ธรรมะในทัศนะของอาตมานี้ง่ายนิดเดียว คือ ศิลปะในการดำเนินชีวิตเป็นแค่นี้จริงๆ คนเราถ้ามีศิลปะในการดำเนินชีวิตหันมาสนใจธรรมะว่าพระพุทธเจ้าตรัสไว้อย่างไรแล้วเราก็ปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์ พระพุทธเจ้าตรัสว่าอันนี้ไม่ดีเราก็ถอยออกมา แค่นี้ชีวิตก็ประสบความสำเร็จแล้ว แต่ที่เราไม่ประสบความสำเร็จก็เพราะที่พระพุทธเจ้าบอกว่าไม่ควรทำ เรายังดึงดันที่จะทำใช่หรือไม่ สิ่งที่น่าจะทำ เรากลับไม่สนใจ ชีวิตจึงย่ำแย่ เพราะฉะนั้นธรรมะไม่ใช่คำที่นิยามยากในทัศนะของอาตมา แต่คนอื่นอาจจะนิยามยากก็ได้

สำหรับคนรุ่นใหม่อาจจะบอกว่าธรรมะคือปรัชญาในการดำเนินชีวิตถ้าเรามีปรัชญาในการดำเนินชีวิตที่ดี ชีวิตเราก็ดี ถ้าเรามีปรัชญาในการดำเนินชีวิตที่แย่ ชีวิตเราก็แย่ด้วย นี่ก็เป็นอีกความหมายหนึ่งของธรรมะ

ความหมายที่ ๓ ธรรมะคือแผนที่ชีวิต ถ้าเรามีแผนที่ในการดำเนินชีวิตหรือเรียกว่าคู่มือมนุษย์ รับรองว่าไม่หลงทิศไม่หลงทาง คนบางคนอยู่กันมาอายุตั้ง ๕๐ ปี จึงจะเห็นว่าชีวิตที่พึงประสงค์นั้นเป็นอย่างไร คนบางคนอยู่กันมา ๖๐ - ๗๐ ปีก็ยังไม่รู้เลยว่าอะไรเป็นอะไร เพราะเขาไม่มีแผนที่ชีวิต

ฉะนั้นธรรมะจะนิยามให้ง่ายๆ ก็มี ๓ ความหมาย หนึ่ง คือ ศิลปะในการดำเนินชีวิต สอง คือ ปรัชญาในการดำเนินชีวิต และสาม คือแผนทีในการดำเนินชีวิต

มีนิทานปรัชญาเรื่องหนึ่ง เรื่องเกี่ยวกับความสุขมีใจความว่า

นักธุรกิจใหญ่ชาวอเมริกาคนหนึ่งมีเงินระดับพันล้าน เกษียณอายุก่อนกำหนด รู้สึกว่าชีวิตมีอิสระมากมีความสุขเหลือเกิน ก็บอกคนรถว่าไปตกปลากัน นำเอาไวน์ขวดละแสนใส่รถไป น้ำแข็งใส่ถังไปด้วย ตรงไปที่ทะเลสาบ ไปถึงก็ไปนั่งตกปลา แล้บอกตัวเองว่า แหม มันช่างมีความสุขเหลือเกิน มีลมพลิ้วเบา ๆ ตกปลาไปจิบไวน์ไป

สักพักหนึ่งก็มองไปเห็นใครคนหนึ่งซึ่งนั่งตกปลาอยู่ไม่ไกลนัก นักธุรกิจท่านี้ ก็ลุกไปถามว่า

"คุณครับ ที่นี่มีปลาเยอะหรือเปล่า..."

"ก็มีเยอะแยะ"

"คุณตกปลามานานหรือยัง..."

"ก็ตกมาทั้งชีวิตนั้นแหละ"

"ได้วันละกี่ตัว..."

"ผมได้วันละ ๑-๒ ตัว ผมก็กลับแล้ว"

"อ้าว ปลามีตั้เยอะทำไมไม่เอาเยอะๆ ล่ะ..."

"เอาไปทำไมเยอะๆ ผมมีกันอยู่แค่ ๓ คน"

นักธุรกิจใหญ่ทำงานหน้างุนงง

"ปลาไปวันละตัวผมก็อิ่มกันแล้ว"

"ปัดโธ่เอ๋ย ไม่เข้าใจเลย ถ้าเป็นผมนะ ผมจะตกเยอะๆ เลย..."

คุณลุงก็ถามกลับว่า "ตกเยอะๆ เอาไปทำไม"

"เอาไปขายสิลุง ได้เงินด้วย..."

สักพักหนึ่ง คุณลุงชาวบ้านก็ถามอีกว่า

"ทำไมคุณมาตกปลาล่ะ"

"ผมเกิดมาในตระกูลที่พ่อแม่ร่ำรวย ก็ไปเรียนจนจบปริญญาเอกจากนั้นก็ทำงานมา ๓๐ ปี จากนั้นก็ทำงานมา ๓๐ กว่าปี..."

"โห...ทุกข์มาตั้ง ๓๐ กว่าปี แล้วตอนนี้ทำไมคุณมาตกปลา"

"ก็อยากมีความสุข เลยมาตกปลา..."

คุณลุงชาวบ้านก็บอกว่า "ผมไม่ต้องไปเรียนจนจบปริญญาเอกเลย ไม่ต้องไปทำงานตั้ง ๓๐ ปี แล้วมาตกปลาเพราะอยากจะมีความสุข ผมมีความสุขทุกวัน"

เห็นไหม ฉะนั้นบางครั้งวิถีทางแห่งการเข้าถึงความสุข อาจจะไม่ใช่วิธีอย่างที่นักธุรกิจคนนั้นทำก็ได้ แท้ที่จริงความสุขอาจเป็นเรื่องง่ายๆ เรียบๆ ธรรมดา ซึ่งเรามองข้ามไปเท่านั้นเอง


ที่มา : หนังสือ ความทุกข์มาโปรดความสุขโปรยปราย โดย พระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี)