อรัฐบาลประเมินสถานการณ์ในขณะนั้นแล้ว ดังนี้น ก่อนการประชุม ครม.ในวันที่ 29 ต.ค.45 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยืนยันว่า
"เหตุการณืที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวกับการก่อการร้ายข้ามชาติใด ๆ ทั้งสิ้น แต่เป็นความไม่พอใจในประเทศแน่นอน"
และสรุปหลังประชุม ครม.ว่า
"เป็นการก่ออาชญากรรมธรรมดา"
อันตรงกับความเห็นของ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ว่าไม่ใช่ขบวนการก่อการร้าย แต่เป็นพวกก่อกวนมากกว่า
นายวันมูหะหมัดนอร์ มะทา ให้รายละเอียดว่า
"เป็นการกระทำของกลุ่มที่ไม่หวังดี ไม่ใช่เป็นการกระทำของกลุ่มขบวนการใด ๆ แต่เป็นการกระทำของกลุ่มคนไม่กี่คน ที่ใช้วิธีการว่าจ้าง"
ท่าทีของระดับนำของรัฐบาลเช่นนี้สะท้อนเอกภาพในทางความคิดที่สำคัญก็คือ การตัดมิให้เหตุการณ์อันเกิดขึ้นที่จังหวัดสงขลาและจังหวัดปัตตานี เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายสากล ไม่อยากเห็นการโยงเหตุการณ์ที่บาหลี ให้เข้ามาเกี่ยวข้องสัมพันธ์ด้วย เพราะต้องการให้ภาพของไทยเป็นเขตปลอดการก่อการร้าย และให้ไทยเป็นอีกทางเลือกของนักวท่องเที่ยวจากต่างประเทศ (มติชนรายวัน 25 พ.ย.45)
จากการประเมินสถานการณ์ของรัฐบาลในขณะนั้น นำไปสู่การยุบศอ.บต.และ พตท.43
...................................................
ขอบคุณ
ศูนย์ข่าวอิศรา
หอมรดกไทย
วิกิพีเดีย
ผู้จัดการ
มติชน
คมชัดลึก
แนวหน้า
ไทยรัฐ
...............................................................
Bookmarks